“ว่าด้วย ทริปเมืองไทย 2568 ตอนที่ 1”
เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2568 ดิฉันได้เขียนรายงานไว้ ถึงเรื่องความสนใจในเรื่องการปฎิบัติสมาธิ ว่าช่วงนั้นได้มีความรู้สึกกังวล สับสนและไม่สบายใจอยู่หลายเรื่องเป็นเหตุให้สนใจจะลองปฏิบัติธรรม รวมทั้งได้นำเสนอถึงกิจกรรม เรื่องราวของสมาชิกกลุ่ม Megga8 Meditation Group ไปแล้วนั้น เขียนลงหนังสือพิมพ์เสร็จ ก็มีเหตุให้ต้องเดินทางกลับประเทศไทยด่วน เพราะบุตรสาวคนโตที่อาศัยอยู่กรุงเทพฯ ส่งข่าวมาว่าคุณพ่อ คือสามีของดิฉันซึ่งป่วยอยู่ในความดูแลของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เข้าโรงพยาบาลและอยู่ในห้องฉุกเฉิน ด้วยอายุที่มากแล้ว เกือบแปดสิบเก้าปี และอาการกำเริบจากหลายโรค ดิฉันและบุตรสาวคนเล็กได้เดินทางไปถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 ไปได้ทันเห็นใจคุณสามีก่อนที่เขาจะหมดอายุขัย การที่ได้เริ่มปฏิบัติธรรมและเข้าหาคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ความเศร้าโศกและอาลัยการจากไปชั่วนิจนิรันดร์ของสามีในครั้งนี้มิได้สาหัสสากรรจ์เกินทำใจ ด้วยเหตุว่าได้พยายามเข้าหาการปฏิบัติธรรมอยู่พักหนึ่งแล้ว
เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป นั่นคือสิ่งที่พุทธศาสนิกชนได้สังวรไว้ นอกเหนือไปจากคำสั่งสอนแล้ว ความเป็นจริงที่มองเห็นได้ก็คือ การที่คนที่เรารักได้พ้นจากความเจ็บปวดทั้งปวงแล้วนั้น เป็นสิ่งที่ปลอบใจให้เราคลายทุกข์ได้อย่างดีที่สุด
ขออนุญาตผู้อ่านเขียนอาลัยในเรื่องส่วนตัวผ่านคอลัมน์นี้ ขอให้ดวงวิญญาณของคุณสามี คุณวัฏฐี โสภาภัณฑ์ จงสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญฯ
“ขอบคุณช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตคู่และความเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดียิ่ง เป็นพ่อที่รักลูกๆ เป็นที่สุด”
ดิฉันเขียนคอลัมน์ต่างๆ ให้กับหนังสือพิมพ์ไทยแอลเอ ด้วยการสนับสนุนของญาติผู้น้องคุณวิรัช โรจนปัญญา อดีต บ.ก.หนังสือพิมพ์ไทยแอลเอ และก็มีคุณสามีคนนี้อีกคนหนึ่งที่ร่วมสนับสนุนด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นคงไม่มีงานเขียนมาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา
ชีวิตคู่ของดิฉันกับสามีนั้นหากจะนำมาเขียนเป็นนิยายตามที่ดิฉันถนัดเขียนนั้น ก็คงจะน่าสนใจไม่ใช่น้อย เป็นดราม่าซี่รี่ส์ยาวได้เลยล่ะค่ะ หากว่าวันหนึ่งมีความวิริยะอุตสาหะในการเขียนเกิดขึ้น ก็ไม่แน่ค่ะ คงจะได้อ่านกันในนามปากกา ลิลิตดา”อีกครั้ง
แต่สำหรับวันนี้ และฉบับนี้ ขอลงภาพจากงานพิธีอาลัย งานสวด งานฌาปนกิจ ของคุณวัฏฐี ที่วัดศรีเอี่ยม เขตบางนา กทม. ช่วงวันที่… ถึง… มาด้วยความขอบคุณเพื่อนสนิทมิตรสหาย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทย และเพื่อนๆ จากเบย์แอเรียที่บังเอิญไปธุระอยู่ที่เมืองไทย ทราบข่าวอุตส่าห์ไปร่วมงาน ขอกราบขอบพระคุณในเมตตาของพระธรรมวชิราจารย์ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ คุณเดชา คุปคีตพันธ์ ประธานฝ่ายฆราวาส มา ณ ที่นี้ด้วย และขอบคุณ คุณพรพิไล รุจิระบรรเจิด ที่นำบางภาพไปลงในคอลัมน์ท่องไปในซานฟราน ให้ด้วยนะคะ
ฉบับหน้าดิฉันจะมาเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ไปพบเห็นด้วยตัวเอง คนไข้ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลรัฐ เข้ารักษากันอย่างไร กฏเกณฑ์การเข้าเยี่ยม ให้ผู้อ่านที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาหากสนใจจะเรียนรู้ได้เห็นภาพพอเป็นสังเขป พบกันใหม่ฉบับหน้านะคะ