11 ธ.ค. 2567 นสพ.Daily Mail ของอังกฤษ รายงานข่าว Teenage girl, 17, and her parents among six dead after house explosion in The Hague: Police arrest three over massive blaze ระบุว่า ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 3 รายที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองเฮก เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และบาดเจ็บอีก 4 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 2 คน
ตามแถลงการณ์ของตำรวจ คาดว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้น่าจะเป็นร้านชุดแต่งงานที่ชั้นล่างของอาคาร โดยมีการยึดรถยนต์หลายคันไว้ตรวจสอบ และยังไม่ตัดความเป็นไปได้ในการจับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติม เนื่องจากมีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ที่พบเห็นรถยนต์คันหนึ่งซึ่งขับออกจากที่เกิดเหตุด้วยความเร็วสูงหลังจากเกิดการระเบิด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 6.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ช่วยแจ้งเบาะแสด้วย เพราะเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องสืบสวนเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบว่ารถคันใดคันหนึ่งเป็นรถคันที่ขับออกจากที่เกิดเหตุด้วยหรือไม่
มีการระดมเงินได้เกือบ 6 แสนยูโร (ราว 21.6 ล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือเหยื่อเหตุระเบิดครั้งนี้ ขณะที่ชาวบ้านในย่านมาเรียโฮเวทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเฮก เล่าว่าได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นและกรีดร้องก่อนเกิดการระเบิด โดย ดิมี (Dimi) วัย 53 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า เหมือนกับแผ่นดินไหว มีบางอย่างพังทลายลงมา แต่ไม่เห็นว่ามาจากไหน ซึ่งตนรู้จักเพื่อนบ้านเหล่านี้ และรถคันใหม่ของตนก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน
อดัม มุลเลอร์ (Adam Muller) วัย 14 ปี กล่าวว่า ตนหลับอยู่และทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น พอมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นเพียงเปลวไฟ มันเป็นความตกใจครั้งใหญ่ ทั้งนี้ ชาวบ้านหลายคนบอกกับสื่อท้องถิ่นว่า อพาร์ทเมนต์แห่งนี้ส่วนใหญ่มีผู้สูงอายุและครอบครัวที่มีเด็กอาศัยอยู่ ส่วนผู้พักอาศัยในอาคารอื่นๆ ใกล้อาคารที่ถล่มประมาณ 40 คน ได้รับการอพยพ และบางส่วนถูกพาตัวไปด้วยรถบัสไปยังสถานที่ที่ไม่ทราบแน่ชัด
ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ ที่เปิดเผยเมื่อเดือน ต.ค. 2567 ว่าเกิดเหตุระเบิดที่อาคารธุรกิจและบ้านเรือนเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีเหตุการณ์ 768 ครั้งเมื่อสิ้นเดือน ต.ค. 2567 เพิ่มขึ้นจาก 497 ครั้งในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
คืบหน้าคดียิงสนั่นในบ้านนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี และอดีต รมช.สาธารณสุข ก่อนพบศพนายชัยเดช สิทธิสนิทวงศ์ ชื่อเดิม นายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช หรือ สจ.โต้ง ปราจีน คนดังในวงการมวย ซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของนายสุนทร ถูกยิงด้วยอาวุธปืนนอนเสียชีวิตภายในบ้านของนายสุนทร ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด มีการนำตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ 3 คน ซึ่งเป็นทีมอารักขาของนายสุนทร พร้อมพวกรวม 7 คน มาสอบปากคำที่สภ.เมืองปราจีน แต่ทั้งหมดยังไม่ยอมให้การใดๆ นอกจากนี้ยังได้นำตัวนายสุนทร มาสอบปากคำด้วย เนื่องจากอยูู่ในที่เกิดด้วย โดยมีรายงานว่า สจ.โต้ง มาตกลงเรื่องการเลือกตั้งในบ้านที่เกิดเหตุ แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงเกิดการยิงกันขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยึดอาวุธปืน พร้อมกระสุนได้จำนวนหนึ่ง
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs และมาตรการช่วยเหลือ ลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ประกอบด้วย 1.มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs ประกอบด้วย
(1) มาตรการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดภาระดอกเบี้ยโดยการเน้นตัดต้นเงินลูกหนี้และประเภทสินเชื่อ 3 ประเภท (สัญญาสินเชื่อที่ทำขึ้นก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2567) ประเภทสินเชื่อ วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินเช่น 1. สินเชื่อบ้าน/สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ไม่เกิน 5 ล้านบาท (2)สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และ/หรือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ สินเชื่อเช่ำซื้อรถจักรยานยนต์และ/หรือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 800,000 บาทไม่เกิน 500,000 บาท (3)สินเชื่อธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีสถานะเป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลไม่เกิน 5 ล้านบาท
ส่วนรูปแบบการให้ความช่วยเหลือและเงื่อนไข เช่น ลดภาระการผ่อนชำะค่างวด ระยะเวลา 3 ปี โดยในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ชำระค่างวดร้อยละ 50 70 และ 90 ตามลำดับตามค่างวดที่ชำระจะนำไปตัด เงินต้นทั้งหมดเพื่อให้ลูกหนี้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้นและดอกเบี้ยจะพักการชำระไว้ในช่วงระยะเวลามาตรการ
1.2 มาตรการลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ ที่ถูกจัดชั้นเป็น NPLs ที่มียอดหนี้ ไม่สูง เช่นลูกหนี้ และประเภทสินเชื่อ เป็นลูกหนี้บุคคลธรรมดำที่เป็น NPLs และมีภาระหนี้คงค้างไม่เกิน 5,000 บาท (ครอบคลุมสินเชื่อทุกประเภทที่กู้ในนามบุคคลธรรมดา)
นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบการให้ความช่วยเหลือและเงื่อนไข เช่น การปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนโดยลดภาระให้ลูกหนี้จ่ายชำระร้อยละ 10 ภาครัฐรับภาระร้อยละ 45 และสถาบันการเงินรับภาระร้อยละ 45 ของภาระหนี้คงค้าง ทั้งนี้ แหล่งเงินของทั้ง 2 มาตรการ มาจาก (1) เงินนำส่งเข้า FIDF ของ ธ.พาณิชย์ (ที่ได้รับการละเว้นจากการปรับลดอัตรานำส่งเงินฯ) จำนวน 39,000 ลบ. (2) เงินงบฯตาม ม.28 เพื่อชดเชยให้ SFIs 6 แห่ง จำนวนวน 38,920 ลบ. 2) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ของ Non – banks โดยขยายการให้ความช่วยเหลือให้ครอบคลุมไปยังลูกหนี้ของ Non – banks เนื่องจากกลุ่มนี้มีความเปราะบางและมีหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีดอกเบี้ยสูง
คุณสมบัติลูกหนี้ และประเภทสินเชื่อ 5 ประเภท (สัญญาสินเชื่อทำขึ้นก่อน 1 ม.ค. 67) ในประเภทสินเชื่อวงเงินรวมไม่เกิน
-สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ 800,000 บาท
-สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ 50,000 บาท
-สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กการกำกับ 100,000 บาท หรือ 200,000 บาท
-สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล 20,000 บาท
-สินเชื่อรายย่อยเพื่อกำรประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (Nano Finance)
รูปแบบการช่วยเหลือ เช่น ลดภาระการผ่อนชำระค่างวดเป็นร้อยละ 70 ของค่างวดก่อนเข้าร่วมมาตรการระยะเวลา 3 ปี ลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 จากอัตราดอกเบี้ยก่อนเข้าร่วมมาตรการตลอดระยะเวลา 3 ปี
โดยแหล่งเงิน ธ.ออมสิน ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ Non – banks อัตราร้อยละ 0.01 ต่อปีวงเงิน 50,000 ลบ. ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยรัฐบาลชดเชยต้นทุนเงินในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี งบฯ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,000 ลบ.
2.มาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเพิ่มเติมของ SFIs มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับลูกหนี้กลุ่มเปราะบางอื่น ๆ เช่น เกษตรกร ผู้ประกอบการหาบเร่แผงลอยซึ่งจะไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มลูกหนี้ ตามมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs และครอบคลุมลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดีเพื่อสร้างแรงจูงใจในการรักษาวินัยทางการเงินของลูกหนี้
รูปแบบการให้ความช่วยเหลือและเงื่อนไข เช่น ลูกหนี้ปกติ ครอบคลุมลูกหนี้ รายย่อย ผู้ประกอบการรายย่อย/เกษตรกรรายย่อย และผู้มีรายได้น้อยและ ปานกบาง ผ่านการลดดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ผ่านการพักชำระเงินต้นและไม่คิดดอกเบี้ยกับลูกหนี้ในระหว่างพักชำระหนี้ ลูกหนี้ที่ขอสินเชื่อใหม่ ผ่านการรให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
แหล่งเงิน ให้ SFIs ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธ.ออมสิน ธ.ก.ส. ธ.อาคารสงเคราะห์ ธ.อิสลามใช้จ่ายจากเงินที่ได้จากการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIF) จากร้อยละ 0.25 ต่อปี เป็นร้อยละ 0.125 ต่อปี สำหรับรอบกการนำส่งเงินในปี 68 โดยจากงบประมาณการเงินนำส่งเข้า SFIF ของ SFIs ทั้ง 4 แห่ง ในปี 68
พบว่าหากได้รับการปรับลดอัตราเงินนำส่งฯ เหลือร้อยละ 0.125 ต่อปี จะมีการนำส่งเงินเข้า SFIF ลดลงประมาณ 8,092 ลบ.
4) แนวทางการแก้ไขหนี ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนที่ธนำคำรแห่งประเทศไทยเสนอ ประกอบด้วย 2 แนวทางหลัก
(1) ยกระดับข้อมูลหนี้สินครัวเรือนที่จัดเก็บในระบบฐานข้อมูลของ บจก. ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการมีหนี้ที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในระดับที่เหมาะสมกับรายได้ และไม่เกินกำลังในการชำระคืน รวมถึงออกแบบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ได้อย่างตรงจุดและทันการณ์ และยกระดับข้อมูลหนี้สินครัวเรือน โดยมีแนวทาง เช่น ปรับปรุงและเพิ่มเติมการจัดทำฐานข้อมูลภาวะหนี้นอกระบบของครัวเรือน เพื่อให้มีข้อมูลสถานะภาระหนี้สินที่แท้จริง
(2) การสร้างความสามารถในการแข่งขันและการยกระดับรายได้ โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครัวเรือน โดยมีแนวทาง เช่น ส่งเสริมให้แรงงานยกระดับทักษะฝีมือแรงงาน ดูแลให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจรายใหญ่ได้รับความเป็นธรรม
11 ธันวาคม 2567 กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันทั้งโลกโซเชียลเมื่อศิลปินสาวสุดฮอต โรเซ่ แบล็กพิงก์ เจ้าของเพลงดัง APT ฟีเจอริ่งกับศิลปินระดับโลก 'บรูโน่ มาร์ส' ที่กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก ทะยานขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Spotify และ iTunes ใน 40 ประเทศทั่วโลก
ต่อมา โรเซ่ แบล็กพิงก์ ปรากฎตัวในรายการ You Quiz on the Block ทาง tvN โดยเธอได้บอกเล่าเส้นทางการเป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปในฐานะ 1 ในสมาชิกของ BLACKPINK และเส้นทางของการเป็นศิลปินเดี่ยวของเธอ พร้อมทั้งเธอยังได้บอกเล่าอีกว่าจะมีเซอร์ไพรส์จากศิลปินดังระดับโลก 'บรูโน่ มาร์ส' มาเข้าร่วมรายการด้วย แต่ว่าทาง'บรูโน่ มาร์ส'เกิดปัญหาไม่สามารถเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้ เนื่องจากติดปัญหาเกี่ยวกับวีซ่า งานนี้ทำเอาโลกโซเชียลแห่วิจารณ์กันยกใหญ่เพราะศิลปินระดับโลกก็ยังไม่สามารถเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้
11 ธันวาคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ถนนสายสำคัญทั่วทั้งกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เต็มไปด้วยฝูงชนที่เข้ามาชุมนุมขับไล่ถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอกยอล ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากที่เขานั้นได้ประกาศกฎอัยการศึก
ซึ่งพบว่าบรรยากาศการประท้วงถอดถอนปธน.ยุน ซอกยอน มีการนำเพลงเค-ป็อปยอดนิยมจากหลายๆ วงมาเปิดระหว่างการประท้วง พร้อมทั้งผู้ชุมนุมได้ทำการโบกแท่งไฟ (บง) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการเชียร์ศิลปินวงโปรดในคอนเสิร์ต มาร่วมโบกเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้สร้างบรรยากาศการชุมนุมประท้วงให้คึกคักมากขึ้น จากทำให้บรรยากาศประท้วงคล้ายเหมือนอยู่ในเทศกาลดนตรี
ทางด้านแกนนำผู้ประท้วงเปิดเผยว่า ต้องการจัดการชุมนุมต่อไป จึงนำเพลงฮิตมาใช้ เพื่อช่วยให้ผู้ชุมนุมมีพลังและมีส่วนร่วมโดยไม่เหนื่อยล้า แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ร้ายแรงก็ตาม
ประธานาธิบดียุนรอดพ้นจากลงมติถอดถอนของสมัชชาแห่งชาติเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม แต่พรรคฝ่ายค้านประกาศว่า จะมีการยื่นญัตติถอดถอนอีกครั้งในวันเสาร์นี้ ขณะเดียวกันประธานาธิบดียุน ยังตกเป็นเป้าหมายการสอบสวนทางอาญาในข้อกล่าวหาก่อการกบฏ
โดยเขากล่าวขอโทษสำหรับความพยายามประกาศกฎอัยการศึกที่ล้มเหลว แต่ยังไม่ยอมรับกระแสกดดันเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงจากสมาชิกบางส่วนในพรรคพลังประชาชน
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012