ข่าว
ทรัมป์ลงนามร่างงบประมาณ “หยุดภาวะชัตดาวน์” ยาวนานเป็นประวัติการณ์ถึง 43 วัน...

บีบีซี : รายงานวันที่ 13 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ลงนามในร่างงบประมาณเพื่อยุติ “ภาวะชัตดาวน์” ที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศหลังหน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐหยุดทำการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา

โดยเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 222 เสียงต่อ 209 เสียงเมื่อค่ำวันพุธที่ 12 พ.ย. และก่อนหน้านี้วุฒิสภามีมติเห็นชอบกับร่างงบประมาณดังกล่าวเช่นเดียวกันที่คะแนน 60 เสียงต่อ 40 เสียงเมื่อวันที่ 10 พ.ย....

นายทรัมป์กล่าวในห้องทำงานรูปไข่ที่ทำเนียบขาวว่า รัฐบาลจะกลับมาดำเนินงานตามปกติหลังจากประชาชนได้รับผลกระทบอย่างสาหัสจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลนาน 43 วัน...

บริการภาครัฐหลายหน่วยงานถูกระงับตั้งแต่เดือนต.ค. และเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางประมาณ 1.4 ล้านคนถูกพักงานหรือทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะที่ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการอาหารก็ถูกระงับชั่วคราวและการให้บริการเที่ยวบินหยุดชะงักทั่วประเทศ

รายงานระบุคาดว่าบริการภาครัฐจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในไม่กี่วันข้างหน้านี้ ส่วนปัญหาการคมนาคมทางอากาศน่าจะคลี่คลายก่อนถึงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าช่วงปลายเดือนพ.ย....

ร่างกฎหมายฉบับนี้จะให้งบประมาณที่เพียงพอเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเปิดดำเนินการได้จนถึงวันที่ 30 ม.ค. ซึ่งสมาชิกสภานิติบัญญัติจะต้องหาทางจัดหางบประมาณให้รัฐบาลอีกครั้ง

ก่อนลงนามในร่างงบประมาณนายทรัมป์กล่าวโทษพรรคเดโมแครต พรรคฝ่ายค้าน หลายครั้งว่าเป็นต้นเหตุของภาวะชัตดาวน์ “พวกเขาทำไปด้วยเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ เมื่อถึงการเลือกตั้งกลางเทอมหรือเรื่องอื่นๆ อย่าลืมสิ่งที่พวกเขาทำกับประเทศของเรา” ผู้นำสหรัฐกล่าวย้ำ...

ทั้งนี้ ข้อตกลงที่มีการเจรจาช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีใจความสำคัญคือขยายระยะเวลาการจัดสรรงบประมาณให้รัฐบาลกลางไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค. นอกจากนี้ยังรวมถึงงบประมาณประจำปีสำหรับกระทรวงเกษตร งบประมาณสำหรับหน่วยงานก่อสร้างทางทหาร และหน่วยงานนิติบัญญัติ

พร้อมรับประกันว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางทุกคนจะได้รับค่าจ้างสำหรับช่วงเวลาที่หน่วยงานปิดทำการ งบประมาณสำหรับโครงการช่วยเหลือด้านโภชนาการเสริม (SNAP) จนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า และข้อตกลงสำหรับการลงมติในเดือนธ.ค. เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาของสิทธิประโยชน์ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลซึ่งพรรคเดโมแครตเคยพยายามขอผ่อนผัน... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_10018573

สีจิ้นผิงเข้าเฝ้าฯ ในหลวง-ราชินี หนุนสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน

วันศุกร์ (14 พ.ย.) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ พร้อมแสดงความปรารถนาในการสร้างความพยายามร่วมกันเพื่อเดินหน้าการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน

สีจิ้นผิงกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลือกจีนเป็นประเทศใหญ่แห่งแรกในการเสด็จพระราชดำเนินเยือน และยังเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนนับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งสะท้อนการให้ความสำคัญยิ่งกับความสัมพันธ์จีน-ไทย และมิตรภาพอันลึกซึ้งที่ว่า "จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน"

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมกล่าวว่าราชวงศ์ไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับจีนมาอย่างยาวนาน และมีคุณูปการสำคัญต่อการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างสองประเทศ ซึ่งจีนซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง

สีจิ้นผิงระบุว่าปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย โดยตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา จีนและไทยได้ทำงานร่วมกันและสนับสนุนกันและกันเสมอมา ท่ามกลางภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ทั้งสองประเทศเป็นดังญาติที่ดี มิตรที่ดี และหุ้นส่วนที่ดี

สีจิ้นผิงแสดงความประสงค์จะทำงานร่วมกับพระมหากษัตริย์ไทย ณ จุดเริ่มต้นครั้งประวัติศาสตร์ใหม่นี้ เพื่อเดินหน้าการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันในช่วง 50 ปีข้างหน้า และร่วมเขียนบทใหม่ของมิตรภาพจีน-ไทย.

ที่มา Xinhua


Thai SELECT นิยามใหม่ของอาหารไทยแท้ ด้วยอัตลักษณ์แบรนด์ระดับโลก

งาน Thai SELECT Night Market (Thai SELECT Redefines Authentic Thai Cuisine with New Global Brand Identity) จะจัดขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2568 นี้ ณ Westfield Century City ได้รับพระกรุณาธิคุณจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นองค์ประธาน โดยมีร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จำนวน 14 ร้าน เข้าร่วมถ่ายทอดเสน่ห์อาหารรสชาติไทยแท้ได้แก่ Ayara Thai, Bhan Kanom Thai, Chao Krung Thai, Cha Tra Mue, Coco’s Kanom Thai,Emporium Thai, Farmhouse Kitchen, Heng Heng Chicken Rice, Lacha Somtum, Lum Ka Naad, Luv2Eat, Moom Maam Thai Gelato, Thai Central Cuisine และ Thai Chaiyo โดยทั้ง 14 ร้าน จะร่วมกันเผยแพร่ความเป็นไทยที่ผสมผสานในมิติด้านรสชาติและวัฒนธรรมอย่างงดงามและลงตัว ยกระดับภาพลักษณ์ของอาหารไทยและตราสัญลักษณ์ Thai SELECT สู่สากลงานนี้เปิดให้ประชาชนเข้าร่วมตั้งแต่เวลา 19.45 น. ถึง 21.30 น. จึงขอเชิญชวนชาวลอสแองเจลิสมาร่วมสัมผัสรสชาติอาหารไทยต้นตำรับที่ได้รับการยอมรับและชื่นชอบจากทั่วโลก

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 โครงการ Thai SELECT เป็นตราสัญลักษณ์ที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มอบให้กับร้านอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความอร่อยและความเป็นต้นตำรับ เพื่อส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นให้ร้านอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารไทยบนเวทีโลก ในปี 2568 นี้กระทรวงพาณิชย์ต้องการยกระดับให้ Thai SELECT ก้าวขึ้นสู่การเป็น Global Brand ที่สื่อสารกับผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างทรงพลัง จึงได้ปรับรูปแบบตราและเกณฑ์การมอบตราครั้งสำคัญ โดยใช้ ‘ดาวเกียรติยศรูปดอกกล้วยไม้’ เป็นสัญลักษณ์ เพื่อสะท้อนถึงคุณภาพระดับสากล รสชาติไทยแท้ และประสบการณ์ที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์

ร้าน Thai SELECT โฉมใหม่จะถูกแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ Thai SELECT 1 ดาว, 2 ดาว, 3 ดาว และ Thai SELECT Casual ครอบคลุมตั้งแต่ร้านเล็ก ราคาย่อมเยา ไปจนถึงร้านหรูระดับพรีเมียมที่มอบประสบการณ์อาหารไทยชั้นเลิศ โดยมีการปรับเกณฑ์ประเมินเข้มข้นขึ้นใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ รสชาติและการนำเสนออาหาร บรรยากาศและประสบการณ์ของผู้บริโภค มาตรฐานสุขอนามัย ความเชี่ยวชาญของเชฟ และคุณภาพวัตถุดิบ สัญลักษณ์ “ดาวเกียรติยศรูปดอกกล้วยไม้” ที่ประยุกต์จากส่วนยอดของฝาภาชนะเบญจรงค์ในตราสัญลักษณ์ Thai SELECT สื่อความหมายถึงความประณีตของกระบวนการปรุงอาหารไทย ซึ่งองค์ประกอบในดาว แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 วงกลมภายใน หมายถึง โลก ส่วนที่ 2 วงกลมภายนอก หมายถึง จานอาหาร ส่วนที่ 3 กลีบดอก 5 กลีบ หมายถึง รสชาติอาหารไทยที่มีครบ 5 รส ได้แก่ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด ส่วนที่ 4 เปลวไฟ 5 ทิศ หมายถึง พลังของอาหารไทยและธุรกิจอาหารไทยที่สามารถขยายตัวไปไกลทั่วโลก

หนึ่งในกิจกรรมสำคัญล่าสุด คือ การเปิดตัวตราสัญลักษณ์ Thai SELECT โฉมใหม่ เป็นครั้งแรก ในลอสแอนเจลิส ภายในงาน LA Times Food Bowl Night Market 2025 ในโซน “Thai Village” ที่จัดขึ้นอย่างวิจิตรตระการตา โดยได้รวมร้านอาหาร Thai SELECT ได้แก่ Blue Elephant, Chiang Rai Thai Street Food, Emporium Thai, Farmhouse Kitchen, Kanomwaan และ Manaao Thai Comfortพร้อมด้วยร้านอาหารไทยชื่อดังอย่าง Jitladaและ Luv2Eat มาร่วมสร้างสีสันภายในงาน

ด้วยกิจกรรมเช่นนี้ Thai SELECT ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ว่าร้านอาหารที่ได้รับตรานี้จะมอบประสบการณ์รสชาติไทยแท้ ผ่านกระบวนการปรุงอาหารที่พิถีพิถันตามต้นตำรับ และได้มาตรฐานคุณภาพในระดับสากล

บทความและภาพโดย:Thai Select Team, Watanya Sundarathiti , Navapon Siwanon

สั่นสะเทือนโลก! "สหรัฐฯ" เปิดปฏิบัติการ "Southern Spear" ลุยกวาดล้าง "ก่อการร้าย-ยาเสพติด" ซีกโลกตะวันตก จ่อบุก "เวเนซุเอลา"

เมื่อวันที่ 14 พ.ย.68 พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (13 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ถึงการเปิดปฏิบัติการใหม่ภายใต้ชื่อ “Southern Spear” เพื่อกวาดล้างเครือข่ายก่อการร้ายยาเสพติดในซีกโลกตะวันตก ซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐฯ อาจเตรียมยกระดับการโจมตีทางอากาศต่อเรือต้องสงสัยในทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกในระยะใกล้นี้

เฮกเซธโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อประกาศปฏิบัติการดังกล่าว แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงยังไม่ยืนยันว่าจะนำไปสู่การโจมตีระลอกใหม่หรือไม่ โดยระบุเพียงว่า ภารกิจ Southern Spear มีเป้าหมายเพื่อ “ปกป้องมาตุภูมิ กำจัดผู้ก่อการร้ายยาเสพติดให้หมดจากซีกโลกของเรา และรักษาแผ่นดินเกิดให้ปลอดภัยจากยาเสพติดที่กำลังคร่าชีวิตประชาชนของเรา ซีกโลกตะวันตกคือบ้านใกล้เรือนเคียงของอเมริกา และเราจะปกป้องมัน”

อย่างไรก็ดี การประกาศครั้งนี้ได้จุดกระแสคาดการณ์ว่า สหรัฐฯ อาจเตรียมปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายภายในเวเนซุเอลา เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันไม่ยอมรับความชอบธรรมของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร และกล่าวหาว่าเขามีบทบาทสำคัญในเครือข่ายค้ายาเสพติดระดับนานาชาติ

ความเคลื่อนไหวของเฮกเซธเกิดขึ้นท่ามกลางการเสริมกำลังทางทหารครั้งใหญ่ในภูมิภาค โดยในสัปดาห์นี้ กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีของสหรัฐฯ เพิ่งเดินทางมาถึงพื้นที่ปฏิบัติการ พร้อมทั้งมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยขู่ถึงความเป็นไปได้ในการเปิดปฏิบัติการทางบกหลายครั้ง หลังเหตุโจมตีเรือต้องสงสัยที่ลักลอบขนยาเสพติดก่อนหน้านี้

ที่มา : ข่าวต่างประเทศ:สยามรัฐ