ข่าว
สีจิ้นผิงเดินทางถึงฮ่องกง เตรียมเป็นประธานในวันครบรอบการส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่จีน

1 กรกฎาคม 2565 เวลา 5:32 น.ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผู้นำจีน เดินทางถึงฮ่องกงเพื่อเตรียมเป็นประธานในพิธีฉลองวันครบรอบ 25 ปีของการส่งมอบฮ่องกงกลับคืนจากอังกฤษ ท่ามกลางมาตรการเข้มงวดในการห้ามการชุมนุมและการรักษาความปลอดภัยอย่างขึงขัง

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน กล่าวแถลงหลังเดินทางข้ามพรมแดนถึงฮ่องกงด้วยรถไฟความเร็วสูง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันครบรอบ 25 ปีของการส่งมอบฮ่องกงคืนจากอังกฤษ (Photo by Selim CHTAYTI / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน 2565 กล่าวว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง มีกำหนดเยือนฮ่องกง เป็นเวลา 2 วัน ทั้งเป็นประธานในพิธีฉลองวันครบรอบ 25 ปีของการส่งมอบฮ่องกงกลับคืนจากอังกฤษ และเป็นประธานในพิธีเปิดตัวฝ่ายบริหารใหม่ของฮ่องกงอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่จะได้แสดงฐานะและอำนาจเหนือเกาะแห่งนี้

การเดินทางออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของสีจิ้นผิง นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และเป็นครั้งแรกของเขาที่ฮ่องกง นับตั้งแต่เกิดเหตุปราบปรามการประท้วงครั้งใหญ่ในฮ่องกงเมื่อปี 2562

“หลังพายุผ่านพ้นไป ฮ่องกงได้ถือกำเนิดใหม่จากกองไฟ และฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง” สีจิ้นผิงกล่าวในแถลงการณ์ หลังเดินทางมาถึงฮ่องกงด้วยรถไฟความเร็วสูงเมื่อช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี

1 กรกฎาคมของทุกปี ถือเป็นวันที่ตอกย้ำสถานภาพของฮ่องกงภายใต้ปฏิญญาร่วมระหว่างจีน และอังกฤษ ที่ยินยอมให้ฮ่องกงสามารถคงเสรีภาพและความเป็นอิสระบางส่วนไว้ได้เป็นเวลา 50 ปีภายใต้โมเดล “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งถือว่าเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้วในวันศุกร์นี้

เป็นเวลาหลายทศวรรษหลังจากการกลับคืนสู่จีน ทุกๆ วันที่ 1 กรกฎาคม ชาวฮ่องกงนอกจากจะเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการแล้ว บางส่วนยังจัดกิจกรรมเดินขบวนเพื่อแสดงออกถึงความคับข้องใจทางการเมือง, การปกครอง และสิทธิทางสังคม แต่การเดินขบวนเหล่านั้น ถูกฝ่ายปกครองสั่งห้ามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการจำกัดโรคโคโรนาไวรัส และเหตุผลด้านความมั่นคง

นักวิจารณ์กล่าวว่า การปราบปรามประชาชนด้วยความรุนแรงมากขึ้นภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่บังคับใช้โดยรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2563 เป็นการทรยศต่อปฏิญญาที่ยินยอมให้ฮ่องกงสามารถปกครองในรูปแบบของตนเองได้ หลังการส่งมอบคืนจากอังกฤษ ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ได้ออกมายืนยันเจตนารมณ์ดังกล่าว ว่า “สหราชอาณาจักรให้คำมั่นสัญญากับดินแดนและประชาชนในอาณาเขตแห่งนี้ และตั้งใจที่จะยึดถือไว้อย่างเคร่งครัด โดยพร้อมทำทุกวิธีที่ทำได้เพื่อให้จีนปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัดเช่นกัน”

เฉกเช่นสหรัฐอเมริกา โดยแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าวถึง “การพังทลายของเอกราชในฮ่องกง” และย้ำว่าสหรัฐอเมริกาจะยืนหยัดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับประชาชนในฮ่องกงและสนับสนุนการารเรียกร้องเสรีภาพตามปฏิญญาที่จีนเคยให้ไว้ เพื่อคืนสถานะเดิมให้เกาะแห่งนี้

แต่สีจิ้นผิง ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า โมเดลการปกครองแบบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” จะรับประกันเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวให้กับฮ่องกง

รัสเซียโหดจัด ยิงจรวดถล่มอพาร์ตเมนต์ที่โอเดสซา ตายเจ็บอื้อ 18 ศพ

รัสเซียโหดต่อเนื่อง ยิงจรวด 2 ลูกโจมตีอพาร์ตเมนต์ที่เมืองโอเดสซา ขณะผู้คนส่วนใหญ่กำลังนอนหลับ เสียชีวิตสลด 18 ศพ บาดเจ็บกว่า 30 ราย

เมื่อ 1 ก.ค. 65 สถานการณ์สงครามในยูเครนยังดำเนินไปอย่างหฤโหด กองกำลังรัสเซียยิงจรวด 2 ลูกถล่มอพาร์ตเมนต์ในเมืองโอเดสซา เมืองใหญ่อันดับ 3 และเมืองท่าสำคัญทางภาคใต้ของยูเครน ริมฝั่งทะเลดำ ตอนประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 1 ก.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังนอนหลับ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตสลด อย่างน้อย 18 ศพ รวมทั้งเด็ก 2 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 31 ราย ซึ่งมีหญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งได้รับบาดเจ็บด้วย ถือเป็นการโจมตีที่พักอาศัยพลเรือนครั้งล่าสุดของกองกำลังรัสเซีย นับตั้งแต่เปิดฉากทำสงครามในยูเครนเมื่อ 24 ก.พ. 2565

เจ้าหน้าที่ในกรุงเคียฟ เปิดเผยว่า จรวดที่กองกำลังรัสเซียใช้ยิงมาโจมตีอพาร์ตเมนต์สูง 9 ชั้น ในเมืองโอเดสซา จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก เป็นจรวดต่อต้านอากาศยาน AS-4 ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ยิงโจมตีศูนย์การค้าในเมืองเครเมนชุค ทางภาคกลางยูเครน เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิ.ย. คร่าชีวิตพลเรือนอย่างน้อย 20 ศพ และต่อมา ยังได้โจมตีอพาร์ตเมนต์ในเมืองมีโคเลฟ ในวันพุธที่ 29 มิ.ย. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ

เจ้าหน้าที่ยูเครนชี้ว่ารัสเซียกำลังจงใจโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนก่อเหตุสะเทือนขวัญ เพื่อต้องการเบี่ยงเบนความสนใจในขณะที่การบุกยูเครนของกองกำลังรัสเซียกำลังพบกับความล้มเหลว ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

ทางการยูเครนเข้าใจว่า รัสเซียส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-22 โจมตีอพาร์ตเมนต์ในเมืองโอเดสซา เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกองกำลังทหารของปูตินได้ถอนกำลังออกจากเกาะงู ในทะเลดำ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองท่าสำคัญโอเดสซา ประมาณ 90 ไมล์

ที่มา : Dailymail


นาทีระทึก ดินถล่มในเปรู ชาวบ้านหวีดร้องสุดเสียง ฝังบ้านนับ 150 หลัง

เปิดนาที ดินถล่มลงมาจากเขา ในเปรู ชาวบ้านตกใจสุดขีด หวีดร้องลั่น ฝังบ้านราว 150 หลัง ทางการส่งทหารช่วยเหลือผู้ประสบภัย

เมื่อ 1 ก.ค. 65 มิร์เรอร์รายงาน เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ดินถล่มลงมาจากเนินเขา ในภูมิภาคชาวิน เดอ ฮวนตาร์ ทางภาคเหนือของประเทศเปรู ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เนินเขาลูกนี้ต้องตื่นตระหนกตกใจจนหวีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง และพากันวิ่งหนีเอาชีวิตให้รอด ในขณะที่ เหตุดินถล่มรุนแรงครั้งนี้ได้ฝังทับบ้านเรือนประชาชนมากมายถึงอย่างน้อย 150 หลัง

มีผู้เห็นเหตุการณ์เผยแพร่คลิปบนโลกออนไลน์ เผยให้เห็นนาทีสุดระทึก ขณะเกิดเหตุดินถล่มลงมาจากเนินเขา ที่ภูมิภาคชาวิน เดอ ฮวนตาร์ เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันพฤหัสฯ ที่ 30 มิ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น โดยก้อนดินก้อนหินได้กระแทกพื้นดินเบื้องล่างอย่างรุนแรง จนก่อให้เกิดกลุ่มฝุ่นขนาดใหญ่ฟุ้งตลบอย่างน่ากลัว จนทำให้ประชาชนหวีดร้องและวิ่งหนีด้วยความตกใจ

ด้านโฮเซ่ ลูอิส กาวิเวีย รมว.กลาโหมเปรู ซึ่งได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีเปรูให้เดินทางมาตรวจดูสถานการณ์พื้นที่ประสบภัยดินถล่ม กล่าว ยืนยันกับนักข่าวว่า เบื้องต้น มีบ้านเรือนประชาชนประมาณ 150 หลังถูกดินถล่มลงมาทับได้รับความเสียหาย และกระทรวงกลาโหมได้ส่งกำลังทหารมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว พร้อมกันนั้น ทีมกู้ภัยในพื้นที่ได้แจ้งเตือนและเรียกร้องให้ชาวบ้านอพยพออกจากบ้านเรือนเพื่อความปลอดภัย

Cr ภาพ: twitter


WHO เตือนยุโรปจะมีคนติดโควิดระดับสูง เผยตอนนี้ พุ่ง 3 เท่าเทียบกับปลาย พ.ค.

WHO คาดยุโรปจะกลับมาพบคนติดโควิด-19 ระดับสูงในฤดูร้อนนี้ เผยพบผู้ติดโควิด-19 รายใหม่พุ่งขึ้น 3 เท่าเทียบกับปลาย พ.ค. จากการขับเคลื่อนของโอมิครอน BA.5 ที่กำลังระบาดทั่วยุโรป

เมื่อ 1 ก.ค. 65 France24 รายงาน นายฮานส์ คลู้ก ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำภาคพื้นยุโรป คาดการณ์ถึงสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในยุโรปว่าจะกลับมาพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นช่วงฤดูร้อนในยุโรปปีนี้ (ก.ค.-ก.ย.) ขณะที่ตอนนี้ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในยุโรป เพิ่มสูงขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา

ผอ.องค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรป กล่าวกับนักข่าวเอเอฟพีว่า ในขณะที่ประเทศต่างๆ ทั่วทวีปยุโรปได้ยกเลิกมาตรการทางสังคมต่างๆ ที่เคยคุมเข้มก่อนหน้านี้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงทำให้เชื้อไวรัสโควิด-19 มีการแพร่กระจาย และจะทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ระดับสูงในฤดูร้อนปีนี้

“ไวรัสโควิด-19 จะไม่ไปไหน เพียงแค่เป็นเพราะประเทศต่างๆ หยุดจะดูแลป้องกัน มันยังกำลังระบาดอยู่ และยังคร่าชีวิตของผู้คน” ผอ.องค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรปกล่าวเตือน

ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ขณะนี้เชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 ซึ่งสามารถแพร่ติดเชื้อได้เร็วขึ้นกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม กำลังระบาดทั่วยุโรป โดยตอนนี้ มี 53 ประเทศที่รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมแล้วยังต่ำกว่า 500,000 รายต่อวัน แต่ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นมาจากประมาณ 150,000 รายต่อวันเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2565

ออสเตรีย, ไซปรัส, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, ลักเซมเบิร์ก และโปรตุเกส เป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอัตราสูง ในขณะที่เกือบแทบทุกประเทศในยุโรปกำลังพบผู้ติดโควิดรายใหม่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ในยุโรปอยู่ที่ประมาณ 500 ศพต่อวัน หลังจากช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วประมาณ 4,000-5,000 ศพต่อวัน โดยนายคลู้ก ผอ.องค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรปยังหวังว่าโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปได้นำไปปฏิบัติร่วมกันเมื่อตอนโรคโควิด-19 ระบาดในช่วงต้นๆ จะช่วยให้พวกเราหลีกเลี่ยงผลกระทบรุนแรงมากกว่านี้ที่จะเกิดตามมาเหมือนกับที่เราเคยเห็นในการระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้านี้

ที่มา : france24


สถานทูตสหรัฐฯ จัดงานฉลองวันชาติครบ 246 ปี บุคคลสำคัญหลายวงการร่วมยินดีคับคั่ง

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย จัดงานเลี้ยงรับรองในโอกาสครบรอบ 246 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ณ โรงแรม ดิ แอทธินี ถนนวิทยุ ก่อนหน้าวันครบรอบการประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกาซึ่งตรงกับวันที่ 4 ก.ค. ของทุกปี โดยมีบุคคลสำคัญจากรัฐบาลไทย คณะผู้แทนทางการทูตประเทศต่างๆ ผู้นำภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน นักวิชาการและภาคส่วนอื่นๆเข้าร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนนับพันคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักภายใต้ธีม The Roaring ‘20s ในช่วงยุคค.ศ. 1920 มีบุคคลสำคัญในแวดวงต่างๆ เข้าร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยาองคมนตรี, พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ,นายนายดอน ปรมัตถ์วินัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ, สุชาติ ตันเจริญ รองประทานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ,นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ,นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้านโยบายพรรคพลังประชารัฐ, นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง รวมถึงนางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศที่เดินทางมาร่วมงานจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นนางสุจิตรา ทุไร เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย นายยอน ออสเตริม เกรินดาห์ล เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย รวมไปถึงนายโอเล็กซานดร์ ลีซัก อุปทูตยูเครนประจำประเทศไทยเป็นต้น

ทั้งนี้อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงานฉลองครบรอบ 246 การประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ เป็นภาษาไทยในตอนต้น ก่อนจะระบุตอนหนึ่งว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ มีมายาวนานมากกว่า 200 ปี ในปี 2361 กัปตันเรือชาวอเมริกันคนหนึ่งได้นำเรือเข้าเทียบท่าที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ก่อนที่ 15 ปีต่อมา สหรัฐฯ และราชอาณาจักรสยามก็ได้ลงนามในสนธิสัญญาระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศในภูมิภาคเอเชียเป็นครั้งแรก สนธิสัญญาที่สร้างความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างกันขึ้นก่อให้เกิด “สันติภาพเป็นนิจและมิตรภาพเป็นนิรันคร” ระหว่างสองชาติจนถึงทุกวันนี้

นายฮีธระบุถึงธีมการแต่งตัวภายในงานว่าเลือก “Roaring ’20s” เป็นธีมจัดงานเนื่องจากในคริสต์ทศวรรษ 1920 นั้น นายรย์มอนด์ บี. สตีเวนส์ ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของสยาม ได้กลายมาเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่เข้ามาอาศัยอยู่ในอาคาร ซึ่งปัจจุบันคือทำเนียบเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ขณะที่ยุค “Roaring 1920s” เป็นทศวรรษแห่งความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในสหรัฐฯ หลังฟื้นตัวจากโรคระบาดใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก สังคมอเมริกันยังก้าวไปข้างหน้าด้วยการรับรองบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ บทที่ 19 ซึ่งให้สิทธิสตรีในการออกเสียงเลือกตั้ง สหรัฐฯ ยังได้ฉลองนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีจากการที่ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก นำอากาศยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและบินจากนิวยอร์กไปปารีสโดยไม่หยุดพักเป็นครั้งแรก

อุปทูตสหรัฐฯ ระบุด้วยว่าในปี 2565 นี้ พวกเราก็เพิ่งผ่านพ้นโรคระบาดใหญ่กันมาอีกครั้งด้วยความหวังในอนาคตที่ผู้คนมีสุขภาพดี อยู่เย็นเป็นสุข และเจริญรุ่งรือง อย่างไรก็ตาม เราจะไปถึงอนาคตที่ว่านั้นได้ ก็ต่อเมื่อทุกประเทศช่วยกันจัดการความท้าทายที่มีร่วมกัน โดยสหรัฐฯ และไทยทำงานร่วมกันมาตลอด 60 ปีเพื่อจัดการกับประเด็นปัญหาสำคัญที่มีกระทบต่อสาธารณสุข ในส่วนของโควิด-19 ตลอดสองปีที่ผ่านมาถือเป็นก้าวสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สหรัฐฯ และภาคีที่กระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนกระทรวงอื่นๆ ของไทย ได้ทำงานร่วมกันเพื่อแจกจ่ายวัคซีนโควิค-19 จำนวน 2.5 ล้านโดสที่สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ทั้งชาวอเมริกันและชาวไทย

ขณะที่ ปีนี้ยังถือเป็นโอกาสสำคัญของสหรัฐฯ และไทยในการส่งเสริมการลงทุนในภูมิภาค เราตั้งตารอที่จะได้สร้างกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกเพื่อความเจริญรุ่งเรือง (Indo-Pacific Economic Framework for Prosperity) ร่วมกัน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนผลประโยชน์ของเราทั้งสองประเทศและทั้งภูมิภาค สหรัฐฯ พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ในโอกาสที่ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปคในปีนี้ และรอคอยที่จะได้ต่อยอดความสำเร็จของไทยเมื่อเราเป็นเจ้าภาพในปีหน้าด้วย

ต่อมานายฮีธ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระบุว่างานในวันนี้เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 246 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังเป็นการประกาศอิสรภาพจากการแพร่ระบาดระดับโลก และครั้งนี้นับเป็นการจัดกิจกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของปีที่ผู้คนสามารถรวมตัวพบปะกันได้ และตนคิดว่าผู้ร่วมงานก็รู้สึกสบายใจเห็นได้จากผู้มาร่วมงานนับพันคนในคืนนี้ โดยตนรู้สึกยินดีที่ได้พบกับมิตร และเพื่อนร่วมงาน และคนที่ไม่ได้พบมานานเนื่องจากกำลังจะพ้นจากตำแหน่งในอีก 1 เดือนครึ่งนี้แล้ว

นายฮีธ ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในหลายหลายด้านไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมาย ความร่วมมือด้านยุทธศาตร์ เช่นการฝึกคอบบร้าโกลด์ที่จัดขึ้นทุกปี โดยนายฮีธ ระบุว่าแม้จะโชคไม่ดีที่การซ้อมรบดังกล่าวจะมีขนาดเล็กลงในช่วงปีที่ผ่านมาเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่สหรัฐฯ หวังว่าจะมีการขยายขนาดการซ้อมรบให้ใหญ่ขึ้นตามปกติอีกครั้งในปีหน้า และเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ให้คุณค่ากับประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพในการซ้อมรบแบบพหุภาคีในเอเชียทุกๆ ปี

นายฮีธ ระบุถึงประสบการณ์ทำงานในประเทศไทยหลายปีก่อนจะพ้นจากตำแหน่งว่า ช่วงระยะเวลาส่วนใหญ่เป็นการเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และต้องเจอกับการประกาศล็อกดาวน์อยู่ 1 ปีครึ่ง แต่ตนบอกเพื่อนๆ และครอบครัวว่าไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะดีกว่าประเทศไทยที่จะอยู่กับการล็อกดาวน์ เพราะผู้คนมีความระมัดระวัง มีความกล้าหาญและมีประสบการณ์ที่ดีในการรับมือกับการแพร่ระบาดด้วยมาตรการเว้นระยะห่างและใส่หน้ากาก และแน่นอนว่าเราภูมิใจที่วัคซีนจากสหรัฐฯ 2.5 ล้านโดสที่สหรัฐฯ มอบให้กับไทยสามารถช่วยให้ไทยและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไทยต่อสู้กับการแพร่ระบาดได้และนั่นคือความภูมิใจที่จะติดตัวผมกลับไป

นายฮีธ ระบุถึงการเลือกตั้งผู้ว่าการกรุงเทพฯมหานครที่เพิ่งผ่านไปด้วยระบุว่า การเลือกตั้งเป็นไปได้อย่างราบรื่นและเรายินดีการเลือกตั้งเป็นไปอย่างเสรีและยุติธรรม และเราอยากให้การเลือกตั้งสะท้อนความต้องการของประชาชน เพราะประชาธิปไตยที่ดีนั้นประชาชนจะต้องรู้สึกว่ามีตัวแทนส่งเสียงของพวกเขา และผู้ชนะก็ระบุหลังได้รับการเลือกตั้งว่าจะเป็นตัวแทนของทุกคน และเราก็มีนักการเมืองในสหรัฐฯ พูดแบบเดียวกัน เราจึงยินดีที่ได้เห็นสิ่งนี้

เมื่อถามว่า เอกอัครราชทูตฮีตอยากจะบอกอะไรกับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย นายฮีธ ระบุว่า เวลานี้ยังไม่รู้ว่าใครจะมาตำแหน่งตำแหน่งเนื่องจากมี 2 คนที่มีโอกาสจะมาทำหน้าที่นี้หนึ่งในนั้นคือผู้ได้รับการเสนอชื่อที่จะต้องผ่านการพิจารณาจากสภาคองเกรส ซึ่งอาจจะเห็นในข่าวแล้วว่าคือโรเบิร์ต โกเด็ก ที่มีประสบการณ์เป็นเอกอัครราชทูตมาแล้ว 2 ครั้งก่อนหน้านี้ และเขาก็มีคุณสมบัติเหมาะสมมาก ซึ่งหากวุฒิสภาสหรัฐฯ ยืนยันการดำรงตำแหน่ง ก็จะเดินทางมาในปลายปีนี้ ส่วนข้อความที่จะส่งไปถึงทั้ง 2 ท่านนั้นก็คือ แค่ให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศดำเนินอยู่ในเส้นทางนี้ต่อไป ตนคิดว่าว่าเค้าทั้งคู่จะรู้วิธีที่จะทำงานนั้น รู้ที่วิธีที่จะแนะนำตัวกับบุคคลสำคัญต่างๆ ที่นี่

นายฮีธย้ำว่าความสัมพันธ์นั้นแข็งแกร่งจนเกือบจะไม่สำคัญว่าใครจะมายืนตรงนี้ เพราะความสัมพันธ์นั้นเป็นมากกว่าคนเพียงคนเดียว ผมจะยินดีมากที่คนที่ได้รับเลือกจะมาทำงานที่ยอดเยี่ยมนี้ที่ประเทศไทย

กรมอุตุฯเตือน พายุโซนร้อน “ชบา” 41 จังหวัดรวม กทม. มีฝนตกหนัก-หนักมาก

กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัย พายุโซนร้อน “ชบา” รวมทั้งอิทธิพลจากร่องมรสุมผ่านประเทศเมียนมาและภาคเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ส่งผลให้ 41 จังหวัดรวม กทม.และปริมณฑลมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมกระโชกแรง ช่วง 1-2 ก.ค.นี้ ส่วนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึง 6 ก.ค.

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนภัย เรื่อง “พายุโซนร้อน ‘ชบา‘ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2565)” ฉบับที่ 6 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2565

ประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (1 ก.ค. 65) พายุโซนร้อน “ชบา” (CHABA) มีศูนย์กลางอยู่ที่ ละติจูด 17.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 114.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้เคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 2–3 ก.ค. 65 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 1–2 ก.ค. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 6 ก.ค. 65

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้

วันที่ 1 กรกฎาคม 2565

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

วันที่ 2 กรกฎาคม 2565

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 05.00 น.

กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปใน วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 17.00 น.

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา

แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์

มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี

นครปฐม ราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส

ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมากกว่า 3 เมตร

ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ

อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.