ดีเอสไอยุติการค้นวัดพระธรรมกาย ตามจับ "ธัมมชโย" ศิษย์ยอมสลายการสวดมนต์ตลาดกลาง ส่วนจนท.ควบคุมฝูงชนจะยังคงกำลังตามประตูต่างๆ ขณะที่ตำรวจ ทหารยังดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ ศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2560 เวลา 19.06 น.
เมื่อเวลา 14.30น.วันที่ 10 มี.ค. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นำสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบอาคารบุญรักษาซึ่งเป็นอาคารโรงพยาบาล ที่ก่อนหน้านี้มีการขุดร่องน้ำและมีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี โดยมีนายสุรชัย ขันอาสา ผวจ.ปทุมธานี พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พระวินยาธิการ และเจ้าหน้าที่ทหารร่วมตรวจสอบ เพื่อตรวจค้นหาและจับตัวพระธัมมชโย ซึ่งจากการตรวจค้นไม่พบพระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยที่รอบๆอาคารบุญรักษายังพบกลุ่มศิษย์นั่งสวดมนต์อยู่เป็นจำนวนมาก และมีการนำเหล็กกั้นปิดทางเข้าออกอย่างเข้มแข็ง โดยใช้เวลาค้นหากว่า 1 ชม.จึงยุติ
กระทั่งเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน ที่ศูนย์ปฏิบัติการร่วมในคดีพิเศษ ที่27/2559 หลังที่ว่าการอำเภอคลองหลวง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล. รองอธิบดีดีเอไอ พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี นายสุรชัย ขันอาสา ผวจ.ปทุมธานี พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กับการปฏิบัติภารกิจตรวจค้นจับกุมพระธัมมชโย ว่า การตรวจค้นในวันนี้มีการตรวจค้นอย่างละเอียดทั้งโซนเอ บี และอาคารบุญรักษา ซึ่งจากการตรวจค้นไม่พบบุคคลตามหมายจับก็สรุปได้ว่า บุคคลที่เราติดตามตัวเป็นบุคคลที่หลบหนีตามหมายจับ อายุความ 15 ปี ในส่วนของทางการสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้จัดชุดสืบสวนติดตาม รวมทั้งด่านตรวจค้นคนเข้าเมือง มีการเข้มงวดติดตามบุคคลตามหมายจับในการดำเนินการในส่วนอื่นเจ้าคณะจังหวัด สำนักพระพุทธศาสนา และตำรวจปทุมธานี จะเป็นคณะทำงานในส่วนการดูแลวัดต่อไป โดยทางวัดยินยอมว่าการชุมนุมที่ตลาดกลางคลองหลวงจะสิ้นสุดลงในวันนี้ ตามประตูต่างๆทางวัดจะไม่ปิดกั้น ทั้งนี้ในวัดพระธรรมกายเจ้าหน้าที่จะให้ศิษย์เข้าไปปฏิบัตินั่งสวดมนต์ฟังธรรมได้ตามปกติ ในส่วนคูที่รอบอาคารบุญรักษาทางวัดจะนำรถแบ็คโฮมาปรับให้สู่สภาพเดิม รวมทั้งนำสแลนให้วัดสู่ภาพเดิม
ในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนยังจะคงกำลังอยู่บางส่วนตามประตูต่างๆ เนื่องจากประกาศพื้นต่างๆ ยังมีผลอยู่ดังนั้นเจ้าหน้าที่ยังคงดูแลความปลอดภัย การดำเนินการ 20 กว่าวัน มีแกนนำเคลื่อนไหวเข้ามาในในพื้นที่ชุมนุมเกรงว่าจะมีผู้ไม่หวังดีก่อเหตุแทรกซ้อนจึงต้องตรึงกำลังอยู่ด้านหน้าและประตูวัด ในส่วนกองอำนวยการร่วมที่ผ่านมา ผวจ.ปทุมธานี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ผู้ปกครองสงค์ทหาร ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทุกหน่วยงาน ในส่วนของวัดมีการประสานงานว่าต่อจากนี้ไปจะยุติการเชิญชวนและการคัดค้านกฏหมายต่างๆ โดยวัดจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ในส่วนของคดีต่างๆ ตั้งแต่ปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2560 มารวมทั้งหมด 23 วัน คดีอาญา 43 คดี หมายเรียกตัว 316 ราย คำสั่งต่างๆให้มารายงานตัว 80 ราย ซึ่งคดีความยังดำเนินต่อไป
พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า ในการปฏิบัติภารกิจคณะสงฆ์ได้ปฏิบัติหน้าที่มาโดยลำดับเจ้าคณะหนกลาง เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งคณะสงฆ์ให้ได้ความร่วมมือมาโดยตลอด จนมาถึงวันนี้ที่ใช้พระวินยาธิการหรือตำรวจพระมาปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจค้นช่วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เป็นสิ่งที่หน้าอนุโมทนายิ่งนัก ว่าเจ้าหน้าที่นั้นมีการปฏิบัติหน้าที่ติดตามบุคคลที่ต้องการตรวจพบ ซึ่งจากการตรวจค้นก็ไม่พบบุคคลตามที่ต้องการ
ต่อมาเวลา 17.30 น. ที่ตลาดกลางคลองหลวง ที่มีคณะศิษย์นั่งสวดมนต์อยู่นั้นพบว่ามีการขึ้นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ที่ป้ายโฆษณาโครงเหล็กที่อยู่ในพื้นที่ เป็นรูปพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด) พระผู้ปราบมาร ขนาดใหญ่ โดยที่ศิษย์บางส่วนเริ่มทยอยเดินทางออกตามข้อตกลงที่ดีเอสไอและทางวัดได้เจรจากัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารยังดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบอยู่... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/crime/560987
ปส.จ่อแจ้งข้อกล่าวหา แพท ณปภา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน เช่นเดียวกับเบนซ์ เรซซิ่ง โดยวันที่ 13 มี.ค.จะเชิญครอบครัวเบนซ์และภรรยา มาสอบปากคำเชื่อมโยงหาที่มาของเงินจำนวนกว่า 30 ล้านที่หมุนเวียนในบัญชีของแพท...
ความคืบหน้าคดีฟอกเงิน ของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ "เบนซ์ เรซซิ่ง" ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินและสมคบการฟอกเงิน กรณีครอบครองรถหรู ลัมโบร์กินี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ นายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย เครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาคดียาเสพติดชาวลาวรายสำคัญ
พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้มีการประชุมคณะทำงานคดีของนายเบนซ์ และการทลายเครือข่ายของนายไซซะนะ โดยในวันจันทร์ที่ 13 มีนาคมนี้ พนักงานสอบสวนได้เชิญครอบครัวของนายเบนซ์ 6 - 7 คน รวมถึง นางสาวณปภา ตันตระกูล หรือแพท ภรรยาของนายเบนซ์ มาสอบปากคำ เกี่ยวกับที่มาของทรัพย์สิน และรายได้ต่างๆ หลังการตรวจเส้นทางธุรกรรมทางการเงินกว่า 100 ล้านบาทที่อาจจะเชื่อมโยงไปยังบุคคลหลายกลุ่ม และมีเงินจำนวนกว่า 30 ล้านบาทหมุนเวียนในบัญชีธนาคารของนางสาวแพท
เบื้องต้น หลังสอบปากคำนางสาวแพทแล้ว ตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน เช่นเดียวกับนายเบนซ์ จากนั้นจะนำตัวไปฝากขังครั้งแรกที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ซึ่งแนวทางการต่อสู้คดี โดยนางสาวณปภา มีสิทธิ์ให้การในชั้นพนักงานสอบสวนหรือไม่ก็ได้ และสามารถยื่นหลักทรัพย์ เพื่อขอประกันตัวในชั้นศาลได้
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ยืนยันว่าไม่รู้สึกกดดันในการทำคดีนี้ เนื่องจากมีการตั้งคณะทำงาน รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรัดกุม เมื่อหลักฐาน โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงินเชื่อมโยงถึงใครก็ต้องดำเนินการไม่ละเว้น แต่หากผู้ถูกกล่าวหามีพยานหลักฐานที่มาของทรัพย์สิน สามารถนำชี้แจง และให้การกับพนักงานสอบสวนได้
ด้าน พลตำรวจตรี ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวถึงการขยายผลจับเครือข่าย นายไซซะนะ โดยยอมรับว่าจากการสอบปากคำ นายไซนุเด็น มะ หรือ "มะ สิบล้อ" ซึ่งถูกจับตัวที่ประเทศมาเลเซีย ทำให้พบพยานหลักฐานเชื่อมโยงมากขึ้น แต่ยังไม่ชัดเจนว่า มีส่วนสนับสนุนเงินทุนกับผู้ก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้หรือไม่ เนื่องจากขบวนการยาเสพติดเหล่านี้ มักจะไม่โอนเงินผ่านระบบธนาคาร ทำให้ตรวจสอบได้ยาก ซึ่งผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ กำชับเร่งจับกุมบุคคลที่ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ก็สามารถจับกุมได้เพิ่มเติมบางส่วนแล้ว และขยายผลไปยังคนมีชื่อเสียงบางกลุ่ม แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียด เพราอยู่ระหว่างการสืบสวน.
ปิดตำนานคนข่าวผู้คร่ำหวอดในวงการข่าวการเมืองมากว่า 40 ปี นางยุวดี ธัญญสิริ หรือ เจ๊ยุ อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโส ประจำทำเนียบรัฐบาล ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 10 มีนาคม 2560 ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ด้วยอายุ 71 ปี ...
เมื่อเวลา 04.49 น. วันที่ 10 มี.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากทางครอบครัวของ นางยุวดี ธัญญสิริ หรือ เจ๊ยุ อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโส ประจำทำเนียบรัฐบาล ได้เข้ารับการรักษาที่ห้องผู้ป่วยวิกฤติ (ไอซียู) ชั้น 17 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า ล่าสุด นางยุวดีได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 10 มีนาคม 2560 ด้วยวัย 71 ปี ทั้งนี้ พิธีรดน้ำศพจะมีขึ้นในวันที่11 มี.ค.2560 ที่วัดโสมนัส
นางยุวดี ธัญญสิริ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2489 สามีชื่อ พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ หรือ บิ๊กยักษ์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม มีบุตร 1 คน
จบการศึกษา คณะวารสารศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เร่ิมต้นชีวิตนักข่าวจากการเริ่มฝึกงานที่หนังสือพิมพ์บางกอกเวิลด์ และได้ทำงานที่นี่ทันที
เป็นนักข่าวอาวุโสหญิง ซึ่งปฏิบัติงานมากว่า 40 ปี บนวิชาชีพสื่อมวลชน จนเป็นที่ยอมรับของแหล่งข่าวหรือนักการเมือง ผ่านการทำงานมาหลายรัฐบาล โดยเริ่มต้นอาชีพผู้สื่อข่าวในปลายรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร สังกัดหนังสือพิมพ์บางกอกเวิลด์ ในขณะนั้น ซึ่งภายหลังเปลี่ยนมาเป็นหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เกษียณอายุปี 2550 แต่ยังเป็นฟรีแลนซ์ให้บางกอกโพสต์ เป็นผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ประจำทำเนียบรัฐบาล และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และมาถูกมาตรการจัดระเบียบสื่อจนลาออกจากทำเนียบฯ
คอการเมืองจำกันได้ดี กับกรณีนางยุวดี หรือ เจ๊ยุ ของน้องๆ นักข่าว ที่มีบทบาทการตั้งคำถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จนเกิดการปะทะคารมจนเป็นข่าวดัง ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จะออกมาขอโทษ และกล่าวว่ายังให้ความเคารพนางยุวดี ในฐานะสื่อมวลชนอาวุโส
ขณะที่เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2559 นางยุวดี ก็ไม่สามารถเข้ามาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลได้เหมือนเก่า เนื่องจากมีการออกมาตรการทำบัตรประจำตัวสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลใหม่ หากไม่มีใบรับรองจากต้นสังกัดจะไม่อนุญาตให้เข้าทำเนียบฯ โดยเด็ดขาด ทำให้นางยุวดี ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้สื่อข่าวนอกประจำการของ นสพ.บางกอกโพสต์ ถูกเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ภายในทำเนียบฯ โดยอ้างว่าบัตรหมดอายุและไม่มีต้นสังกัดประจำ รวมถึงไม่มีต้นสังกัดส่งชื่อเข้ามาเหมือนสื่อปกติ หากจะเข้าทำเนียบฯ ต้องแลกบัตรเข้า นางยุวดี จึงตัดสินใจเดินทางกลับและไม่ได้เข้าไปภายในทำเนียบฯ อีก จากนั้นนางยุวดี จึงเข้าไปอยู่ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จนเกิดมีอาการป่วยกะทันหัน เข้ารักษาตัวที่ รพ.พระมงกุฎฯ และเสียชีวิตในที่สุด
ทั้งนี้ นางยุวดี ธัญญสิริ เข้ารับการรักษาที่ห้องผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) ชั้น 17 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2560 เนื่องจากมีอาการถ่ายเป็นเลือดจนช็อกหมดสติ
ถอดยศ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย เป็นนายจุมพล ศาลโคราชตัดสินเลย ให้จำคุกคดีรุกป่า 2 ปี และคดีทุจริตต่อหน้าที่ราชการจำคุก 4 ปี ให้การรับสารภาพทั้ง 2 คดี ลดกึ่งหนึ่งเหลือ 3 ปี...
วันที่ 10 มี.ค. ภายหลัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. และพล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พร้อมกำลังตำรวจกองปราบปราม ตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา ควบคุมตัว พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย อดีต รอง ผบ.ตร. มาส่งศาลจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพิจารณาไต่สวนคดี หมายเลขดำที่ ฝ.345/60 ในข้อหาฐานความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ กรณีก่อสร้างบ้านพักตากอากาศบนเนื้อที่กว่า 13 ไร่ บ้านสุขสมบูรณ์ หมู่ 2 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา บุกรุกพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ถูกแจ้งความดำเนินคดีพร้อมพวกรวม 7 คน
โดยในวันนี้โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลย 2 รายต่อศาล ประกอบด้วย พลตำรวจตรีพงษ์เดช พรหมมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เป็นจำเลยที่ 1 และนายจุมพล มั่นหมาย อดีตรองเลขาธิการสำนักพระราชวัง ฝ่ายความมั่นคง และกิจกรรมพิเศษ และอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยที่ 2 โดยพลตำรวจตรีพงษ์เดช พรหมมิจิตร จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอต่อสู้คดี ส่วนนายจุมพล มั่นหมาย จำเลยที่ 2 ไม่ต้องการทนายความ พร้อมให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาตามคำฟ้องของโจทก์ และไม่ขอต่อสู้คดี
จำเลยที่ 1 ศาลมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้อง และให้ดำเนินการฟ้องคดีเข้าไปใหม่ภายในระยะเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันนี้ (10 มี.ค. 60) ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลมีคำพิพากษาว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 4 ปี และมีความผิดในข้อหาแผ้วถางและบุกรุกทำลายป่า ให้ลงโทษจำเลยเป็นเวลา 2 ปี รวมลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลาทั้งหมด 6 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ จึงมีเหตุให้บรรเทาโทษ จึงให้เหลือลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากพื้นที่ที่บุกรุกป่า และชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางราชการเป็นจำนวนเงินกว่า 892,000บาท ซึ่งหลังฟังคำพิพากษาเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายจุมพลกลับไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้มีการถอดยศ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ไปแล้ว ปัจจุบันจึงเป็น นายจุมพล มั่นหมาย.
10 มี.ค. เกิดเหตุมวลชนเกาหลีใต้ปะทะตำรวจปราบจลาจลกลางกรุงโซล กลังจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ มีวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์เห็นชอบกับมติถอดถอนน.ส.ปาร์ก กึนเฮ พ้นตำแหน่งประธานาธิบดี จากกรณีคอร์รัปชั่นฉาวไปทั่วโลก
เหตุเกิดขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังหนาแน่นเพื่อควบคุมสถานการณ์ที่อาจตึงเครียดในกรุงโซล เพราะมีทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนและกลุ่มต่อต้านน.ส.ปาร์กจำนวนมากมาชุมนุมบริเวณโดยรอบศาลรัฐธรรมนูญ และทันทีที่ศาลอ่านคำวินิจฉัย มวลชนสองฝ่ายต่างแสดงปฏิกิริยาคนละขั้วกัน
กลุ่มผู้ต่อต้านน.ส.ปาร์ก ส่งเสียงตะโกนยินดี และว่าคำตัดสินนี้ถือเป็นชัยชนะของคนทั้งประเทศ ส่วนกลุ่มผู้สนับสนุนน.ส.ปาร์ก แสดงความไม่พอใจ ตำรวจจึงมาคั่นมวลชนสองฝ่ายและตามด้วยการปะทะกันอย่างชุลมุน ต่อมามีรายงานว่า ผู้ชุมนุมเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2 ราย
นายแพ ซูรอก ทหารวัยเกษียณ กล่าวว่าประธานาธิบดีปาร์กถูกบูชายัญด้วยวิธีการแบบศาลเตี้ย และว่าตนพร้อมที่จะหลั่งเลือดบนทางเดินสู่การปกป้องประชาธิปไตย