ข่าว
ยกย่อง'ครูมิ้ม'นิสิตฝึกสอน ช่วยนักเรียนจนนาทีสุดท้าย เหลือแค่ 7 วันจะจบการศึกษา

2 ตุลาคม 2567 เฟซบุ๊กเพจ 'มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย' ได้โพสต์แสดงความเสียใจจากเหตุการณ์เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี และขอไว้อาลัยแก่ นางสาวสริญญา หอมเกษร (ครูมิ้ม) นิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพในสถานศึกษา หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา วิทยาลัยสงฆ์อุทัยธานี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย นิสิตฝึกสอน ที่มีรายชื่อผู้เสียชีวิตบนรถบัสที่ไปทัศนศึกษา

คุณครูสริญญา หอมเกษร หรือ ครูมิ้ม เป็นนิสิตชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา มจร อุทัยธานี เป็นนิสิตฝึกสอนผู้ทำหน้าที่จนนาทีครูจนวินาทีสุดท้าย ซึ่ง'ครูมิ้ม'จะปฏิบัติหน้าที่ฝึกสอนเหลืออีกเพียง 7 วันเท่านั้น จะได้กลับเข้ามาศึกษาและจบการศึกษา

สภาฯส่งแนวทางล้อมคอกป้องกันเหตุซ้ำรถบัสทัศนศึกษา ให้'รบ.-6กมธ.'รับไปพิจารณาต่อ

2 ต.ค.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาของ สส. จำนวน 3 ญัตติ ได้แก่ นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน เพื่อให้พิจารณาศึกษาแนวทางเสนอข้อคิดเห็นและการยกระดับมาตรฐานในการป้องกันการเกิดเหตุกรณีรถบัสทัศนศึกษา เกิดเหตุเพลิงไหม้ และหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยา จ.อุทัยธานี ที่บริเวณถนนพหลโยธิน ขาเข้า ใกล้ห้างสรรพสินค้าเซียร์รังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยมีสส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน อภิปราย จำนวน 48 คน อภิปรายให้ความเห็นข้อเสนอแนะอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้สส.ส่วนใหญ่ ให้ข้อคิดเห็นในประเด็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยของรถสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนต้องมีมาตรฐานเฉพาะเป็นพิเศษ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถใช้ถนน ปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัยสาธารณะให้เป็นระบบ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน และให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนทุกคน ยกระดับมาตรฐานการตรวจสภาพรถของขนส่งทั้งภาครัฐและเอกชนให้มีมาตรฐาน บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าของรถ ต้องมีความรอบรู้และเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นและจะต้องใส่ใจมาตรฐานของรถให้มีความปลอดภัย รถต้องมีมาตรฐาน คนขับรถต้องมีความสามารถ มีศักยภาพ มีความรับผิดชอบ และมีความพร้อมในการขับรถ รู้จักวิธีระงับเหตุเบื้องต้น การใช้อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย การดูแลเยียวยาผู้ประสบเหตุต้องมีความรวดเร็วและครบถ้วน

ส่วนประเด็นเรื่องการทัศนศึกษา ยังเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการต่อไป แต่อาจจะต้องปรับให้มีความเหมาะสม เช่น จำนวนครูที่ดูแลเด็กหากเป็นเด็กเล็ก กำหนดอายุของเด็กในการทัศนศึกษา ระยะทางการทัศนศึกษา ต้องมีหลักเกณฑ์และเหมาะสม เพราะการทัศนศึกษาเป็นการเปิดประสบการณ์และการเรียนรู้ นอกห้องเรียนของเด็ก และต้องมีแผนซักซ้อมสำหรับการป้องกันและช่วยเหลือตนเองระหว่างการทัศนศึกษา รวมถึงสื่อมวลชนต้องมีความรับผิดชอบการนำเสนอข่าวสาร ไม่ให้เกิดความกระทบกระเทือนจิตใจ ไม่สร้างบาดแผลความเจ็บปวดให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า การทัศนศึกษาเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนไม่ได้เป็นปัญหา แต่เกิดจากการจัดการความปลอดภัยของยานพาหนะที่พาไปทัศนศึกษา ส่วนปัญหารถบัส รถตู้ ขนส่งสาธารณะหรือรับจ้างเพื่อการโดยสารของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะการออกประกาศหนังสือรับรองติดตั้งก๊าซ CNG แม้จะมีข้อกำหนดที่เข้มข้น แต่ปัญหาคือการบังคับใช้ เพราะรถบัสคันที่เกิดเหตุถูกตั้งข้อสังเกตจากวิศวกรว่า การเฉี่ยวชนแบริเออร์ ถึงขั้นทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้อย่างไร

“เป็นเรื่องที่กรมการขนส่งทางบกจะต้องเร่งตรวจสอบ มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ ขันนอตเรื่องความปลอดภัยของรถบัสที่ใช้โดยสาร ถ้าเกิดการตรวจสอบการตรวจสภาพรถประจำปีและการอนุญาตให้รถที่ติดตั้งก๊าซวิ่งบนท้องถนนยังถูกตั้งข้อสงสัยจากสังคมแบบนี้ ว่าคือการตรวจสภาพหรือการขายลายเซ็นกันแน่ เท่ากับว่าประเทศนี้พื้นที่นี้กำลังระเบิดวิ่งอยู่บนท้องถนนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน” นายวิโรจน์ กล่าว

ต่อมาในเวลา17.15น. นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ลุกขึ้นอภิปรายว่า เรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้ง ถือเป็นการกระทบกระเทือนคนมากเป็นพิเศษ เพราะเราสูญเสียทรัพยากร สำคัญที่สุดของชาติคือนักเรียน และคุณครู เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนความรู้สึกของพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมถึงกระทบกระเทือนกับพ่อแม่ที่มีลูกมีหลานอยู่ ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ตนจึงเสนอว่า ขณะนี้โรงเรียนทุกแห่งเริ่มวิตกกังวลไปถึงผู้ปกครองว่าโรงเรียนของตนจะพาเด็กไปทัศนศึกษาหรือไม่ พ่อแม่บางคนอาจจะไม่ให้ไปและโรงเรียนอาจจะยกเลิก ตนขอย้ำว่าเราต้องไม่ยกเลิก การทัศนศึกษาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากต่อเด็กไทย เพื่อให้เขารู้จักบ้านเมืองตัวเอง ให้มีประสบการณ์ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ยังจะต้องทำต่อไปเพียงแต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ต้องระมัดระวังมากขึ้นว่า วัยใดชั้นใดควรไปไกลแค่ไหนอย่างไร แต่ขอได้โปรดอย่าตัดสินแก้ปัญหาด้วยวิธีหนีปัญหา คือต่อไปนี้ไม่พาเด็กไป เหมือนกับต้นไม้ล้มใส่รถหนึ่งคันรถเสียหาย แต่โค่นต้นไม้ตลอดแถว จึงขอผู้ปกครองและโรงเรียนอย่าหนีปัญหาเราเผชิญกับปัญหาเพียง แต่เราใช้เหตุการณ์นี้ เป็นวิธีการที่จะหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีก

“รถจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2513 ผมว่าอายุรถมากกว่าสมาชิกในสภานี้ส่วนใหญ่ และไม่เคยมีสมาชิกสส. คนใดอยู่ในสภาฯตอนที่จดทะเบียนใช้รถคันนี้ มีผมคนเดียวเป็นผู้แทนสมัยแรกปี 2513 จึงฝากกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องว่า สภาพรถเป็นอย่างไร ผมทราบดีว่าเรามีกติกาที่ดี แต่ไม่มั่นใจว่าเวลาเราตรวจคุณภาพของยานพาหนะเหล่านี้การตรวจสอบเหล่านั้นสามารถตรวจสอบได้จริงหรือไม่ หรือปล่อยเลยตามเลยหรือจ่ายเงินมาและไม่ต้องตรวจ” นายชวนกล่าว

นายชวน กล่าวอีกว่า ความรับผิดชอบในการต้องดูแลรถนอกเหนือจากผู้ประกอบการที่จะต้องตระหนักถึงอันตรายมากกว่า มองว่าลดต้นทุนหากำไรเกินควรแล้ว ในส่วนราชการเรามีหน่วยงานดูแลอยู่ถ้าหน่วยราชการดูแลเข้มงวดเราสามารถที่จะกรองกว่าจะผ่านคุณภาพรถได้ แต่ที่อยากจะเสริมคือมีสมาคมของหน่วยงานนี้อยู่ เช่นสมาคมผู้ประกอบการของแต่ละหน่วยงาน สมาคมจะต้องมีส่วนในการตรวจสอบ สมาชิกที่จัดรถคันนี้ได้จัดรถให้เป็นไปตามคุณสมบัติที่สมาคมกำหนด

นายชวน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สมาชิกหลายคนบอกว่าอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นครั้งสุดท้าย เราเคยพูดเรื่องนี้มาก่อนเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้น เราก็บอกว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้าย แต่ในที่สุดก็ไม่เป็นครั้งสุดท้าย เช่นเดียวกับครั้งนี้ หากว่าเรายังคงมีวิธีการเหมือนเดิมไม่ยกระดับขึ้นมา เหตุการณ์ที่อาจจะรุนแรงกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ก็จะเกิดขึ้นมาอีก ดังนั้นหน่วยงานทั้งหลายที่มีหน้าที่ดูแลกฎเกณฑ์ต้องเข้มงวดกวดขันและปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ตนหวังอย่างยิ่งว่า เรื่องนี้จะทำให้มีส่วนให้การแก้ปัญหาในอนาคตจะดีขึ้น

นายชวน กล่าวอีกว่า เพื่อนสมาชิกได้พูดว่า ประเทศเราเป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุติดอันดับโลก เราอยู่ 1 ใน 10 ประเทศที่มีอุบัติเหตุ จนระหว่างที่ตนเคยเป็นประธานสภาฯ นั้น เคยทำหนังสือถึงเอกอัครราชทูตเกาหลี เพราะนักกีฬาเหรียญทองของเขา ถูกรถชนเสียชีวิตที่จ.เชียงใหม่ รวมถึงเคยทำหนังสือไปถึงเอกอัครราชทูตรัสเซีย ขออภัยและให้กำลังใจขอโทษครอบครัวเยาวชนที่มาเสียชีวิตที่ภูเก็ตจากกรณีเรือสปีดโบ๊ทชน ซึ่งมาจากความประมาทและความไม่จริงจังต่อการไม่รักษาระเบียบวินัยในเรื่องอุบัติเหตุ ซึ่งส่วนตัวมีโอกาสได้ไปสนับสนุน และอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอดคิดว่าทุกหน่วยงานให้ความเอาใจใส่ แต่เมื่อปฏิบัติจริง จะมีปัญหาในทางปฏิบัติ จึงขอสนับสนุนเรื่องการเอาจริงเอาจังอย่างที่สมาชิกได้กล่าวไปแล้วว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบนึกว่านักเรียนที่เสียชีวิตเป็นลูกหลานท่าน ตนเชื่อว่าไม่ใช่ลูกหลานท่านท่านก็รู้สึก รู้สึกกระทบกระเทือนแน่ แต่ถ้าเป็นลูกหลานท่าน ท่านจะคิดอย่างไร ต่อกรณีที่ท่านละเลยปล่อยให้มีการใช้ยานพาหนะที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นสิ่งนี้น่าจะเป็นบทเรียนที่จะทำให้ความระมัดระวังในเรื่องการดูแลให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกาดีขึ้น

“พวกเราได้ร่วมแสดงความเสียใจ ไว้ทุกท่านแล้วผมขอให้กำลังใจ กับครอบครัวของนักเรียนครอบครัวญาติพี่น้องที่เสียชีวิตและบาดเจ็บหวังอย่างยิ่งว่าการดูแลผู้ที่เสียชีวิต เป็นเรื่องที่ต้องทำต่อไป รวมถึงผู้ที่บาดเจ็บจะต้องดูต่อไปว่า ต้องดูแลเขาอย่างไรตลอดไป” นายชวน กล่าว

จากนั้นในเวลา 17.50 น.นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายสรุปว่า ในการจัดทำนโยบายมาตรการต่างเพื่อป้องกันเหตุเศร้าสลดเช่นนี้ในอนาคต จึงควรแบ่งมาตรการออกเป็น3กลุ่ม 1.มาตรการของรถโรงเรียน จำเป็นต้องได้มาตรฐานด้านการโดยสาร มีความปลอดภัย ให้ผู้ปกครองฝากบุตรหลานมาโรงเรียนด้วยความอุ่นใจ ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการควรพิจารณาทบทวนระเบียบกระทรวงฯ ว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ.2562 ตามข้อเสนอของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน

ผู้นำฝ้ายค้านฯ กล่าวต่อว่า 2.มาตรการด้านความปลอดภัยของรถโดยสาร ต่อจากนี้บริษัทเดินรถต้องมีการแนะนำข้อมูลในการเผชิญเหตุกับผู้โดยสารก่อนออกรถ เหมือนที่สายการบินดำเนินการทุกครั้ง และ3.มาตรการด้านการส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ด้านความปลอดภัย กระทรวงศึกษาควรมีมาตรการกำหนดระยะทางการเดินทางไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ตามช่วงอายุของเด็ก เพราะผลวิจัยยืนยันแล้วว่า ยิ่งเด็กเล็ก ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเดินทางไกล ไม่ควรนำเหตุการณ์ต่างๆมาปิดกั้นการเรียนรู้ของเด็ก โดยเฉพาะครอบครัวที่ยังไม่มีสรรพกำลังในการหาโอกาสพาบุตรหลานไปทัศนศึกษา เท่ากับครอบครัวที่ร่ำรวย

ทั้งนี้ ภายหลังการอภิปรายแล้วเสร็จ จนกระทั่งเวลา 17.57 น. นายพิเชษฐ์ ประธานที่ประชุม ได้แจ้งว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบส่งข้อสรุปให้รัฐบาลพิจารณาและดำเนินการ และส่งให้คณะกรรมาธิการ(กมธ.) สามัญ ประจำสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 6 คณะ ได้แก่ 1. กมธ.การศึกษา 2.กมธ.คมนาคม 3.กมธ.การปกครอง 4.กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ 5.กมธ.การป้องกัยและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย 6.กมธ.การสาธารณสุข เพื่อหาแนวทางป้องกันแก้ไข ต่อไป และได้สั่งปิดประชุมในเวลา 18.15 น.


นายกฯห่วงคนไทยในตะวันออกกลาง เรียกร้องทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุด

25 กันยายน 2567 เมื่อเวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเรือประมงไดหมึก หรือเรือไต๋จุ๋ม กลางทะเลบางเสร่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่าพบหญิงสาว ชาวรัสเซีย ลอยคอขอความช่วยเหลือ จึงประสานไปยัง นายสุพจน์ ชมดอกไม้ อายุ 40 ปี ให้นำเรือเร็วออกมาช่วยเหลือ โดยที่เกิดเหตุพบหญิงสาว สัญชาติรัสเซียลอยคออยู่กลางทะเล โดยเรือประมงไดหมึกได้ช่วยเหลือไว้ก่อนหน้า ก่อนนำขึ้นฝั่ง ยังบริเวณศาลาชมรมเรือตกปลาและท่องเที่ยว ชายหาดบางเสร่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

จากการสอบถาม หญิงรัสเซีย ทราบชื่อต่อมาชื่อ จูเนียร์ อายุ 32 ปี พร้อมกับเล่าว่า ตนเองได้พักอาศัยอยู่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.นาจอมเทียน ก่อนตนเองจะได้ลงมาว่ายน้ำทะเลเล่น โดยได้ดื่มสุรามาเล็กน้อย หลังจากน้ำลงไปว่ายน้ำเล่น ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ก่อนตนเองว่ายออกมาไกล และหลงทิศ ห่างจากชายฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตร ก่อนที่จะหมดแรง และหลงทิศจึงลอยคอขอความช่วยเหลือ จากเรือบริเวณนั้น จนมีเรือประมงลำดังกล่าว มาพบเจอ ในช่วงเวลา 16.00 น.ของวันเดียวกัน และได้ทำการช่วยเหลือ พาขึ้นเรืออย่างปลอดภัย

จากการสอบถาม นายสุพจน์ ชมดอกไม้ อายุ 40 ปี ทราบว่า มีเรือประมงไดหมึกได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าพบหญิงชาวต่างชาติลอยคอขอความช่วยเหลือ ห่างจากชายหาดนาจอมเทียนประมาณ 8 กิโลเมตร พอตนเองได้รับแจ้งจึงรีบนำเรือเร็วออกไปรับหญิงดังกล่าว ซี่งอยู่ในอาการอ่อนเพลียและได้ทำการช่วยเหลือขึ้นเรือกลับฝั่งอย่างปลอดภัย ก่อนประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานมารับตัวพาไปตรวจร่างกายยังโรงพยาบาล ก่อนประสานโรงแรมมารับกลับที่พักต่อไป

โซเชียลอาลัยเด็กชายฮีโร่ 'น้องปูอัด' ฝ่าเปลวเพลิงเข้าช่วยเพื่อน บัสมรณะจนเสียชีวิต

2 ตุลาคม 2567 จากเหตุการณ์สลดรถบัสนักเรียนทัศนศึกษาไฟไหม้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 รายนั้น ล่าสุด โลกออนไลน์มีการแชร์วีรกรรมของ "น้องปูอัด" เด็กชายผู้กล้าหาญที่ตัวเองหนีรอดจากเหตุการณ์สลดมาได้แล้ว แต่กลับฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนๆ ที่ติดอยู่บนรถบัสมรณะ จนกระทั่งตัวเองต้องเสียชีวิตในที่สุด

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กญาติของน้องปูอัด ได้โพสต์ภาพและข้อความบีบหัวใจ

" เด็กที่ไปไหนมาไหนกับพ่อ อยู่เคียงข้างพ่อตลอดเวลา แล้วที่นี้ พ่อเอ็งจะอยู่ยังไงว่ะอัด #หัวใจเอ็งมันได้พ่อเอ็งจริงๆเลยอัด เอ็งเก่งที่สุด ไอ้หลานชาย เอ็งมันเก่งที่สุด @ปูอัด วันนี้เอ็งเดินทางกลับบ้านดีๆนะ อย่าหลงทางนะ กลับไปหาทุกคนที่บ้านนะ......"

ขณะที่โพสต์นี้มีผู้เข้ามาแสดงความอาลัยและสดุดีวีรกรรมเด็กชายผู้หล้าหาญเป็นจำนวนมาก