ข่าว
'กัมพูชา'อ่วมโควิด-19 ยอด'ป่วย-ดับ'เพิ่มทุบสถิติสูงสุด

30 มิถุนายน 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชารายงานการตรวจพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่การระบาดใหญ่อุบัติขึ้นในประเทศเมื่อเดือนมกราคมปีก่อน

กัมพูชาตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 1,130 ราย ซึ่งนับเป็นยอดผู้ป่วยใหม่รายวันสูงสุดทุบสถิติก่อนหน้าในวันที่ 3 พ.ค. ซึ่งอยู่ที่ 938 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 50,385 ราย และตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 27 ราย ซึ่งสูงกว่าสถิติเดิมในวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งอยู่ที่ 20 ราย ทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตรวม 602 ราย

ส่วนยอดผู้ป่วยหายดีรวมอยู่ที่ 44,143 ราย หลังพบผู้ป่วยหายดีเพิ่มราว 670 ราย โดยออร์ แวนดิน รัฐมนตรีและโฆษก กระทรวงฯ ยังคงเรียกร้องประชาชนเฝ้าระวังตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง

“ตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศยังอยู่บนความเสี่ยง” แวนดินเผยผ่านทวิตเตอร์ “ดังนั้นทุกคนต้องปฏิบัติตนด้วยความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค”

ทั้งนี้ กัมพูชาเริ่มดำเนินโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 ก.พ. โดยมีจีนเป็นผู้จัดส่งวัคซีนรายใหญ่ ปัจจุบันกัมพูชาฉีดวัคซีนให้ประชาชนราว 7.09 ล้านโดส เมื่อนับถึงวันที่ 29 มิ.ย. ซึ่งเป็นผู้รับวัคซีนโดสแรก 4.1 ล้านคน และผู้รับวัคซีนครบสองโดส 2.99 ล้านคน

กัมพูชาตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างน้อย 10 ล้านคนจากทั้งหมด 16 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้

ตรวจ Hospitel ก่อนเปิดรับผู้ป่วย ตั้งเป้า1หมื่นเตียงรองรับโควิดเขียว

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มพระราชทาน ในศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ให้กับผู้ป่วยติดเตียง โดยผู้ว่าฯ กทม. เปิดผยว่า กรุงเทพมหานคร จะเร่งฉีดวัคซีนพระราชทานให้ครบ 2,500 โดส ก่อนวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ท่าน ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้มอบถุงยังชีพ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องอุปโภค-บริโภค อาหารแห้ง น้ำดื่มให้แก่ครอบครัวผู้ป่วยติดเตียงด้วย ทั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและเป็นการสนองตอบต่อพระราชประสงค์ในสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ซึ่งนับเป็นพระกรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย วันเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวิน ได้ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมโรงพยาบาลโรงแรม (Hospitel) ที่โรงแรมแกรนด์ฮาเวิร์ด เขตบางคอแหลม โดยมี ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการแพทย์ สำนักอนามัยผู้บริหารโรงพยาบาลธนบุรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดที่มีจำนวนมากขึ้น กรุงเทพมหานครจึงจัดตั้งโรงพยาบาลโรงแรม (Hospitel) ในพื้นที่เขตบางคอแหลม โดยความร่วมมือกับโรงพยาบาลธนบุรี เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการเล็กน้อย (สีเขียว) สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 380 เตียง จะเริ่มเปิดรับผู้ป่วยวันที่ 5 ก.ค. 2564 โดยจะเน้นรับผู้ป่วยที่เป็นคนไทยเข้ารับการรักษาที่ Hospitel ส่วนแรงงานต่างด้าว จะนำส่งเข้ารับการรักษาที่รพ.อื่นๆ อาทิ รพ.สนามของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ กทม.ยืนยันว่าพร้อมดูแลผู้ป่วยทุกคน ทั้งที่เป็นคนไทยหรือคนต่างด้าว สำหรับจำนวนเตียงผู้ป่วยสีเขียวในสังกัดกรุงเทพมหานคร ก่อนหน้านี้ กทม. มีเตียงรองรับ 2,946 เตียง กำลังเพิ่มเติมอีก 245 เตียง และกำลังทยอยเปิด Hospitel เพิ่มอีก 4,424 เตียง รวมจำนวนเตียง 7,615 เตียง และจะจัดหาเตียงเพิ่มเติมให้ครบ 10,000 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดสีเขียว นอกจากนี้ จะเพิ่มเตียงผู้ป่วยโควิดเหลืองอีก 526 เตียง และ เตียงโควิดแดงอีก 111 เตียง โดยจะเปิดในวันที่ 2 ก.ค. ที่ มทบ.11 และวันที่ 10 ก.ค. เปิดที่โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน และโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ พร้อมกันนี้ ศูนย์เอราวัณ 1669 ได้เพิ่มรถสำหรับนำส่งผู้ป่วยอีก 50 คัน เพื่อให้นำส่งผู้ป่วยตกค้างเข้าสู่ระบบการรักษาของโรงพยาบาลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะเร่งนำส่งผู้ป่วยที่ตกค้างที่บ้านที่มีอยู่อีก 1,200 คน เข้าสู่ระบบการรักษาให้หมดใน 2 วันนี้

คลื่นความร้อนถล่มแคนาดา ตายแล้ว 134 ศพ-ร้อนพุ่งเกือบ 50 องศา

แวนคูเวอร์ (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - คลื่นความร้อนสูงเป็นประวัติการณ์ที่กำลังปกคลุมภาคตะวันตกของแคนาดาและภูมิภาคแปซิฟิกนอร์ทเวสต์ของสหรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 134 ศพ ที่เมืองแวนคูเวอร์ และพื้นที่โดยรอบในรัฐบริติชโคลัมเบีย ของแคนาดา

ตำรวจแคนาดาระบุในแถลงการณ์ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างกะทันหันอย่างน้อย 134 ศพ ในเมืองแวนคูเวอร์และพื้นที่โดยรอบตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ตำรวจเมืองแวนคูเวอร์เผยว่า ได้รับแจ้งเหตุผู้เสียชีวิตกว่า 65 ศพ ในเมืองแวนคูเวอร์ตั้งแต่วันศุกร์ ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีความเชื่อมโยงกับคลื่นความร้อน ส่วนทางการท้องถิ่นอื่นๆ ระบุว่า ได้รับแจ้งเหตุผู้เสียชีวิตกะทันหันอีกหลายราย แต่ยังไม่ได้ประกาศยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด

เอนไวรอนเมนต์แคนาดา (Environment Canada) หน่วยงานด้านสภาพอากาศของแคนาดา เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่แคนาดาทำสถิติอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่สามติดต่อกันเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นที่เมืองลิตตันในรัฐบริติชโคลัมเบีย ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองแวนคูเวอร์ ไปทางตะวันออกราว 250 กิโลเมตร โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 49.5 องศาเซลเซียส เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน จากเมื่อวันอาทิตย์ ที่ทุบสถิติครั้งแรก อุณหภูมิแตะ 46.6 องศาเซลเซียส พยากรณ์อากาศแคนาดาคาดว่า อุณหภูมิจะพุ่งสูงทุบสถิติอีกในภาคตะวันตกของแคนาดา

คลื่นความร้อนเริ่มต้นที่รัฐโอเรกอน ของสหรัฐฯ และแผ่ลามเข้าสู่ดินแดนขั้วโลกเหนือของแคนาดา ทางการสหรัฐฯ และแคนาดา ต้องเปิดศูนย์พักคลายร้อนฉุกเฉิน ในหลายเมืองทั่วภาคตะวันตกของทั้ง 2 ประเทศ ให้ประชาชนสามารถเข้าไปดับร้อนได้ทันทีในศูนย์เหล่านี้ ป้องกันการเสียชีวิตจากคลื่นความร้อน และแจกจ่ายน้ำดื่มและหมวกให้แก่คนที่ทำงานท่ามกลางอากาศร้อนจัด ศูนย์ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในแวนคูเวอร์ต้องปิดทำการ ชาวแคนาดาจำนวนมาก ต้องไปพักอยู่ในรถยนต์ของตัวเอง เพื่อเปิดแอร์ เนื่องจากบ้านไม่มีแอร์ และซื้อไม่ทัน เพราะร้านต่าง ๆขายแอร์และพัดลมจนหมดเกลี้ยง

คลื่นความร้อนสูงที่แผ่ขยายมาจากรัฐออริกอนในภูมิภาคแปซิฟิกนอร์ทเวสต์ของสหรัฐมายังดินแดนนอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ของแคนาดาเกิดจากหย่อมความกดอากาศสูงที่ปกคลุมพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาสหรัฐรายงานว่า เมืองพอร์ตแลนด์ ของรัฐออริกอนและเมืองซีแอตเทิลในรัฐวอชิงตัน ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคแปซิฟิกนอร์ทเวสต์ มีอุณหภูมิพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บบันทึกสถิติอุณหภูมิตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1940 โดยที่เมืองพอร์ตแลนด์มีอุณหภูมิสูงถึง 46.1 องศาเซลเซียส และเมืองซีแอตเทิลมีอุณหภูมิ 42.2 องศาเซลเซียส เมื่อวันจันทร์ ร้อนจนสายเคเบิลละลาย ทางการท้องถิ่นต้องออกคำเตือนภัยคลื่นความร้อนอันตราย เตือนประชาชนให้อยู่แต่ภายในอาคารบ้านเรือนที่เปิดเครื่องปรับอากาศ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และดื่มน้ำมากๆ ขณะที่ประชาชนในเมืองพอร์ทแลนด์ แห่เข้าไปพักในศูนย์คลายร้อนฉุกเฉิน ที่เปิดทั่วเมืองเพื่อช่วยดับร้อนให้แก่ประชาชนได้ทันที ป้องกันการได้รับอันตรายหรือเสียชีวิตจากคลื่นความร้อน ส่วนในเมืองยูจีน คลื่นความร้อนทำให้ต้องเปลี่ยนเวลาการแข่งกีฬาลู่และลานโอลิมปิก จากตอนบ่ายไปเป็นตอนค่ำแทน ในรัฐแคลิฟอร์เนีย คลื่นความร้อนยังทำให้เกิดไฟป่าด้วย


‘สิงคโปร์’จ่อทิ้งวิธี‘ล็อกดาวน์’หนีโควิด ปล่อยคนทำมาหากินปกติ-สำรองวัคซีนกระตุ้นภูมิต่อเนื่อง

30 มิ.ย. 2564 สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา เสนอรายงานพิเศษ Singapore wants to stop counting Covid cases. Its roadmap could be a model for other countries ระบุว่า สมาชิกคณะทำงานด้านการรับมือโรคระบาดโควิด-19 ของสิงคโปร์ จำนวน 3 คน เสนอแผนยุติมาตรการล็อกดาวน์ หรือการปิดกิจการต่างๆ แล้วให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติให้ได้มากที่สุด โดยยอมรับว่า การทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นศูนย์ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่มีไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์สายอินเดียหรือเดลตา

การแถลงข่าวของ 3 รัฐมนตรีสิงคโปร์ ประกอบด้วย กัน คิม ยง (Gan Kim Yong) รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ , ลอว์เรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ อง ยี คัง (Ong Ye Kung) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวพร้อมกันว่า ข่าวร้ายคือไวรัสโควิด-19 ไม่มีทางหายไป แต่ข่าวดีคือเราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ โดยเปลี่ยนให้มันกลายเป็นภัยคุกคามที่ลดความรุนแรงลง เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ โรคมือเท้าปาก อีสุกอีใส แล้วก็ดำเนินชีวิตต่อไปได้

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ภายใต้แนวทางใหม่ สิ่งที่สิงคโปร์จะทำคือการเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงโดย ขณะนี้คาดว่า 2 ใน 3 ของประชากรจะได้รับวัคซีนเข็มแรกภายในต้นเดือน ก.ค. 2564 และคาดว่าจะฉีดวัคซีนได้ครบถ้ามตามเป้าหมายวันที่ 9 ส.ค. 2564 เพราะวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงนั้น แม้สุดท้ายผู้คนจะยังติดเชื้อ แต่ก็จะไม่ทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรง ทั้งนี้ เมื่อการฉีดวัคซีนทำได้ในวงกว้างมากพอ การติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อจะเน้นเฉพาะผู้ป่วยอาการหนักหรือระดับที่ต้องนอนห้องไอซียู และอนุญาตให้ผู้ติดเชื้อพักฟื้นอยู่ที่บ้านได้

ส่วนการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ มีข้อเสนอให้จัดาวัคซีนโควิด-19 สำรองไว้เพื่อฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเนื่องหลายปี ส่วนการตรวจคัดกรองให้ทำเฉพาะบางกรณีที่จำเป็น เช่น การเดินทางมาจากต่างประเทศ หรือการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมขนาดใหญ่ โดยจะมีการหาวิธีอื่นในการคัดกรองที่รวดเร็วกว่าวิธี PCR ซึ่งรวมถึงการใช้เครื่องตรวจแบบเป่าลมหายใจที่จะรู้ผลในเวลาเพียงไม่กี่นาที

ด้านการรักษานั้นจะมุ่งเน้นไปที่วิธีการซึ่งมีประสิทธิในการช่วยผู้ป่วยอาการรุนแรงทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว เพื่อลดความรุนแรงของอาการป่วยและการเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังจะมีการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้กับประชาชนในการรับผิดชอบต่อสังคม เช่น ผู้ที่มีอาการไม่สบายควรหลีกเลี่ยงในการพบปะกับผู้อื่น ทั้งหมดนี้จะทำให้การรับมือโควิด-19 ในอนาคตเปลี่ยนไปจากปัจจุบัน


'สหราชอาณาจักร'เผยความเสี่ยง‘ป่วยโควิด-19ซ้ำ’ อยู่ในระดับต่ำมาก

30 มิถุนายน 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สำนักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักร (ONS) เปิดเผยว่าปัจจุบันความเสี่ยงการกลับมาติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 “ซ้ำอีกครั้ง” ในสหราชอาณาจักรนั้นอยู่ในระดับต่ำมาก

การศึกษาของสำนักงานฯ อ้างอิงข้อมูลจากผลสำรวจการติดเชื้อไวรัสฯ (Coronavirus Infection Survey) ระหว่างวันที่ 26 เม.ย. 2020 ถึง 5 มิ.ย. 2021 ครอบคลุมหลายพันครัวเรือนที่ตกลงทดสอบโรคโควิด-19 เป็นประจำเพื่อตรวจดูว่าพวกเขาติดเชื้อไวรัสฯ หรือไม่

คณะนักวิจัยกำหนดให้ “วันที่ผู้เข้าร่วมเสี่ยงติดเชื้อไวรัสฯ” เป็นปัจจัยการพิจารณาหลัก เนื่องจากผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในปีก่อนจะมีเวลากลับมาติดเชื้อซ้ำมากกว่าผู้ป่วยในช่วงไม่นานมานี้

สำนักงานฯ คาดการณ์การติดเชื้อซ้ำประมาณ 15.2 ครั้ง ต่อวันที่ผู้เข้าร่วมเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสฯ 100,000 วัน โดยนับรวมจำนวนวันจากกลุ่มผู้เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมด (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 : 12.7 ถึง 18.0)

ขณะเดียวกันสำนักงานฯ เสริมว่าผู้ที่กลับมาป่วยโรคโควิด-19 ซ้ำ มีแนวโน้มมีระดับเชื้อไวรัสฯ ในร่างกายต่ำกว่า (แต่ยังคงตรวจพบได้) และมีรายงานอาการน้อยลง อาทิ ไอ มีไข้ สูญเสียกลิ่นหรือการรับรส ปวดกล้ามเนื้อ และเมื่อยล้า

ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรรายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 22,868 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. ปีนี้ ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 4,755,078 ราย และตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย ทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตรวม 128,103 ราย โดยนับเฉพาะผู้เสียชีวิตภายใน 28 วัน หลังมีผลตรวจโรคเป็นบวกครั้งแรก

'อิสราเอล'อาจต้องทิ้ง'วัคซีนไฟเซอร์'8แสนโดส หากหาผู้ซื้อไม่ได้ในอีก2สัปดาห์หน้า

30 มิถุนายน 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน อิสราเอลกำลังเร่งหาผู้ซื้อวัคซีนป้องกันการติดโควิด-19 จำนวน 800,000 โดสของไฟเซอร์ อิงค์ ที่จะหมดอายุในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ กระทรวงสาธารณสุขอิราเอลจะทำลายวัคซีนที่กำลังจะหมดอายุจำนวน 800,000 โดส หากไม่สามารถหาผู้ซื้อได้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

คาน องค์กรแพร่ภาพกระจายเสียงสาธารณะของอิสราเอล รายงานว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอนเทค ที่กำลังจะหมดอายุลงในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม มีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ การที่อิสราเอล พยายามหาผู้ซื้อวัคซีนในครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่หลายประเทศกำลังเร่งระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนเพื่อรับมือกับการระบาดของเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ที่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว

คาน รายงานโดยไม่ได้ระบุแหล่งที่มาว่า อิสราเอลมีวัคซีน 1.4 ล้านโดสที่จะหมดอายุในปลายเดือนกรกฎาคม และหวังว่าจะใช้วัคซีน 600,000 โดสฉีดให้กับประชาชนวัยรุ่นช่วงอายุระหว่าง 12-15 ปี จำนวน 300,000 คนให้ทันก่อนหมดอายุ

รายงานระบุว่า อิสราเอลเจรจากับหลายประเทศเพื่อซื้อวัคซีนหรือแลกกับวัคซีนที่ประเทศนั้น ๆ จะได้รับในภายหลัง โดยให้ส่งมาให้อิสราเอลแทน แต่รายงานไม่ได้ระบุว่า อิสรเอลเจรจากับประเทศใดบ้าง หนังสือพิมพ์รายวันฮาร์เร็ตซ์ รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มี 3 ประเทศที่ติดต่อกับอิสราเอลเพื่อซื้อวัคซีนที่กำลังจะหมดอายุ อิสรเอลเริ่มเชิญชวนให้วัยรุ่นมาฉีดวัคซีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในอาคารและผู้เชี่ยวชาญขอให้เพิ่มมาตรการควบคุม