บันทึกจากเบย์แอเรีย
เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์



โครงการมรดกไทยคืนถิ่นซัมเมอร์ ๒๕๕๙

ละครเรื่อง ซินเดอเรลล่า ภาคพิเศษ ของ สภาวัฒนธรรมไทยฯ เบิร์กเล่ย์

สวัสดีนะคะ ห่างเหินรายงานไปเป็นเดือน ขณะนี้ผู้เขียนตามคณะครูและนักเรียนของวัดมงคลรัตนาราม เบิร์กเล่ย์ มาที่กรุงเทพฯ กับโครงการมรดกไทยคืนถิ่น จัดโดยสภาวัฒนธรรมไทยในสหรัฐอเมริกาแห่งเมืองเบิร์กเล่ย์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๐ กรกฏาคม ๒๕๕๙ และสิ้นสุดไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ โดยโครงการนี้นอกจากจะนำนักเรียนไปทัศนศึกษาในหลายๆ ที่แล้ว ไฮไลท์ของโครงการมีสองสถานการณ์ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือการได้เข้าคารวะนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฏาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์หลักๆ และโทรทัศน์เกือบทุกช่อง รวมทั้งได้รับความสนใจจากคนไทยทั้งประเทศ และอีกเหตุการณ์หนึ่งก็คือการนำเสนอละครเรื่องซินเดอเรลล่า ภาคพิเศษ ไปแสดงเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฏาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ซี่งมีผู้เข้าชมเต็มโรงละครแห่งชาติ

สำหรับการรายงานนั้นผู้เขียนจะขอส่งรายงานเป็นตอนๆ ไปนะคะ เพราะกิจกรรมในแต่ละอย่างมีรายละเอียดที่อยากจะบันทึกให้ได้ทราบกัน เพื่อให้ผู้อ่านที่ไม่ได้ไปร่วมได้มองภาพได้ชัดเจน รวมทั้งจะมีภาพประกอบที่เก็บมาจากกล้องของน้องๆ ผู้ปกครองที่ติดตามนักเรียนไปด้วยและของผู้เขียนเอง

ที่มา ที่ไปของโครงการวัฒนธรรมคืนถิ่นของปี พ.ศ. ๒๕๕๙

โครงการครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๖ เป็นโครงการต่อเนื่องของการดำเนินงานสืบสานวัฒนธรรมไทยในต่างแดน ที่เกิดจากความร่วมมือกันของเครือข่ายวัฒนธรรมในสหรัฐอเมริกาและมหาวิยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ในโอกาสที่ปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ เป็นปีมหามงคลที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ครบเจ็ดสิบปี และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงพระชนมายุครบ ๘๔ พรรษา เพื่อเฉลิมฉลองและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์โดยจะขอเริ่มเล่าเรื่องราวที่น่าจะเป็นประวัติศาสตร์อีกหนึ่งหน้าของชาววัดมงคลรัตนาราม นั่นคือการได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ตึกสันติไมตรีในเช้าวันที่ ๑๓ กรกฏาคม ๒๕๕๙

เช้ามืดของวันนั้น คณะออกเดินทางจากโรงแรมสุริยะ อันเป็นโรงแรมของมหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระบรมมหาราชวัง ซึ่งวันนั้นนอกจากจะมีหน่วยงานต่างๆ ไปร่วมลงนามถวายพระพรเนืองแน่นแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวเต็มบริเวณทางเข้าประตูด้านมหาวิทยาลัยศิลปากร ทำให้ได้เห็นกับตาว่านักท่องเที่ยวจีนมากกว่าใคร ที่แน่ใจเพราะได้ยินไกด์ทัวร์ประกาศภาษาจีนดังไปทั่ว หลากกรุ๊ปทัวร์

หลังจากเสร็จสิ้นการลงนามถวายพระพร ซึ่งมีหลายหมู่หลายคณะทยอยกันมาลงนามทุกๆ นาที แสดงถึงความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น เป็นภาพที่เห็นแล้วประทับใจยิ่ง คณะเราถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเสร็จแล้ว เราก็ต้องรีบออกจากพระบรมมหาราชวังเพื่อออกเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเนื่องจากฝนตั้งเค้ามาแล้ว จุดมุ่งหมายเพื่อเจ้าคารวะและรับฟังโอวาทจากนายกรัฐมนตรี

วันนั้นนอกจากคณะนักเรียนและผู้ปกครองของสภาเบิร์กเล่ย์แล้ว ก็ยังมีคณะเยาวชนไทยในเขตมิดเวสต์เข้าพบนายกฯ ด้วย เด็กๆ ของเรานั่งรอเวลาที่นายกฯ ปรากฏตัวด้วยใจจดจ่อ ซึ่งไม่น่าเขื่อว่าเด็กเล็กๆ จะสามารถนั่งอยู่กับที่ได้โดยไม่วิ่งเล่นซุกซนแม้แต่น้อย นาทีที่นายกฯ ก้าวเข้ามาในห้องเด็กๆ พนมมือไหว้พร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย “สวัสดีจ้ะ Good afternoon”

นั่นคือประโยคแรกที่นายกฯ กล่าวทักทายเด็กด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผู้เขียนจะรายงานแต่บรรยากาศในห้องประชุมน่าจะดีกว่า เนื่องจากว่าที่สปีชที่ท่านกล่าวกับเด็กๆ วันนั้น ผู้อ่านจะหาอ่านได้จากหนังสือพิมพ์หลักๆ ของไทยได้แค่คลิคไปที่เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ที่ท่านชื่นชอบ

ตลอดเวลาที่มีการกล่าวรายงานเกี่ยวกับโครงการ จนกระทั่งการทักทายและให้โอวาทจากท่านนายกฯ เด็กๆ ตั้งใจนั่งฟังด้วยความเรียบร้อย แม้ส่วนมากจะไม่เข้าใจภาษาไทยที่ลึกซึ้งเท่าไร แต่ทุกสายตาก็จ้องไปที่นายกฯ ด้วยทีท่าสนใจยิ่ง ซึ่งวันนั้นนายกฯ ท่านเป็นกันเองมาก ผู้เขียนขอชมว่าท่านพูดได้ดี พูดด้วยอาการผ่อนคลายโดยไม่มีสคริป เห็นได้ชัดว่าคงจะเป็นคนรักเด็ก โดยเฉพาะเมื่อตัวแทนของเยาวชนจากเบิร์กเล่ย์ น้องโบตั๋น ด.ญ. กมนญา พวงศรี ได้ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณนายกฯ น้องพูดเป็นภาษาไทยได้คล่องแคล่ว ได้รับคำชมเชยจากท่านนายกฯ และทุกคน

ก่อนจะจบรายการ เยาวชนจากเบิร์กเล่ย์ได้พร้อมใจกันร้องเพลง “ฉันนี้หรือ คือคนไทย” ประพันธ์โดย ดร.สุดารัตน์ ขาญเลขา ซึ่งได้รับเสียงปรบมือกึกก้องจากทั้งท่านนายกฯ คณะทำงานท่านนายกฯ และสื่อมวลชน ขนาดว่าเมื่อนายกฯ กล่าวอำลา เด็กๆ ก็วิ่งตามท่านออกไปที่ประตูด้วย

ท่านนายกฯ จึงหันมาจูงมือเด็กเล็กๆ พร้อมบอก “เอ้า เด็กๆ ตามลุงมา” แล้วท่านก็นำฝูงเด็กผ่านกองทัพนักข่าวโดยไม่ให้สัมภาษณ์ นำทัพเด็กลิ่วละล่องจากตึกสันติไมตรี ผ่านฝนที่ตกหนักไปยังตึกไทยคู่ฟ้า เด็กๆ รวมทั้งข้าพเจ้าและผู้ปกครองก็วิ่งฝ่าฝนตามไปด้วย เมื่อถึงบันไดหินอ่อนที่ห้องโถงก่อนขึ้นห้องทำงานท่านก็โบกมือ บอกเราว่า “ขอไปกินข้าวก่อนนะ ลุงมีงานทำแยะเลย” พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ให้อนุญาตเราเดินชมและถ่ายภาพในตึกไทยคู่ฟ้าได้ทั้งๆ ที่ไม่ไดอยู่ในโปรแกรม

ประทับใจนะคะ “ลุงตู่” วันนั้นท่านอารมณ์ดี หน้าตาท่านก็เลย “แฮนด์ซั่ม” ไม่เหมือนตอนท่านดุนักข่าวบ่อยๆออกทีวีเลย

และผู้เขียนอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อนึกภาพท่าจูงมือเด็กจ้ำอ้าวไปอีกตึก โดยไม่หยุดให้สัมภาษณ์นักข่าว หรือว่าเป็นกุศโลบายไม่ให้โอกาสนักข่าวเข้าถึง หรือไม่....ถ้าใช่...ท่านเก่งมากค่ะ....ถ้าไม่ใช่ก็เป็นความคิดขำๆ ของผู้เขียนเองล่ะค่ะ


พบกับรายงานเรื่องมรดกไทยคืนถิ่นครั้งที่ ๖ ในฉบับหน้านะคะ

เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์ รายงาน
๑๙ กรกฎา ๒๕๕๙