เมื่อ 15 ส.ค. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ได้แถลงกรณีที่นายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง พร้อมพวก ก่อเหตุฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดังเพิ่มเติม โดยพล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ที่เป็นข่าวนั้น ยืนยันว่าผู้ที่พูดอะไรทั้งหมด อยากให้มาให้การ เพื่อให้เป็นไปตามพยานหลักฐานในสำนวนที่ถูกต้อง ไม่ใช่พูดเพราะอยากเป็นข่าว ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายบอล กลับคำให้การ ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ให้ พล.ต.ต.อนุชัย ซึ่งดูแลสำนวน ชี้แจงว่านายบอลให้การอย่างไรบ้าง มีใครไปจ้าง หรือเยี่ยมบ้างไหม ไม่มี อย่าดีแต่พูด
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า เมื่อเช้านี้ ผบช.น.ได้ให้พนักงานสอบสวน เข้าไปในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อสอบปากคำนายสันติภาพ หรือบอล เพ็งด้วง ตามประเด็นที่มีการกล่าวอ้าง โดยขอตอบเป็นข้อๆ ข้อแรกนายบอล ยืนยันว่า ตั้งแต่ถูกจับกุม ควบคุมและฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีแต่พ่อ แม่ และทายของเขาเข้าไปเยี่ยม ส่วนทนายหรือผู้แทนของนายสุวัตร อภัยภักดิ์ (อดีตทนายความนายเอกยุทธ) ไม่เคยมาเยี่ยม พบหรือพูดคุยกับนายบอลแต่อย่างใด กล่าวโดยสรุปคือ ไม่เคยมีผู้แทนของนายสุวัตรมาพบ ข้อ 2. นายบอลยืนยันว่าไม่เคยพูด ว่ามีคนมาจ้างให้ฆ่าผู้ตาย โดยจะให้ค่าจ้าง 3 ล้านบาทตามที่ว่า ทั้งพูดจริงและพูดเล่น ไม่เคย ข้อ 3.ตามที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทางพนักงานสอบสวนได้ไปอ่านให้ฟังว่า ที่มีญาติของผู้ต้องหาคนอื่นมาเยี่ยม คือมาเยี่ยมผู้ต้องหาคนอื่น ซึ่งนายบอลได้ฝากไปบอกญาติว่าให้ไปบอกทนายความว่าอยากพบนายสุวัตร หรือผู้แทน ว่าจะรับสารภาพว่ามีคนจ้างฆ่านายเอกยุทธ จากกลุ่มคนมีสี ด้วยเงินประมาณ 3 ล้านบาท นายบอลตอบว่า “ขอยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแต่อย่างใด และไม่เคยพูดข้อความดังกล่าว และเนื้อความในหนังสือพิมพ์ที่ให้อ่านนั้น ไม่ตรงกับความเป็นจริง”
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวอีกว่า ได้ตรวจสอบแล้วเขายืนยันว่ารายชื่อบุคคลที่จะเข้าไปในเรือนจำนั้น ต้องมีหลักฐาน ซึ่งเมื่อตรวจสอบไม่มีรายชื่อผู้แทนหรือนายสุวัตร เข้าไปเยี่ยม สุดท้ายนายบอลได้ขอว่า ขอยืนยันคำให้การเดิมทุกประการ และได้กระทำผิดจริงตามที่ให้การกับพนักงานสอบสวน พร้อมได้นำชี้ทำแผนประกอบคำรับสารภาพไปแล้ว เพื่อประโยชน์ของการสอบสวน ใช้ในการพิจารณาของศาล เพื่อประโยชน์ในการบรรเทาโทษ จึงขอให้อย่ามาถามในเรื่องต่างๆเหล่านี้อีก ขอให้ผู้ที่หาประโยชน์กับเขาอย่าไปรบกวนเขาอีก อยู่ในนั้นเขาจะได้กลับตัวกลับใจสำนึกผิด และหากมีโอกาสได้ลดหย่อนบ้างก็อาจจะได้กลับมาเป็นพลเมืองดี เพราะฉะนั้นก็ขอร้องว่า ใครก็ตามอย่าไปหาประโยชน์จากเขาอีกเลย เขาได้ขอร้องมามีการเซ็นชื่อต่างๆไว้เรียบร้อย ต่อหน้าเจ้าหน้าที่เรือนจำ
เมื่อถามว่าจะสรุปสำนวนภายในสัปดาห์นี้จะเสร็จวันใด พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า ทางผบช.น.ก็เร่งรัด ให้สรุปให้ได้ในสัปดาห์นี้ การสอบสวนจะเรื่อยเปื่อยไม่ได้ เพราะต้องมีระยะเวลาการฝากขัง ขณะนี้ฝากขังครั้งที่ 6 แล้ว และเราต้องสรุปส่งอัยการ อย่างไรก็ดี ระหว่างนี้หากพบมีพยาน หลักฐานเพิ่มเติม ก่อนมีคำพิพากษาก็เพิ่มเติมได้
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า สรุปว่าถึงส่งสำนวนไปแล้ว หากมีหลักฐานเพิ่มเติมมา ก็จะสอบทุกประเด็นและเพิ่มเติมได้ ไม่ใช้ว่าสรุปสำนวนแล้วส่งไม่ได้ เพราะฉะนั้นอยากให้มาให้การ หากมีหลักฐาน
เมื่อถามว่านายสุวัตร ไม่ได้เป็นทนายความนายเอกยุทธแล้ว เพราะยุติบทบาทแล้ว แต่กลับมาพูดว่านายบอลกลับคำให้การ จะเป็นการโยงเรื่องการเมือง หรือดิสเครดิตเจ้าหน้าที่หรือไม่ หรือมีเหตุผลอื่นแฝงหรือไม่ จึงออกมาพูด พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวว่า คงต้องไปถามนายสุวัตร เมื่อตั้งข้อสังเกตมา มีความคลางแคลงสงสัย ทาง ผบช.น.ก็สั่งการให้ทำความจริงให้ปรากฏ ส่วนเหตุผลที่จะพูดอย่างไร ก็ต้องไปถามคนที่พูด
เมื่อถามว่าเมื่อตรวจสอบความจริงจนขณะนี้ จะมีการพูดคุยกับนายสุวัตรหรือไม่ที่ออกมาพูด พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า ไม่ครับ เพราะทางนายสุวัตร จะพูดอย่างไรก็เป็นเรื่องของท่าน เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนว่าไม่ยุ่งเกี่ยวถอนตัวจากคดีนี้แล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่ติดต่อไป แต่เมื่อออกตามสื่อ ก็ให้ไปสอบปากคำนายบอลใหม่ และนายบอลก็ยืนยันเช่นเดิม เพราะหลักฐานมันชัดเจน ไม่จำเป็นต้องประสานให้นายสุวัตรทราบ ก็ทำสำนวนไป
เมื่อถามว่านายสุวัตรบอกว่ามีคนโทรศัพท์มาข่มขู่ ได้ขอกำลังตำรวจดุแลหรือประสานมาหรือไม่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า ไม่มีเลย ไม่ได้ประสานมา แต่นายสุวัตร เคยโทรศัพท์มาหาเมื่ออาทิตย์กว่าๆ ว่าถอนตัวจากคดีนี้แล้ว ก็ไม่ได้คุยเรื่องอื่น
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อค่ำวันที่ 15 สิงหาคม ตนพร้อมด้วยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายกษิต ภิรมย์ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพูดคุยเป็นการส่วนตัวและเป็นทางการกับนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำรุ่น 2 และโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ในเรื่องทิศทางการต่อสู้ทางการเมืองของแต่ละฝ่าย ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้คาดว่าทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจกันดีแล้ว และในทางการเมืองนับจากนี้คงทำงานร่วมกันได้ โดยสาเหตุในการพูดคุยเริ่มต้นจากเห็นว่ามีหลายกลุ่มที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณ แต่ไม่มีความเป็นเอกภาพ เมื่อไม่รวมกันก็จะไม่มีพลัง จึงติดต่อพูดคุยจับมือกัน ซึ่งเรื่องทั้งหมดตนได้เรียนให้ผู้ใหญ่ในพรรครับทราบแล้ว
นายนิพิฏฐ์กล่าวต่อว่า การพูดคุยนั้นแต่ละฝ่ายได้พูดถึงแนวทางในการต่อสู้เพื่อนำข้อสรุปในการหารือไปบอกกล่าวแกนนำของแต่ละฝ่าย เพราะเห็นว่าทั้งสองกลุ่มต่างมีเป้าหมายเดียวกัน คือคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่จะลบล้างความผิดและโค่นล้มระบอบทักษิณ แม้ขณะนี้เราจะมีแนวทางวิธีการต่อสู้ที่แตกต่างกัน แต่ก็มีเป้าหมายเดียวกัน ดังนั้น จะสามารถร่วมกันขับเคลื่อนไปด้วยกันได้ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายแล้วแนวทางการต่อสู้ของทุกกลุ่มก็จะออกมาเป็นแนวทางเดียวกันที่เป็นเอกภาพ แต่ในระยะนี้แต่ละกลุ่มมีเงื่อนไขของตัวเอง เช่น แกนนำพันธมิตรติดเงื่อนไขของศาล ไม่สามารถขึ้นเวทีปราศรัยได้ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถลาออกจาก ส.ส.ได้ เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อการต่อสู้ แต่เราก็ไม่ปิดทาง เพราะถ้าเกิดสถานการณ์ใกล้เคียงกับที่พรรคประชาธิปัตย์เคยประกาศไม่ลงรับเลือกตั้ง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีการลาออก ดังนั้น ขณะนี้เราจะต่อสู้ทั้งในและนอกสภา ขณะที่กลุ่มพันธมิตรก็บอกชัดเจนว่า เขาจะสู้เพื่อล้มระบอบทักษิณให้ถึงที่สุด
ก่อนหน้านี้ นายปานเทพ พัวพงศพันธุ์ ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้มาพบเพื่อหารือถึงการร่วมมือกันทางการเมือง มีข้อความดังต่อไป
ตามที่คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้มีการคุยกันระหว่างพันธมิตรฯกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ 3-4 คน ผมจึงขอเรียนให้ทราบว่าเรื่องดังกล่าวผมกับคุณประพันธุ์ คูณมี ได้นัดพบกับ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นความจริง เป็นการหารือเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ที่เอาผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นตัวตั้ง โดยผมได้เสนอความคิดตามข้อเสนอของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ขอให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลาออกมาเพื่อหยุดความชอบธรรมของระบบเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งนี้ เพื่อมาร่วมกับพี่น้องประชาชนคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อการเปลี่ยนขั้ว แต่มาร่วมกันต่อสู้เพื่อปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทั้งประเทศ 65 ล้านคน ซึ่งคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็พร้อมจะเข้าร่วมเดิมพันที่จะมีความคุ้มค่าครั้งนี้ด้วย เพื่อเอาชาติเป็นตัวตั้ง แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปวันนี้เพราะเป็นการพูดคุยครั้งแรก แต่พรรคประชาธิปัตย์น่าจะต้องไปพิจารณาข้อเสนอนี้ในพรรคต่อไป
การพบปะในวันนี้ ฝ่าย ปชป. มี คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ , คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน, คุณกษิต ภิรมย์, ส่วนคุณหญิงกัลยา โสภณพานิช เข้ามาช่วงแรกแต่ติดภารกิจอภิปรายงบประมาณในสภา ส่วนผมไปกับคุณประพันธุ์ คูณมี โดยภาพรวมดูเหมือนคิดตรงกันหลายเรื่อง (ในความคิดของผม) เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคใหญ่อย่างไรเสียก็ต้องกลับไปหารือในพรรคอีกครั้ง ให้เวลาพวกเขาหน่อยครับ และพวกเราเห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องการพูดคุยครั้งนี้แม้จะยังไม่ได้ข้อยุติแต่ก็สามารถให้ข่าวได้เพื่อให้ประชาชนได้ทราบว่ามีการเคลื่อนไหวและการพูดคุยนี้เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ยินดีและมีความหวังที่จะก้าวต่อไปครับ
คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ได้ชวนพรรคประชาธิปัตย์มาเพียงแค่คัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรม และไม่ได้ชวนให้มาร่วมกันโค่นระบอบทักษิณ แต่ชวนลาออกมาเพื่อหยุดระบอบเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง มาร่วมมือเปลี่ยนประเทศนี้ด้วยกันเพื่อผลประโยชน์ของคนไทย 65 ล้านคน
มีบางคนคนถามผมว่าไปเจรจากับ คนพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร ไว้ใจได้หรือ ยังไม่เข็ดอีกหรือ โง่หรือเปล่า ผมก็ขอตอบว่า ไม่ลองก็ไม่รู้ และอย่างน้อยก็ได้ลองทำแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอของคุณสนธิ ลิ้มทองกุลครั้งนี้เกิดปัญญาและคิดได้ในขณะกำลังสวดมนต์ ไม่ว่าประชาธิปัตย์จะปฏิเสธ ตอบรับ หรือตอบรับแต่ไม่จริงใจ เชื่อเถอะครับ เมื่อถึงเวลานั้นประชาชนจะเห็นเองและตัดสินได้เองว่าควรจะทำอะไรต่อไปหลังจากนั้น
จากกรณี ‘พี่เป้า’สายัณห์ สัญญา หรือนายสายัณห์ ดีเสมอ ชาวสุพรรณบุรี อายุ 60 ปี นักร้องลูกทุ่งชื่อดังระดับตำนาน ฉายาแหบมหาเสน่ห์ ล้มป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะ 4 เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม 9 โดยมีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ด้านเพื่อนๆ ศิลปินพร้อมใจจัดงานคอนเสิร์ต “วันอำลาขวัญใจคนเดิม สายัณห์ สัญญา” ตามความประสงค์ของสายัณห์เพื่อร่ำลาแฟนเพลงเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งคอนเสิร์ตครั้งแรกผ่านพ้นไปด้วยดีที่เวทีไท
ต่อมา สายัณห์ตัดสินใจออกจากร.พ. กลับมาพักที่เอสเค เรสซิเดนซ์ คอนโดมิเนียม ย่านฝั่งธนฯ พร้อมรักษาด้วยแพทย์ทางเลือก ล่าสุดหลังจากพักอยู่คอนโดฯ ประมาณ 10 กว่าวัน กระทั่งช่วงเย็น 14 ส.ค.ที่ผ่านมา สายัณห์อาการทรุดอีก เบื่ออาหาร น้ำหนักลดฮวบ ไม่มีแรงจนญาติต้องรีบพาตัวส่งโรงพยาบาลธนบุรี แพทย์ลงความเห็นว่าร่างกายนักร้องดังไม่พร้อมขึ้นเวที "วันอำลาขวัญใจคนเดิมสายัณห์ สัญญา กลับบ้านสุพรรณบุรี" ในวันที่ 16 ส.ค. แต่พี่เป้ายืนกรานว่าถึงตายก็ต้องไป ตามที่เสนอข่าวมาตามลำดับ
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 ส.ค. ที่ร.พ.ธนบุรี ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ‘พี่เป้า’สายัณห์ สัญญา นอนพักรักษาตัวอยู่ในห้อง 1310/1-2 ชั้น 3 หอผู้ป่วย 3B ศูนย์เนื้องอกและเคมีบำบัด โดยมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง สภาพร่างกายอ่อนเพลียและไม่สามารถรับรู้อะไร โดยมีลูกๆ และภรรยาดูแลใกล้ชิด ขณะที่หน้าห้องผู้ป่วย มีบรรดามิตรรักแฟนเพลงเดินทางมาให้กำลังใจไม่ขาดสาย แต่ยังคงติดป้ายงดเยี่ยม เนื่องจากแพทย์ต้องการให้ผู้ป่วยพักผ่อนเต็มที่ และต้องระวังการติดเชื้อ ทั้งนี้ นางวรรณพร สัมฤทธิ์ ภรรยาสายัณห์ สัญญา นิมนต์พระจากวัดใกล้เคียงมาเพื่อให้สามีทำสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร และเพื่อเพิ่มกำลังใจ
ต่อมาเวลา 11.30 น. นพ.ประสิทธิ เจียรกุล ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.ธนบุรี นพ.วชิรบุณย์ ศาสตรารุจิ รองผอ.ฝ่ายการแพทย์ พร้อมด้วยนายมานิตย์ อังกินันทน์ ผู้จัดการส่วนตัวของพี่เป้า ร่วมแถลงข่าวอาการล่าสุด
นพ.ประสิทธิ เผยว่า ขณะนี้ผู้ป่วยมีไข้สูงถึง 40 องศา จึงให้ยาฆ่าเชื้อเพิ่ม และให้สายอาหารทางเส้นเลือดดำ ผู้ป่วยมีน้ำตาลในเลือดสูงและจ่ายยาควบคุมแล้ว จากการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ในช่องท้องพบว่า มะเร็งกำลังลามไปยังม้ามและตับเริ่มทำงานบกพร่อง คณะแพทย์มีความกังวัลเพราะคนไข้มีอาการสับสนและซึม เพราะโดยตัวโรคมะเร็งนั้นไม่ได้ทำให้คนไข้ซึมขนาดนี้ ช่วงเย็นแพทย์จะนำไปทำทีซีสแกนเพื่อดูว่าเชื้อลุกลามถึงสมองหรือไม่
“หากว่าลุกลามถึงสมองก็ต้องเรียกว่าอาการหนักมาก และทำอะไรไม่ได้แล้ว การทำงานของอวัยวะโดยเฉพาะตับเริ่มไม่เหมือนเดิม การผ่าตัดรักษาทำไม่ได้ ทำได้เพียงใช้เคมีบำบัด ซึ่งต้องรอให้คนไข้แข็งแรงกว่านี้ก่อน” นพ.ประสิทธิ กล่าว
นายมานิตย์ ผู้จัดการส่วนตัวกล่าวว่า อาการพี่เป้าหนักมาก ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่รู้สึกตัว เบลอๆ ทำให้ไปขึ้นเวทีคอนเสิร์ตที่จ.สุพรรณบุรี ช่วงเย็นวันนี้ไม่ได้ เพราะสุขภาพอยู่ในขั้นวิกฤต ตอนนี้ถ้าจะพูดคุยกับพี่เป้าต้องใช้มือเปิดตาเนื่องจากไม่ยอมลืมตา ไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้น พูดก็ไม่ได้ ได้แต่เหลือกตามองอย่างเดียว ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น ต้องติดตามอาการชั่วโมงต่อชั่วโมง ตอนนี้พยายามพูดไม่ให้พี่เป้าท้อ และต่อสู้กับโรคร้ายต่อไป
วันเดียวกัน ที่สนามลานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ทีมงานจัดงานคอนเสิร์ต "วันอำลาขวัญใจคนเดิมสายัณห์ สัญญา กลับบ้านสุพรรณบุรี" สร้างเวทีขนาดใหญ่กว่า 30 เมตร พร้อมติดตั้งเครื่องเสียงชุดใหญ่ จัดวางโต๊ะ เต็นท์ และเก้าอี้นั่ง เตรียมพร้อมรองรับแฟนเพลง
นายละเอียด ภูฆัง อายุ 62 ปี ญาติสนิทพี่เป้าเปิดเผยว่า ทีมงานเตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์แล้ว เชื่อว่าไม่มีอะไรขัดข้อง ฝนตกก็ไม่น่าห่วง เพราะมีเต็นท์กางไว้รองรับ ช่วงสายวันนี้ตนกับทีมงานจะเดินทางไปสถานที่จัดงานตรวจสอบความพร้อมอีกครั้ง พร้อมจุดธูปบอกท่านพระนเรศวรว่าให้ช่วยคนดีๆ ศิลปินคนดีของเมืองสุพรรณบุรีให้งานผ่านไปด้วยความราบรื่นด้วย ขณะนี้มีศิลปินเพลงติดต่อเข้ามาร่วมงานจำนวนมาก และได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนท่วมท้นเช่นกัน