ข่าว
ไบเดนประกาศกร้าวจะไม่ยอมให้ฮามาส-ปูตินชนะ

บีบีซี : 20 ต.ค. 66 : ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวในระหว่างการแถลงทางสถานีโทรทัศน์ว่า ความสำเร็จในสงครามของอิสราเอลและยูเครน มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ โดยหากปล่อยให้การรุกรานดำเนินต่อไป ความขัดแย้งและความโกลาหลอาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้กล่าวปราศรัยจากห้องทำงานรูปไข่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ เกี่ยวกับสงครามที่กำลังเกิดขึ้นทั้งในยูเครน และกาซา โดยเปรียบเทียบว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และกลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซา แม้อยู่ห่างกันคนละภูมิภาค แต่มีความเหมือนกัน นั่นคือทั้งสองฝ่ายต้องการทำลายประชาธิปไตยของเพื่อนบ้านนั่นคือยูเครนและอิสราเอล โดยชัยชนะของอิสราเอลและยูเครนสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงของอเมริกา

นายไบเดน ยืนยันว่าอิสราเอลและปาเลสไตน์ ต่างสมควรได้รับความสงบสุข พร้อมทั้งเรียกร้องทุกภาคส่วนเพิ่มความร่วมมือในการสกัดกั้นการแผ่ขยายความชั่วร้ายของกลุ่มฮามาส รวมทั้งยับยั้งนายปูติน

นายไบเดน เปิดเผยด้วยว่า กำลังเตรียมยื่นขอเงินงบประมาณเร่งด่วนไปยังสภาคองเกรส วงเงินราว 100,000 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า โดยคำปราศรัยของเขาเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากการเยือนอิสราเอลเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับอิสราเอลในการต่อสู้กับกลุ่มฮามาส และผลักดัน ให้ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา

เอเอฟพี และ บีบีซี รายงานวันที่ 20 ต.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา แถลงต่อสาธารณชนจากห้องทำงานรูปไข่ ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หลังกลับจากทริปเยือน อิสราเอล เพื่อแสดงการสนับสนุนรัฐบาลอิสราเอลในการตอบสนองการโจมตีของ กองกำลังฮามาส

โดยตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ยอดผู้เสียชีวิตรวมเพิ่มเป็นกว่า 5,185 ราย ในจำนวนนี้ราว 1,400 ราย เป็นเหยื่อในอิสราเอล และส่วนเหตุโจมตีโรงพยาบาลในเมืองกาซ่าซิตีนั้นข้อมูลข่าวกรองสหรัฐระบุว่ามีผู้เสียชีวิตระหว่าง 100-300 ราย ต่ำกว่าตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุขภายใต้กองกำลังฮามาสเปิดเผยก่อนหน้านี้ที่ 471 รายะอย่างน้อย 3,785 รายเป็นชาวปาเลสไตน์

นายไบเดนกล่าวถึงกรณีในอิสราเอลและยูเครนซึ่งรัฐบาลสหรัฐพยายามให้ความช่วยเหลือ โดยระบุว่ากองกำลังฮามาสและรัสเซียต่าง “ทำลายล้าง” ระบอบประชาธิปไตย ฮามาส และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำแห่งรัสเซีย “เป็นตัวแทนของภัยคุกคามที่แตกต่างกัน แต่พวกเขามีเรื่องที่เหมือนกันนั่นคือทั้งสองฝ่ายต้องการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยของเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงให้สิ้นซากโดยสิ้นเชิง”

สุนทรพจน์ครั้งที่สองจากห้องทำงานรูปไข่ของนายไบเดนเป็นความพยายามซื้อใจผู้มีสิทธิ์ออกเสียงก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567 และเตรียมผลักดันสภาคองเกรสให้ลงมติผ่านงบประมาณก้อนใหญ่มูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.6 ล้านล้านบาท

รวมถึงเงินทุนสำหรับอิสราเอลในการทำสงครามต่อต้านกองกำลังฮามาส และเงินช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนเพื่อต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย

การเชื่อมโยงสองเหตุการณ์เข้าด้วยกันเป็นความพยายามของนายไบเดนที่จะตีกรอบความขัดแย้งเหล่านี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ที่ใหญ่กว่าเพื่อกำหนดกฎระเบียบโลกและปกป้องประชาชนชาวอเมริกันในประเทศ

นายไบเดนกล่าวด้วยว่าจะขอให้สภาคองเกรสเห็นชอบกับงบด้านความมั่นคงแก่อิสราเอลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สื่อสหรัฐรายงานว่างบดังกล่าวจะรวมเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน 346,000 ล้านบาทสำหรับอิสราเอล และราว 2.1 ล้านล้านบาทแก่ยูเครน

ก่อนที่นายไบเดนจะกล่าวสุนทรพจน์ได้ต่อสายตรงคุยกับ ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน โดยนายเซเลนสกีกล่าวขอบคุณระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธีพิสัยไกล (ATACMS) ที่สหรัฐฯ ส่งให้ก่อนหน้านี้ และได้ใช้ถล่มเขตยึดครองของรัสเซียเป็นครั้งแรกจนสนามบิน 2 แห่งใกล้แคว้นลูฮันสก์เสียหายอย่างหนักเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ธานี แสงรัตน์

เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ธานี แสงรัตน์ และภริยา เดินทางจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มาราชการ ณ นครลอสแอนเจลิส ถือโอกาสมาเยี่ยมเยืยนพบปะชุมชนชาวไทยแอลเอ.ด้วย เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา กงสุลใหญ่ ต่อ ศรลัมพ์ และภริยา ได้เปิดบ้านพักท่านกงสุลใหญ่เลี้ยงต้อนรับ และได้เชิญสมาคมฯ, ชมรมต่างๆ และชุมชนไทยใน นครลอส แอนเจลิส ได้พบปะสังสรรค์ในคืนเดียวกัน มีชุมชนไทยชาวแอลเอ.กว่า 100 คน มารอรับด้วยความดีใจที่มีโอกาสได้พบท่านเอกอัครราชทูตไทย ซึ่งอดีตท่านเป็นกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิสและเป็นขวัญใจของชุมชนคนไทยในแอลเอ โดยสมาคมนวดไทย ได้เลี้ยงต้อนรับที่พัทยาเบย์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นรักใคร่ผูกพัน


นำส่งแรงงานไทย 8 ศพ ลอตแรกกลับบ้านเกิด พ่อแม่ร่ำไห้ระงมจ่อทำพิธี ที่เหลือรอตรวจอัตลักษณ์

ศพแรงงานไทยในอิสราเอลที่เสียชีวิตสังเวยสงครามความขัดแย้งถึงไทยลอตแรก 8 ศพ กระทรวงการต่างประเทศนำมอบให้ครอบครัวถึงภูมิลำเนา ส่วนพ่อที่สูญเสียลูกชาย 2 คนพร้อมกัน ได้ศพลูกกลับมาก่อน 1 ศพ ที่เหลือรอพิสูจน์อัตลักษณ์ หลังเผาแล้วจะนำอัฐิใส่โกศวางเคียงคู่โกศแม่ เผยวิญญาณแรงงานไทยเฮี้ยนมาเข้าฝันเมียพาไปดูห้องพักในแคมป์ที่ตาย อีกรายแม่สูญเสียลูกไปนอนที่บ้านที่ลูกส่งเงินมาสร้างให้ได้กลิ่นศพโชยคลุ้ง เชื่อลูกมาหา บอกลา เผยอยากให้เรื่องที่เกิดเป็นแค่ฝันร้ายในชีวิต ขณะที่แรงงานไทยกลับถึงแผ่นดินบ้านเกิดอีก 3 ชุด ทั้งมาโดยสายการบินอิสราเอลและของกองทัพอากาศที่บินไปรับ รวม 448 คน เผยอิสราเอลสังหารผู้บัญชาการกลุ่มฮามาสในกาซาดับพร้อมครอบครัว ส่วนเหตุระเบิดโรงพยาบาลที่คร่าชีวิตผู้เคราะห์ร้ายกว่า 500 ศพทั้งสองฝ่ายต่างโทษกัน ขณะที่การสู้รบยังดำเนินต่อไป

ภายหลังแรงงานไทยในอิสราเอลจำนวนมากที่ไปทำงานด้านเกษตรบริเวณฉนวนกาซา ต้องกลาย เป็นผู้ประสบภัยจากการสู้รบในสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ส่งผลให้มีแรงงานไทยต้องสังเวยชีวิตในสงครามความขัดแย้งครั้งนี้ จนถึงวันที่ 19 ต.ค. มีจำนวน 30 ศพ บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่งกับมีถูกจับเป็นตัวประกัน ทำให้แรงงานที่เหลือต้องอพยพหนีตายขอกลับไทยกว่า 6 พันคน กระทรวงการต่างประเทศและเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟต้องทำงานอย่างหนักในการช่วยเหลือแรงงานไทยให้ได้กลับบ้านให้เร็วและมากที่สุด ขณะที่ศพผู้เสียชีวิตที่เสร็จสิ้นจากการพิสูจน์อัตลักษณ์ของทางการอิสราเอล ถูกนำกลับไทยลอตแรกแล้ว 8 ศพ

นำ 8 ศพแรงงานไทยกลับบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รับการประสานเป็นการภายในจากบริษัทจัดการศพของอิสราเอลว่า สถาบันนิติเวชของอิสราเอลอนุญาตให้นำร่างของแรงงานไทยที่เสียชีวิตจำนวน 8 ราย ออกจากสถาบันนิติเวชฯ สถานเอกอัครราชทูตไทยฯจะส่งร่างของคนไทยชุดนี้กลับด้วยเครื่องบินของสายการบิน El Al Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY083 ออกจากอิสราเอลเวลา 20.00 น. วันที่ 19 ต.ค. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิวันที่ 20 ต.ค. เวลา 08.50 น. สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ราย ได้แก่ 1.นายพงษธร ขุนศรี 2.นายพิชิต นาจันทร์ 3.นายชัยรัตน์ สานุสันต์ 4.นายอานันต์ เพชรแก้ว 5.นายพงษ์พัฒน์ สุชาติ 6.นายอนุชา โสภากุล 7.นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ 8.นายธนอัปเดตยอดเสียชีวิต เจ็บ-ตัวประกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เวลา 18.29 น. วันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศ ได้อัปเดตแจ้งสถานะคนไทยที่ได้รับผลกระทบในอิสราเอล (สถานะคืนวันที่ 18 ต.ค.) ว่า มีคนไทยเสียชีวิต 30 ราย ผู้บาดเจ็บ 16 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 17 รายเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่สถานะการลงทะเบียนขอกลับประเทศไทย มีผู้ประสงค์ขอกลับ 8,273 คน ไม่ขอกลับ 115 คน

แรงงานไทยกลับมาอีก 2 ชุด 312 คน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ในเวลา 11.56 น. บรรดาแรงงานไทยในอิสราเอลที่ขอหนีสงครามกลับไทย เดินทางมาถึงโดยสายการบิน El Al Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY083 จำนวน 125 คน จากนั้นเวลา 13.15 น. มีแรงงานไทยอีก 187 คนมากับเที่ยวบินที่ LY081 นับเป็นแรงงานไทยชุดที่ 8 และชุดที่ 9 ที่กลับไทยจากการลงทะเบียนไว้และซื้อตั๋วกลับเอง มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาตั้งจุดอำนวยความสะดวกรับเอกสารการขอรับสิทธิประโยชน์กองทุนฯ สำหรับแรงงานที่ประตู 9-10 ก่อนไปขึ้นรถบัสนำไปส่งที่สถานีขนส่งและที่สนามบินดอนเมือง เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา

นอกจากนี้ วันที่ 20 ต.ค. จะมีแรงงานไทยเดินทางกลับมาอีก 280 คน โดยเที่ยวบินพิเศษของสายการบินไทย ออกจากกรุงเทลอาวีฟ เวลา 11.00 น. วันที่ 19 ต.ค.ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 03.30 น. วันที่ 20 ต.ค.

เครื่อง ทอ.รับกลับมาอีก 136 คน

ขณะเดียวกัน แรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสงครามเดินทางกลับประเทศอีก 136 คนโดยเครื่องบินแอร์บัส A340-500 เที่ยวบินพิเศษของกองทัพอากาศไทย ที่ไปรับพาเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง เมื่อเวลา 13.55 น. วันที่ 19 ต.ค. เป็นชาย 132 คน หญิง 4 คน มี พล.อ.ท.ชัยนาท ผลกิจ รองเสนาธิการทหารอากาศ พร้อมคณะรอต้อนรับ ขณะเดียวกันในอาคารรับรองมีเจ้าหน้าที่ ก.แรงงาน ก.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก.ยุติธรรม มาตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ พร้อมจัดรถบัส 4 คันไปส่งที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาของแต่ละคน

ยังบินเที่ยวที่ 3 กลับไปรับอีก พล.อ.ต.บุญเลิศ อันดารา โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า เที่ยวบินพิเศษของกองทัพอากาศเที่ยวที่ 3 จะมีขึ้นในวันที่ 21-22 ต.ค. ยังบินไปรับที่สนามบินเบนกูเลียนเหมือนเดิม ส่วนเที่ยวที่ 5-6 อยู่ในการวางแผนของคณะทำงาน หากมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง มีความเป็นไปได้จะมีการรับคนไทยที่จุดสำรองและอาจจะใช้เส้นทางสั้นลง

เชื่อยังมีคนไทยตายมากกว่าข่าว นายยอด แซ่ย่าง วัย 31 ปี ชาว จ.ตาก หนึ่งในแรงงานไทยที่กลับมา กล่าวว่า ไปทำงานในอิสราเอลได้ 2 ปี ที่ทำงานอยู่ห่างพื้นที่สู้รบพอสมควร ตอนแรกมีความสุขดีและหนี้สินเริ่มหมด แต่เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ทำให้หมดความหวังที่จะทำงานหาเงินต่อ ไม่ขอเสี่ยง ส่วนคนไทยที่ยังอยู่ในอิสราเอลก็เข้าใจแต่ละคนมีภาระ ตนขอกลับมาทำไร่สวนที่บ้านดีกว่าและไม่คิดกลับไปอีก นอกจากนี้จากที่คุยกับเพื่อนแรงงานไทยในอิสราเอล เชื่อว่ามีคนไทยที่เสียชีวิตน่าจะมากกว่าที่เป็นข่าว

พ่อเสียลูก 2 คนได้ศพกลับมาก่อน 1 ศพ

ส่วนที่บ้านของนายลำเพย กุสะรัมย์ อายุ62ปี พ่อของนายอภิชาต กุสะรัมย์และนายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ สองพี่น้องแรงงานไทยที่ถูกกระสุนจากการสู้รบของอิสราเอล-ฮามาส เสียชีวิตทั้งคู่และอยู่ใน 8 ศพที่ถูกนำกลับไทยลอตแรก อยู่บ้านเลขที่ 34/1 ม.6 บ้านโคกสูง ต.โนนธาตุ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น มีเพื่อนบ้านที่มาให้กำลังใจนายลำเพยช่วยนายลำเพยจัดเตรียมสถานที่รอรับศพลูกชาย นายลำเพยกล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากกระทรวงการต่างประเทศว่า หลังศพลูกถึงไทยเช้าวันที่ 20 ต.ค. จะจัดรถนำศพส่งมาให้ที่บ้านในวันเดียวกัน

หลังเผาแล้วนำอัฐิวางข้างโกศแม่

นายลำเพยพ่อที่หัวใจสลาย เพราะต้องสูญเสียลูกชายถึง 2 คนไปพร้อมกัน กล่าวอีกว่า หลังรู้ข่าวว่าลูกถูกยิงตายจากเหตุสู้รบ พยายามทำใจเข้มแข็ง ตั้งสติรอว่าเมื่อไหร่จะได้รับศพลูกชาย เพราะเบื้องต้นหน่วยงานมาแจ้งว่า 3 เดือน ก็ทำใจรอ จนทางการแจ้งว่าสามารถนำศพลูกชายกลับมาได้แล้ว แต่มาได้เพียงศพเดียวก่อนคือนายพงษ์เทพ ส่วนศพลูกอีกคนอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ให้ชัดเจน สำหรับศพนายพงษ์เทพจะตั้งสวดอภิธรรมศพ 3 คืน แล้วเผาที่วัดหัวหินประเสริฐธรรมในหมู่บ้าน และจะนำอัฐิใส่โกศไปตั้งคู่กับโกศของแม่ เมื่อศพนายอภิชาติมาถึงบ้านก็จะจัดงานแบบเดียวกันแล้วนำอัฐิใส่โกศวางเรียงกัน 3 คนแม่ลูกในวัดดังกล่าว

ลูกไม่รู้พ่อตายให้โทร.หาทุกวัน

ขณะที่ น.ส.ขวัญชนก ชมชื่น อายุ 29 ปี ชาว จ.ลำปาง ลูกสะใภ้ของนายลำเพยที่เป็นภรรยานายอภิชาต นำลูกสาววัย 4 ขวบ ชื่อน้องเมจิ-ด.ญ.พิมพ์สุภัค เดินทางจาก จ.ลำปาง มาหานายลำเพยผู้เป็นปู่ เพื่อช่วยจัดงานศพสามีและเพื่อให้ลูกสาวได้ร่วมงานศพพ่อ เผยว่า สามีไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลกับน้องชายเพื่อเก็บเงินสร้างบ้าน ระหว่างอยู่ที่อิสราเอลโทรศัพท์มาหาตนกับลูกทุกวัน ช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค. สามีไลน์มาบอกว่า มีเหตุสู้รบกันในพื้นที่อย่างรุนแรง แล้วเงียบหายไปติดต่อไม่ได้ กระทั่งวันที่ 9 ต.ค.ทราบข่าวสามีและน้องชายถูกยิงตาย รู้สึกเสียใจและคิดถึง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร สงสารลูกหลังจากพ่อหายเงียบไป ลูกสาวให้ติดต่อหาพ่อทุกวัน บอกลูกได้เพียงว่า พ่อทำงาน พ่อไม่ว่างคุยโทรศัพท์ เพราะลูกสาววัยเพียง 4 ขวบ ยังไม่ได้บอกความจริงเรื่องพ่อ

แม่เศร้าลูกกลับบ้านแบบไร้ชีวิต ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านนางหมวย นาจันทร์ อายุ 57 ปี แม่นายพิชิต หรือสด นาจันทร์ อายุ 27 ปี 1 ใน 8 ศพแรงงานไทยลอตแรกและเป็นญาติของนายลำเพย อยู่บ้านเลขที่ 43 บ้านโคกสูง หมู่ 6 ต.โนนธาตุ อ.หนองสองห้อง นางหมวยกล่าวว่า สงสารลูกมาก ลูกไปทำงานหาเงินส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่และครอบครัว ทำงานได้เงินพอ แล้วก็จะกลับบ้าน แต่สุดท้ายเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณกลับมา จะตั้งศพลูกสวดอภิธรรม 3 คืนแล้วเผา และจะคุยกับนายลำเพยว่าจะทำอย่างไร เพราะลูกหลานเสียชีวิตพร้อมกัน ศพถูกส่งมาพร้อมกัน ตั้งศพพร้อมกัน แต่การเผาต้องคุยกันว่าจะเผาศพลูกใครก่อน ตั้งแต่ลูกตายไม่เคยฝันถึงลูก มีเพียงเพื่อนสนิทของลูกที่อยู่ จ.ระยอง กับ จ.ชลบุรี ฝันถึงและโทร.มาหา เล่าให้ฟัง เพื่อนสนิทลูกชายยังบอกอีกว่า เคยยืมเงินลูกไป 20,000 บาท จะนำเงินที่ยืมมาคืนให้ในวันที่ศพของลูกมาถึงบ้าน

เมียร่ำไห้กอดรูปศพผัว

อีกศพที่มาพร้อมกัน คือนายชัยรัตน์ หรือปู สุนาสันต์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171 ม.9 บ.โนนสูง ต.บ้านหยวก อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี แรงงานไทยที่ถูกยิงเสียชีวิตคาห้องพักในแคมป์คนงานในเขตกาซา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปดูที่บ้านนายชัยรัตน์ พบเพื่อนบ้านและญาติช่วยกันจัดสถานที่บำเพ็ญกุศลศพ ที่จัดตั้งแต่วันที่ 20-22 ต.ค.และฌาปนกิจศพวันที่ 23 ต.ค. น.ส.เอื้อนจิตร รักชาติ ภรรยานายชัยรัตน์ นำรูปภาพสามีที่เตรียมไว้ตั้งหน้าศพออกมาตั้งที่หน้าบ้าน แล้วจุดธูปบอกดวงวิญญาณสามีว่าไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติ หากชาติหน้าภพหน้ามีจริง ขอให้กลับมาเป็นคู่ครองกันเหมือนเดิม แต่ขอใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันให้นานกว่าชาตินี้ ก่อนจะกอดรูปสามีร้องไห้ด้วยความเสียใจ

วิญญาณเฮี้ยนพาดูห้องที่ตาย น.ส.เอื้อนจิตรกล่าวด้วยว่า ขอขอบคุณรัฐบาลไทย รัฐบาลอิสราเอล นายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งในอุดรธานีและที่อิสราเอล ที่ช่วยดำเนินการนำร่างสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ตั้งแต่ทราบข่าวสามีเสียชีวิตไป สามีมาเข้าฝันทุกวันบอกว่ายังมีชีวิตอยู่ ล่าสุดมาเข้าฝันเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 17 ต.ค. ในฝันสามีพาตนไปที่ห้องพักที่สามีหลบภัยอยู่กับเพื่อนรวม 6 คน ตอนนั้นรู้สึกชาไปทั้งตัวเหมือนถูกผีอำ ขยับตัวไม่ได้ ท่องบทสวดมนต์ ครู่หนึ่งร่างกายก็กลับผ่อนคลายคืนสู่ปกติและสะดุ้งตื่นขึ้นมา มีกลิ่นตัวของสามีตามมา ทำให้เชื่อว่าเป็นวิญญาณของสามีมาหา เพราะทุกคืนที่ผ่านมาไม่มีกลิ่นตัวสามีรุนแรงขนาดนี้ นอกจากนี้ เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 19 ต.ค. หลังมีเจ้าหน้าที่สถานกงสุลไทยในอิสราเอล โทรศัพท์มาบอกว่าพรุ่งนี้จะนำร่างสามีกลับประเทศไทย รวมกับแรงงานคนอื่นๆ ที่เสียชีวิต 8 คน มีคนอุดรธานี 2 คน คือสามีตนและนายอนุชา โสภากุล ชาว อ.กุมภวาปี ปรากฏว่าไฟฟ้าในห้องนอนดับ ตู้เสื้อผ้า ตู้เครื่องแป้งมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด เหมือนมีใครจับเขย่าจนสั่น เพียงครู่เดียวไฟฟ้าก็มา เชื่อว่าวิญญาณสามีคงจะมาบอกให้รับรู้ว่ากำลังจะเดินทางกลับบ้าน บอกดวงวิญญาณสามีไปว่า รับรู้แล้วไม่ต้องเป็นห่วง

หัวใจแม่อยากเป็นแค่ฝันร้าย นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่5 หมู่ 10 บ้านเดียม ต.เชียวแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เป็นบ้านของนายอนุชา โสภากุล หรือแจ็ค อายุ 28 ปี 1 ใน 8 ศพเหยื่อสงครามที่ถูกส่งกลับมาทำพิธีทางศาสนาตามภูมิลำเนา พบว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้องของนายอนุชาช่วยกันกางเต็นท์ จัดโต๊ะเก้าอี้ เตรียมพิธีสงฆ์สำหรับการบำเพ็ญกุศล นางสมพิศ อินทรวิเศษ อายุ 49 ปี แม่นายอนุชา เล่าว่า ตนมีลูก 3 คน นายอนุชาเป็นคนโต เรียนจบชั้น ปวส.ช่างยนต์ วิทยาลัยเทคโนโลยีอีสานเหนือแล้วไปทำงานที่สวนอะโวคาโดที่อิสราเอล เงินเดือน 3-4 หมื่นบาท ทำงานได้ 4 ปี จากสัญญาจ้าง 5 ปี น้องชายอีก 2 คนไปทำงานที่ไต้หวัน นายอนุชาส่งเงินมาใช้หนี้ ธ.ก.ส.หมดแล้ว เหลือแต่หนี้กองทุนการศึกษา 3 แสนบาท ใช้หนี้ปีละครั้ง หลังจากหมดหนี้ได้สร้างบ้านจนเสร็จและเตรียมกลับมาบ้านเมื่อหมดสัญญาจ้าง แต่ลูกมาเสียชีวิตได้แต่ร้องไห้เสียใจอยากให้เป็นแค่ฝันร้าย อยากให้ลูกโทร.กลับมาบอกว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่พอทางการยืนยันจะนำร่างกลับมาบ้านก็แน่ใจว่าลูกเสียชีวิตจริง

เชื่อลูกมาหาถึงบ้านที่สร้างให้

มารดานายอนุชาเล่าทั้งน้ำตาอีกว่า ก่อนที่จะรู้ว่าลูกเสียชีวิตเหมือนมีลางสังหรณ์ หลังจากติดต่อ ลูกไม่ได้ก็ได้แต่นั่งรอฟังข่าวและไปนอนอยู่ที่บ้านที่ลูกสร้างไว้เพราะคิดถึงลูก ขณะอยู่ในบ้านได้กลิ่นเหม็นคล้ายศพโชยมา ได้ยินเสียงประตูห้องลูกเปิดเข้าเปิดออก มีกลิ่นเหล้า กลิ่นบุหรี่ คล้ายของลูกตอนยังมีชีวิตอยู่ ลูกชายมีความฝันว่าเมื่อหมดสัญญางานที่อิสราเอลและกลับมาบ้านแล้วจะมาทำเศรษฐกิจพอเพียง ซื้อวัวมาให้พ่อแม่เลี้ยง วันที่ได้กลิ่นเหม็นเหมือนซากศพลูกคงจะรู้ว่าตัวเองเสียชีวิตแล้วกลับมาบ้านบอกแม่ อยากบอกดวงวิญญาณลูกว่าให้ไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้า ไม่ต้องห่วงพ่อแม่ น้องๆ ไปได้ดีทุกคน ขอให้ลูกได้พักผ่อนเต็มที่เพราะทำงานหนักมามากแล้ว สำหรับศพนายอนุชา จะตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านวันที่ 20-22 ต.ค. และฌาปนกิจวันที่ 23 ต.ค.

เยี่ยมแรงงานถูกนายจ้างทิ้ง ในส่วนการเยี่ยมเยียนปลอบขวัญและให้กำลังใจแรงงานไทย วันเดียวกัน นายสุปัน บุญมาพล นายก อบต.พิมูล อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ และคณะเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 4 หาดทรายมูล ต.พิมูล เยี่ยมให้กำลังใจนางชาลินี เทพเหมือนไพร อายุ 37 ปี ภรรยานายวิไล เทพเหมือนไพร แรงงานไทยในอิสราเอลที่ถูกนายจ้างทิ้ง นางชาลินีได้วิดีโอคอลพูดคุยกับนายวิไลที่ยังปลอดภัยและสถานทูตไทยกำลังให้การช่วยเหลือตามลำดับ นางชาลินีเล่าว่า ที่ทำงานของสามีอยู่ห่างจากจุดสู้รบประมาณ 10 กม.หลังเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ นายจ้างได้หนีไปตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ทิ้งนายวิไลและเพื่อนคนงานไทยอีก 4 คนที่เป็นชาว อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ไว้ที่บ้านนายจ้าง ต้องซ่อนตัวอยู่ในหลุมหลบภัยได้ยินเสียงยิงขีปนาวุธของ 2 ฝ่ายดังอยู่บนท้องฟ้าทั้งวันทั้งคืน อาหารที่ตุนไว้ก็เริ่มขาดแคลน โชคยังดีที่ยังติดต่อสถานทูตได้

นอภ.ปลอบขวัญ 5 ครอบครัว ที่ จ.แม่ฮ่องสอน นายสุรเชษฐ์ พุ้ยน้อย นอภ.แม่สะเรียง (นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง) นำคณะเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเยี่ยมสอบถามความเป็นอยู่และให้กำลังใจญาติแรงงานไทยที่ไปทำงานที่อิสราเอล ที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน ต. แม่เหาะ รวม 5 ราย มีนายแสงชัย ผาติผดุงธรรม อายุ 28 ปี นายวันชัย เวคิณหิรัญ อายุ 28 ปี นายเอกราช หล้าหลวง อายุ 28 ปี นายวีรยุทธ มาดาวงค์ อายุ 32 ปี นายอนุสรณ์ ชื่อก้องไพร อายุ 41 ปี และพูดคุยผ่านวิดีโอคอลกับแรงงานไทยที่ยังอยู่ในอิสราเอล ให้คำแนะนำด้านการติดต่อสื่อสารและประสานงานหากประสงค์จะกลับไทย มีบางรายประสงค์ทำงานต่อเนื่องจากพื้นที่พักพิงและทำงานอยู่ห่างไกลพื้นที่การสู้รบ

สถานีกลางบางซื่อดูแลแรงงานเต็มที่

เวลา 16.00 น. ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ จัดเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับแรงงานไทย 136 คน ที่เดินทางกลับจากอิสราเอลถึงไทย โดยสายการบิน Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY 083 พร้อมจัดรถไฟรับส่งแรงงานไทยและครอบครัวกลับภูมิลำเนาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย พร้อมกันนี้ยังเปิดพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เป็นศูนย์ประสานงานสำหรับหน่วยงานช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากอิสราเอล เป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้แรงงานและครอบครัวใช้เป็นศูนย์กลางติดต่อประสานงานระหว่างกัน พร้อมกับจัดซุ้มอาหารว่าง น้ำดื่ม ดูแลแรงงานไทยและครอบครัวที่มารอรับ ตลอดจน จัดเจ้าหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกให้บริการได้อย่างเพียงพอ ไม่กระทบต่อการให้บริการแก่ผู้โดยสารประชาชนทั่วไปที่เดินทาง

สองฝ่ายโทษกันไปมาใครยิงจรวด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเหตุระเบิดในโรงพยาบาลอัล-อาห์ลี อัล-อารบี ที่เป็นโรงพยาบาลที่อยู่ภายใต้ความดูแลของโบสถ์คริสต์นิกายแองกลิกัน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใดๆ ในฉนวน กาซา กองกำลังติดอาวุธกลุ่มฮามาสอ้างว่าเป็นการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล แต่ทางการอิสราเอลปฏิเสธข้อ กล่าวหาดังกล่าว นายอัชราฟ อัล-คูดรา กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์แถลงยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ที่ 471 ศพ บาดเจ็บ 342 ราย รวมถึงบาดเจ็บสาหัส 28 ราย

จวกสื่อเสนอข่าวเท็จลวงทั่วโลก

ด้านนายลิโอ ไฮอาต โฆษกกระทรวงต่างประเทศ ของอิสราเอลแถลงผ่านเอกซ์ หรือทวิตเตอร์ว่า จากเหตุ โศกนาฏกรรมที่โรงพยาบาลอัล-อาห์ลี อัล-อารบี ในกาซา ที่มีผู้คนนับสิบคนเสียชีวิต ยังเป็นเรื่องอันน่าเศร้าสลดใจของปาเลสไตน์ บ่งชี้ว่ากลุ่มก่อการร้ายในปาเลสไตน์ลงมือสังหารประชาชนของตน หลังใช้บุคคลเหล่านี้เป็นโล่มนุษย์ นายไฮอาตยังจวกสื่อจำนวนมากที่นำเสนอข่าวสารและข้อมูลเท็จ รวมถึงการละทิ้งจริยธรรมสื่อ กลุ่มฮามาสไม่จำเป็นต้องแสวงหาวิธีในการโฆษณาชวนเชื่อใดๆ เพียงใช้สื่อต่างประเทศก็แพร่ข่าวลวงไปทั่วโลกได้ เช่นนี้แล้วความรับผิดชอบของผู้สื่อข่าวและสำนักข่าวอยู่ที่ใด ใครเป็นคนจัดการร้อยเรียงข่าวสารให้เป็นเรื่องราวทั้งหมดนี้

ด่าแหลกรายงานไร้ความรับผิดชอบ

นายไฮอาตระบุอีกว่า การรายงานข่าวอย่างไร้ความรับผิดชอบคือความล้มเหลวผู้นำเสนอ การอ้างอิงแหล่งข่าวจากกลุ่มก่อการร้าย แย่ยิ่งกว่ากลุ่มไอซิสอีก นอกเหนือไปจากเรื่องจริยธรรมแล้ว การเสนอข่าวลวงยังสร้างความโกลาหลในภูมิภาค อาจก่อให้เกิดความรุนแรงและการเข่นฆ่ากันด้วย สำนักข่าวต้องมีความรับผิดชอบและปฏิบัติตามข้อกำหนด เพื่อรายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์ พร้อมระบุว่า จากเหตุระเบิดในโรงพยาบาลเมื่อ 18 ต.ค. สื่อหลายสำนักสอบตกเรื่องการนำเสนอข่าว

เร่งเก็บกู้ซากเหยื่อระเบิดใน รพ. วันเดียวกัน สำนักข่าวไทมส์ของอิสราเอลระบุว่า พล.ร.ต.แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล (IDF) เผยว่า ตั้งแต่เกิดการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มฮามาส ที่เริ่มบุกโจมตีทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา มีทหารของอิสราเอลเสียชีวิตเป็นจำนวน 306 ศพ นอกจากนี้ กองทัพยังได้รับแจ้งบุคคลสูญหายจำนวน 203 ราย จากครอบครัวซึ่งเชื่อว่าบุคคลอันเป็นที่รักถูกจับเป็นตัวประกันในฉนวนกาซา อย่างไรก็ตาม จำนวนดังกล่าวยังไม่ใช่ตัวเลขที่แน่นอน อีกทั้งในจำนวนนี้มีบางรายที่ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ว่าถูกจับเป็นตัวประกัน กองทัพยังคงลงพื้นที่ในบริเวณกาซาเพื่อเก็บกู้ร่างไร้วิญญาณของชาวอิสราเอล ส่วนใหญ่ยังรอการระบุอัตลักษณ์

เผยอิสราเอลสังหาร ผบ.กลุ่มฮามาส

ขณะเดียวกันแม้จะเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่โรงพยาบาลในกาซา แต่สถานการณ์การสู้รบระหว่าง กองทัพอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังคงดำเนินต่อ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ว่า การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลได้คร่าชีวิตของนายจีฮัด เมเซน ผู้บัญชาการกลุ่มฮามาส พร้อมสมาชิกครอบครัวที่บ้านพักในกาซา รวมถึงยังคร่าชีวิตนางจามิลา อับดัลลาห์ ทาฮา อัล-ชานติ สมาชิกสภานิติบัญญัติ สตรีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งกรรมการฝ่ายการเมืองของฮามาส วัย 68 ปี จากการโจมตีดังกล่าวอีกด้วย


ปูตินลงพื้นที่ศูนย์บัญชาการกองทัพ หลังยูเครนโวใช้จรวดพิสัยไกลสหรัฐฯ

ผู้นำรัสเซียเดินทางไปยังศูนย์บัญชาการกองทัพ ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เพียงไม่กี่วันหลังยูเครนกล่าวว่า ใช้ระบบขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ว่า ประธานา ธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เดินทางไปยังศูนย์บัญชาการกองทัพรัสเซีย ที่เมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน ทางตอนใต้ของประเทศ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยเป็นการแวะระหว่างเดินทางจากเมืองเปียร์ม ในภูมิภาคเทือกเขายูรัล เพื่อกลับไปยังกรุงมอสโก

ทั้งนี้ ผู้นำรัสเซียรับฟังรายงานจาก พล.อ.วาเลอรี เกราซิมอฟ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม เกี่ยวกับความคืบหน้าของปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ที่กองทัพรัสเซียเปิดฉาก เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของปูตินเกิดขึ้น หลังประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวในสัปดาห์นี้ ว่ากองทัพยูเครนใช้งานระบบขีปนาวุธทิ้งตัวทางยุทธวิธี “อะแทคซิมส์” (ATACMS) ซึ่งได้รับความสนับสนุนจากสหรัฐฯ โดยระบบสามารถโจมตีเป้าหมายด้วยความแม่นยำ

อย่างไรก็ตาม เซเลนสกีปฏิเสธกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ว่าการใช้งานเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใด ทั้งนี้ อะแทคซิมส์ มีระยะทำการสูงสุดประมาณ 300 กิโลเมตร แต่สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า ระบบซึ่งยูเครนได้รับ มีพิสัยทำการสูงสุดประมาณ 165 กิโลเมตร

ขณะที่นายอนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า การที่สหรัฐฯ มอบความสนับสนุนดังกล่าวให้แก่ยูเครน “เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง” และจะก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงตามมา กระนั้น ความสนับสนุนด้านอาวุธของฝ่ายตะวันตก ไม่มีผลต่อสถานการณ์สู้รบที่กำลังดำเนินอยู่

เครดิตภาพ : AFP


อิสราเอลถล่มเป้าหมายกว่า 100 จุดในกาซา อพยพประชาชนใกล้เลบานอน

เครื่องบินรบอิสราเอล ปูพรมโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายมากกว่า 100 แห่ง ในฉนวนกาซา ขณะเดียวกัน ประชาชนในเมืองทางเหนือติดกับเลบานอนต้องอพยพ ท่ามกลางการปะทะข้ามแดนกับกลุ่ม ฮิซบอลเลาะห์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ว่า กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ต่อเป้าหมายมากกว่า 100 แห่ง ในฉนวนกาซา เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สามารถสังหารนายอัมจัด มาเจด มูฮัมหมัด อาบู โอเดห์ หนึ่งในแกนนำของกลุ่มฮามาส ที่ร่วมวางแผนโจมตีอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.

ขณะเดียวกัน เป้าหมายการโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอลรอบนี้ ยังรวมถึง ฐานปฏิบัติการ กองกำลังทางอากาศของกลุ่มฮามาส ศูนย์บัญชาการ คลังแสง และโครงข่ายอุโมงค์ใต้ดิน

ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า “จำเป็น” ต้องทิ้งระเบิดใส่มัสยิดแห่งหนึ่ง ในเขตจาบาลิยาของฉนวนกาซา เนื่องจากกลุ่มฮามาสใช้เป็นศูนย์บัญชาการและซุกซ่อนอาวุธ แต่ไม่ได้กล่าวถึงความเสียหาย ซึ่งเกิดขึ้นกับโบสถ์ออร์โธดอกซ์แห่งหนึ่งในฉนวนกาซา

เด็กหญิงสองคนมองเจ้าหน้าที่ค้นหาผู้สูญหาย ภายใต้ซากปรักหักพังของอาคาร ซึ่งพังถล่มเพราะการทิ้งระเบิดของเครื่องบินรบอิสราเอล ที่เมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา

ด้านกลุ่มฮามาสประณาม การที่อิสราเอลโจมตีศาสนถานหลายแห่งในฉนวนกาซา และประกาศ “การระดมพลครั้งใหญ่ทั่วโลก” โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อต่อต้านอิสราเอลและสหรัฐฯ เครื่องบินขับไล่เอฟ-15 ของกองทัพอากาศอิสราเอล บินในเขตน่านฟ้าใกล้กับฉนวนกาซา

นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลสั่งอพยพประชาชนทั้งหมด ในเมืองเคอร์ยัต ชโมนา ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งติดกับภาคใต้ของเลบานอน เนื่องจากการปะทะตามแนวชายแดน ระหว่างทหารอิสราเอลกับกลุ่ม ฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ทางใต้ของเลบานอน และเป็นพันธมิตรกับกลุ่มฮามาส ทวีความรุนแรงคู่ขนานไปกับการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส

สถานการณ์รุงแรงข้ามพรมแดนระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลให้กับหลายฝ่าย ว่าบริเวณนี้จะเป็นแนวรบที่สองของอิสราเอล โดยผู้เสียชีวิตจากการปะทะระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์รอบนี้ อยู่ที่อย่างน้อย 3 ราย ในอิสราเอล และอย่างน้อย 20 รายในเลบานอน รวมถึง ผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ส และพลเรือน 2 ราย

นักวิจัย IAEA ตรวจปลาใกล้โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ หลังปล่อยน้ำปนเปื้อนลงทะเล

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทีมเจ้าหน้าที่จากทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์จาก จีน, เกาหลีใต้ และแคนาดา เดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเก็บตัวอย่างปลาจากตลาด, น้ำ และสารตกตะกอนต่างๆ ใกล้กับโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟุกุชิมะ-ไดอิจิ แล้วในสัปดาห์นี้ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย

ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจาก ญี่ปุ่นเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีจากโรงงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะลง สู่มหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังประสบปัญหาในการจัดเก็บ เนื่องจากน้ำดังกล่าวสะสมมาก ขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่โรงงานไฟฟ้าแห่งนี้ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิในปี 2554 จนเกิดหายนะนิวเคลียร์ครั้งใหญ่

เรื่องดังกล่าวทำให้จีนกับรัสเซียตัดสินใจยกเลิกการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น แม้ญี่ปุ่นจะพยายามยืนยันว่า น้ำปนเปื้อนดังกล่าวผ่านการกรองด้วยระบบ ALPS ซึ่งกรองกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ได้ยกเว้น ทริเทียม และถูกนำมาเจือจางอีกครั้งด้วยน้ำทะเล จนกัมมันตรังสีอยู่ในระดับต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด ก่อนจะปล่อยลงทะเล

ญี่ปุ่นยืนยันว่า วิธีนี้ได้รับการรับรองจาก IAEA แล้ว และผลการตรวจสอบก็พบว่า ระดับของสารทริเทียมก็อยู่ภายใต้ขีดจำกัดความปลอดภัย

พอล แมคกินิตี นักวิทยาศาสตร์ที่ดูแลเรื่องการสำรวจกับ IAEA กล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นผู้ร้องขอให้มีการวิจัยนี้ และหนึ่งในเหตุผลที่ก็คือเพื่อต้องการสร้างความมั่นใจในตัวข้อมูลที่ญี่ปุ่นกำลังจัดทำ

รอยเตอร์ระบุว่า ภัยพิบัติที่ฟุกุชิมะทำให้น้ำที่ไหลผ่านเตาปฏิกรณ์ไฟฟ้าปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี การบำบัดน้ำปนเปื้อนที่มีปริมาณ 5 ล้านตัน กระทำโดยกรองสารหลายชนิดออกไป เหลือไว้เพียงสารทริเทียมที่กรองออกไปได้ยาก แต่ก็ถูกทำให้เจือจางจนอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด