ข่าว
กัมพูชาตั้งข้อหาอดีตทูตประจำเกาหลีใต้ เหตุทุจริตเงินกว่า 4 ล้านบาท จ่อคุก 15 ปี

สำนักงานปราบปรามการทุจริต(เอซียู) ของกัมพูชาระบุเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมาระบุ่า นายสุธ ดินา อดีตเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำเกาหลีใต้ ถูกตั้งข้อหาทุจริตและยักยอกทรัพย์ระหว่างดำรงตำแหน่ง ในวันเดียวกันนี้ หลังก่อเหตุมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบขายวีซ่าที่มีมูลค่ากว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ

นายสุธ ดินา ถูกควบคุมตัวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยจ้าหน้าที่ปราบปรามการทุจริตในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หลังการสืบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตระหว่างที่นายสุธ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเวลา 25 เดือน โดยนายสุธ โดยศาลมีคำสั่งให้ควบคุมตัวก่อนจะมีการไต่สวนซึ่งอาจทำให้นายสุธ ต้องรับโทษสูงสุดถึง 15 ปี หากพิสูจน์ได้ว่านายสุธทำผิดจริง โดยผู้อำนวยการเอซียู ระบุว่า เอซียูมีหลักฐาน ในเบื้องต้นพบว่านายสุธยักยอกเงินมูลค่าถึง 116,995 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.1 ล้านบาทจากการขายสติกเกอร์วีซ่า

รายงานระบุด้วยว่าอดีตทูตยังต้องสงสัยว่าเปิดบัญชีอย่างลับๆ เพื่อเก็บเงินประกันของแรงงานชาวกัมพูชาที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้แล้วเกิดเสียชีวิตเข้ากระเป๋าตัวเอง และใช้เงินงบประมาณหลายแสนดอลลาร์ไปในทางที่ผิดขณะที่ดำรงตำแหน่ง ทั้งนี้นายสุธ เคยเป็นสมาชิกกลุ่มนักศึกษาต่อต้านรัฐบาล ก่อนจะแปรพักต์เข้าร่วมพรรคการเมืองของสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อปี 2552 และได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศ ก่อนที่ในปี 2557 จะได้รับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตประจำกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

‘เพื่อไทย’เมินข้อกล่าวหาแจกเงินคว่ำรธน. บอกแค่แจกขันยังมีปัญหา

“ภูมิธรรม” เชื่อปมประชามติ ปชช.ตัดสินใจได้ดีที่สุด แนะคำถามพ่วงควรมีประโยชน์ต่อปชช. ปัดข้อกล่าวหาพรรคการเมืองแจกเงินคว่ำ รธน. บอกแจกขันยังมีปัญหา แจกเงินจะทำได้หรือ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค พท. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีความชัดเจนเรื่องคำถามพ่วงประชามติ ที่จะให้อำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ และลงมติไม่ไว้วางใจ ว่า ตนไม่อยากคาดเดาว่าเขาจะตั้งคำถามอะไร อย่างไร เพราะอีกไม่นานก็คงได้ทราบในสิ่งที่สำคัญ ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงประชาชนที่กำลังรอรับฟังสิ่งที่กำลังจะเสนออยู่ด้วย แต่ตนเชื่อว่า วันนี้ประชาชนจะคิด ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา และทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไข ทองว่าคำถามที่จะตั้งนั้นควรสอดรับกับความเป็นประชาธิปไตยและเป็นสิ่งที่ประชาชนยอมรับได้ และควรเป็นคำถามที่จะแก้ไขปัญหาของประชาชนได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจในขั้นสุดท้าย

เมื่อถามว่า เชื่อว่าวันนี้ สนช.จะรับลูกคำถามพ่วงประชามติของ สปท.หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เชื่อว่าทุกฝ่ายต่างมีวิจารณญาณ แต่เท่าที่ดูจากคำถามต่างๆ มีแนวโน้มไปในทิศทางที่หลายฝ่ายวิจารณ์ คิดว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องคิดให้ชัดเจนว่าคำถามที่จะตั้งเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอย่างไร แล้วจะมีส่วนแก้ปัญหาในประเทศอย่างไร ที่จะทำให้ประเทศสงบและเดินไปข้างหน้าได้ เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องคิดให้ถี่ถ้วน เชื่อว่าประชาชนทุกส่วนมีความรู้ และเข้าใจในหลายๆ เรื่องที่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาดีที่สุด ส่วนคำถามดังกล่าวจะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำหรือไม่นั้น ประชาชนจะต้องเป็นคนคิดและตัดสินใจ และคิดว่าถ้าจะให้ดี ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดควรนำเสนอทางเลือกให้ประชาชนว่าถ้าทำแบบนี้ แล้วผ่านจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ถ้าไม่ผ่านจะดำเนินการอย่างไร จะมีทางเลือกอย่างไร จะมีรัฐธรรมนูญฉบับไหน จะใช้กรอบเวลาเท่าใดในการดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นทุกๆ ด้านอย่างดีที่สุด เพื่อจะตัดสินใจ

นายภูมิธรรมกล่าวถึงกระแสข่าวมีพรรคการเมืองหวังใช้เงินเพื่อคว่ำรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคการเมืองวันนี้จะทำอะไรได้ ขนาดแจกขันแดงยังเป็นปัญหา แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปใช้ได้ แต่ตนขอให้ยุติธรรมกับทุกฝ่าย วันนี้ฝ่ายการเมืองส่วนใหญ่อยู่ในที่ตั้ง และหวังเห็นประเทศเดินไปข้างหน้าโดยไร้ความขัดแย้ง แต่เราห่วงว่ากติกาทุกอย่างต้องเอื้ออำนวยให้ราบรื่น เดินไปข้างหน้าได้ดีที่สุด


ซ้อมทารุณ'พลทหาร'พ่นพิษ เด้ง'ผบ.ร.152พัน1'พ้นหน่วย

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. เวลา 15.00 น. ที่ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ ซ.พหลโยธิน 54 เขตสายไหม พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่ 6 นายทหารร่วมกันลงโทษพลทหารทรงธรรม หมุดหมัด สังกัด ร.152 พัน 1 ค่ายพยัคฆ์ อ.บันนังสะตา จ.ยะลา จนเสียชีวิตว่า ขณะนี้ได้มีคำสั่งให้ย้าย พ.ท.สมคิด คงแข็ง ผบ.ร.152 พัน 1 และนายทหารยศร้อยเอกออกนอกหน่วยแล้ว เพราะถือว่าเป็นผู้ที่ต้องร่วมรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของทหารนายสิบที่กระทำความผิดนั้น ยืนยันว่าจะไม่ปกป้อง และจะเอาผิดทางวินัยและอาญาขั้นสูงสุด อย่างไรก็ตามในกองทัพมีกำลังพลประมาณสองแสนนาย แต่มีทหารที่ไม่อยู่ในระเบียบวินัยแค่เพียงไม่กี่นาย ตนไม่ต้องการให้สังคมเหมารวมว่าทหารไม่ดี


อียูเผย ‘ลาชราอุย’ มือระเบิดฆ่าตัวตายบรัสเซลส์ เคยทำงานทำความสะอาดในรัฐสภายุโรป

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 6 เมษายน รัฐสภายุโรปแห่งสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า หนึ่งในมือระเบิดฆ่าตัวตายที่ก่อเหตุในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา เคยทำงานในฐานะคนทำความสะอาดที่รัฐสภายุโรปเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อหลายปีก่อน

แถลงการณ์ระบุว่า “เขาได้รับงานช่วงวันหยุดฤดูร้อนเป็นคนทำความสะอาดที่รัฐสภายุโรป 1 เดือนในปี 2552 และอีก 1 เดือนในปี 2553” แม้จะไม่มีการระบุรายชื่อ แต่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดการสืบสวนระบุชื่อผู้ร้ายคือ นายนาจิม ลาชราอุย

รัฐสภายุโรปแถลงว่า ในขณะที่ทำงานให้บริษัททำความสะอาดที่รัฐสภายุโรปว่าจ้าง ผู้ก่อเหตุไม่มีประวัติอาชญากรรมแต่อย่างใด

นายลาชราอุยและนายอิบราฮิม เอล บาคราอุย มือระเบิดฆ่าตัวตายอีกรายหนึ่งลงมือระเบิดตัวเองในท่าอากาศยานนานาชาติซาเวนเต็มของบรัสเซลส์ ขณะที่มีระเบิดฆ่าตัวตายอีกแห่งในสถานีรถไฟ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 32 ราย

นายลาชราอุยถือเป็นผู้ต้องสงสัยในฐานะผู้ผลิตระเบิดสำหรับเหตุโศกนาฏกรรมกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนปีที่ผ่านมา หลังพบดีเอ็นเอของเขาบนระเบิดที่ถูกใช้ในการโจมตี

ทั้งนี้ รายงานเชื่อว่า นายลาชราอุยเคยเดินทางไปประเทศซีเรียเมื่อปี 2556 และเดินทางกลับเบลเยียมเพียง 2 เดือนก่อนหน้าเหตุโจมตีปารีส โดยเข้าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดไว้ระหว่างพรมแดนออสเตรีย-ฮังการี เขาได้ใช้เอกสารปลอมอัตลักษณ์ตัวเองว่าชื่อ ซูฟิเอน คายาล และเดินทางร่วมกับนายซาลาห์ อับเดสซาลาม ผู้ลงมือก่อเหตุโจมตีปารีสเพียงผู้เดียวที่รอดชีวิต


ทูตรัสเซียแถลง ไอเอสลักลอบขายโบราณวัตถุ รายได้ 200 ล้านดอลลาร์ต่อปี

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 6 เมษายน นายวิตาลีย์ เชอร์คิน ทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า กลุ่มกองกำลังรัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย (ไอเอส) มีรายได้อยู่ประมาณ 150 – 200 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 5,276 – 7,034 ล้านบาทต่อปี) จากการค้าขายผิดกฎหมายและลักขโมยโบราณวัตถุ

แถลงการณ์ระบุว่า “โบราณวัตถุที่สำคัญระดับโลกประมาณ 100,000 ชิ้น โบราณสถาน 4,500 แห่ง โดย 9 แห่งจากทั้งหมดอยู่ในรายชื่อมรดกโลกขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม … ในซีเรียและอิรัก”

การลักลอบขนส่งศิลปวัตถุเหล่านี้อยู่ภายใต้การจัดการของหน่วยโบราณวัตถุของไอเอส และเฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยนี้เท่านั้นที่สามารถขุดค้น โยกย้าย และขนส่งโบราณวัตถุได้

นอกจากนี้ ทูตรัสเซียยังกล่าวว่า โบราณวัตถุที่ถูกปล้นชิงไปส่วนใหญ่ถูกลักลอบผ่านเมืองกาเซียนเตปในดินแดนของประเทศตุรกี รวมถึงการขนส่งเครื่องเพชร เหรียญโบราณ และสิ่งของอื่นๆ ไปตามเมืองอื่นๆ ในตุรกีด้วย โดยก่อนหน้านี้ รัสเซียเคยโจมตีตุรกีว่า ให้การสนับสนุนไอเอสผ่านการซื้อน้ำมันเถื่อน

นายเชอร์คินเปิดเผยต่อไปว่า โบราณวัตถุหลายชิ้นถูกขายให้นักสะสมผ่านหลายช่องทาง โดยปกติมักผ่านการประมูลบนอินเตอร์เน็ตด้วยเว็บไซต์อย่างอีเบย์และเว็บอื่นๆ เบื้องต้นอีเบย์ยังไม่ได้มีการตอบสนองต่อถ้อยแถลงนี้แต่อย่างใด


วิจัยชี้ ดื่มกาแฟเกิน2แก้วทำคนท้องเสี่ยงแท้งลูกสูงถึง 74 เปอร์เซ็นต์

เจอร์เมน บัค ลุยส์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยสุขภาพประชากรภายใน (ไอพีเอชอาร์) ในสังกัดสถาบันสุขภาพและพัฒนาการเด็กแห่งชาติ (เอ็นไอซีเอชดี) เปิดเผยถึงงานวิจัยล่าสุดของไอพีเอชอาร์ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการ เฟอร์ติไลตี แอนด์ สเตอริไลตี เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าคู่สามีภรรยาซึ่งต้องการตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มซึ่งมีกาเฟอีน เพราะงานวิจัยล่าสุดพบว่ากาแฟมีส่วนเชื่อมโยงกับภาวะเสี่ยงต่อการแท้งสูงมาก

งานวิจัยดังกล่าวพบว่า สำหรับสตรีที่ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนมากกว่า 2 แก้วเป็นประจำทุกวันก่อนหน้าที่จะเกิดตั้งครรภ์ จะส่งผลให้เสี่ยงต่อการแท้งลูกเพิ่มมากขึ้นถึง 74 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังพบว่าหากผู้เป็นสามีดื่มเครื่องดื่มมีกาเฟอีนเกิน 2 แก้วทุกวันก่อนหน้าที่ผู้เป็นภรรยาจะเริ่มตั้งครรภ์ ก็จะส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการแท้งลูกเพิ่มขึ้นถึง 73 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มกาเฟอีนเลยเช่นเดียวกัน

การศึกษาวิจัยนี้ใช้กลุ่มตัวอย่างคู่สามีภรรยา 501 คู่ ในพื้นที่รัฐมิชิแกนและเท็กซัส โดยกลุ่มตัวอย่างต้องยุติการคุมกำเนิดและคาดหวังต่อการมีบุตร และอยู่ระหว่างดำเนินความพยายามเพื่อมีลูก กลุ่มตัวอย่างถูกขอให้บันทึกรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันซึ่งรวมถึงการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มมีกาเฟอีน คู่อาสาสมัครที่ตั้งครรภ์ภายใน 1 ปี จะยังอยู่ในการศึกษาวิจัยต่อจนกว่าจะคลอดหรือจนกว่าจะแท้งลูก

การวิจัยพบว่าจากจำนวน 501 คู่มี 344 คู่ที่ตั้งครรภ์ ในจำนวนนี้มี 98 คู่ที่เกิดอาการแท้ง โดยทีมวิจัยตรวจสอบพบความเชื่อมโยงกับเครื่องดื่มกาเฟอีนดังกล่าว และพบว่าสตรีที่มีอายุ 35 ปีหรือเกินกว่านั้นมีแนวโน้มที่จะแท้งลูกมากกว่าเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มสตรีที่อายุต่ำกว่า 35 ปีลงมา

ในทางตรงกันข้าม กลับพบว่าสตรีที่รับประทานวิตามินรวม ทั้งก่อนหน้าและระหว่างตั้งครรภ์ มีโอกาสแท้งลูกน้อยลง โดยสตรีที่กินวิตามินรวมเป็นประจำทุกวันก่อนตั้งครรภ์ ลดความเสี่ยงต่อการแท้งลงได้ถึง 55 เปอร์เซ็นต์ และผู้ที่ยังคงกินต่อเนื่องต่อไปในระหว่างตั้งครรภ์ลดความเสี่ยงลงได้เพิ่มขึ้นไปอีกเป็น 79 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องจากโฟเลต และวิตามินบี 6 ที่มีอยู่ในวิตามินรวมเป็นสำคัญ

งานวิจัยชิ้นนี้ยอมรับว่า การศึกษาแสดงให้เห็นเพียงความเชื่อมโยงกับการดื่มเครื่องดื่มมีกาเฟอีนกับการแท้งเท่านั้น

“โอบามา”ยกหูโทรศัพท์หา”ซูจี” ยินดีขับเคลื่อนประเทศสู่รบ.พลเรือน

เมื่อวันที่ 7 เมษายน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกาเปิดเผยเมื่อวันก่อนว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ได้โทรศัพท์หานางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) พรรครัฐบาลพม่า เพื่อแสดงความยินดีและชื่นชมการดำเนินการที่มู่งสู่การเป็นรัฐบาลพลเรือนในการขับเคลื่อนประเทศของนางซูจี แม้นางซูจีจะถูกกลุ่มทหารสายแข็งพยายามจำกัดบทบาททางการของนางซูจีก็ตาม

ทำเนียบขาวสหรัฐเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโอบามายกย่องความพยายามอันแน่วแน่ของนางซูจีที่มีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อบรรลุผลสำเร็จในการเปลี่ยนถ่ายอำนาจในพม่าอย่างสันติและส่งเสริมความปรองดองแห่งชาติให้มีความก้าวหน้า

ทั้งนี้ นางซูจีไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้แม้จะนำพรรคเอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาอย่างท่วมท้น เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนด อย่างไรก็ตาม หลังนำพรรคเอ็นแอลดีชนะเลือกตั้ง นางซูจีให้คำมั่นว่าจะดำรงตนอยู่เหนือประธานาธิบดี โดยนางซูจีได้ส่งนายติน จ่อ เพื่อนสนิทที่มีความไว้วางใจกันมากมานานลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีพม่าจนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นผลสำเร็จ ขณะที่นางซูจีนอกจากจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสำคัญถึง 2 ตำแหน่ง รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศพม่าแล้ว นางซูจียังได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาแห่งรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ที่มีการตั้งขึ้นเป็นพิเศษที่มีอำนาจเทียบเท่านายกรัฐมนตรีด้วย