ในที่สุดวันแห่งความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของข้าพเจ้าก็มาถึง เมื่อคุณแม่อรวรรณ ปิยวิทยาการ ของผู้เขียนได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่อเช้าของวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมานี้ โดยชีพจรหยุดทำงานและท่านหลับไปด้วยอาการอันสงบด้วยอายุ 94 ปี
ผู้เขียนเคยเขียนสัมภาษณ์ผู้คน เคยเขียนถึงผู้อื่นมากมายแต่พอมาถึงคราวจะต้องเขียนถึงคนที่เรารักและเคารพที่สุดในชีวิต กลับกลายเป็นเรื่องที่เขียนได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน แต่หากคอลัมน์ที่ตัวเองมีจะไม่เขียนบันทึกถึงก็คงเป็นลูกที่ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย
คุณแม่ของผู้เขียนผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึงเก้าสิบกว่าปี นับเป็นบุญเป็นโชคดีของพวกเราลูกๆ ที่มีคุณแม่อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรมานานขนาดนี้ ระหว่างท่านยังมีชีวิตอยู่จนถึงวินาทีสุดท้ายที่จะจากไป ความจำของท่านยังดีเลิศ สามารถให้คำแนะนำปรึกษาและเล่าเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านๆ มาให้ลูกหลานฟัง ซึ่งบางเรื่องก็เป็นเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์ของชาติก็ว่าได้
หากวันใดมีโอกาสเหมาะจะนำบันทึกส่วนตัวของคุณแม่ในส่วนที่สามารถเปิดเผยได้มาให้ได้อ่านกัน เป็นเรื่องราวสมัยคุณแม่ของข้าพเจ้ายังสาว เป็นสมัยต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่เจ็ด (ท่านเกิดปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ รัชกาลที่หก) มีบันทึกช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีเกร็ดความรู้ในเรื่องความเป็นอยู่ของคนไทยสมัยนั้นและคุณแม่ท่านมีก็มุมมองที่ขำขันต่อเหตุการณ์เหล่านั้นอยู่ประปราย ขอยกย่องคุณแม่ว่าฝีมือด้านงานเขียนมิใช่ย่อย คิดว่าน่าจะรวบรวมทำพ็อกเก็ตบุ๊กให้อนุชนรุ่นหลังได้อ่านกันสักวันหนึ่ง
ส่วนฉบับนี้เพียงขอเล่าความถึงช่วงแห่งความสูญเสียของเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาให้เพื่อนฝูงและผู้อ่านได้ทราบเป็นสังเขป เนื่องจากผู้เขียนเคยเขียนเล่าเรื่องของท่านตอนไปโรงพยาบาลในคอลัมน์นี้มาหลายตอนอยู่ เรื่องที่ท่านไปเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในเขตธนบุรี ถึงสามครั้งสามคราเมื่อกลางปีที่แล้วด้วยโรคหัวใจ ตอนนั้นท่านอายุเก้าสิบสามปี
เมื่อแพทย์อนุญาตให้คุณแม่กลับบ้านครั้งหลังสุดนั้น หัวใจของคุณแม่ทำงานเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ท่านก็มีกำลังใจที่จะสู้อยู่ ด้วยการไม่อยู่ว่างๆ ทำการฝีมือทุกวันด้วยความสุขกับงานแม้ลูกๆ จะห้ามปรามที่บางครั้งเห็นท่านก้มๆ เงยๆ และทำมากเกินไป ท่านบอกพวกเราว่าเวลาเหลือน้อยแล้วอยากจะเร่งทำให้เสร็จเพื่อเตรียมแจกเป็นของที่ระลึกสำหรับลูกหลานและญาติๆ เวลามาเยี่ยมท่านตอนปีใหม่
คุณแม่ท่านมีฝีมือในเรื่องเย็บปักถักร้อยเป็นอย่างมาก เพราะว่าท่านเคยเป็นครูการฝีมือมาก่อน จากโรงเรียนการช่างบ้านทะวาย และได้ไปสอนอยู่ที่โรงเรียนสตรีนครปฐม และภายหลังเคยไปสอนที่โรงเรียนฝึกหัดครูอยุธยา และกลับมาอยู่กรุงเทพฯ เมื่อแต่งงานกับคุณพ่อข้าพเจ้า นายประภากร ปิยวิทยาการ เริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อข้าพเจ้าเข้าเรียนชั้นมัธยม โดยเข้ารับราชการอยู่ที่กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรจนเกษียณราชการ ฝากรูปภาพมาให้ดูกัน เป็นผลงานฝีมือที่คุณแม่ได้ทำช่วงหลังๆ รวมทั้งเป็นคนทำของชำร่วยแจกในงานแต่งงานของหลานสาวและหลานชาย ซึ่งคุณแม่ภูมิใจมากๆ
อาทิตย์ก่อนที่ท่านจะจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับนั้นท่านเป็นไข้หวัด ทำให้หายใจลำบากแพทย์ให้ยามารับประทานจนท่านค่อยยังชั่วขึ้นบ้าง ก่อนท่านจะสิ้นไปหนึ่งวันผู้เขียนและหลานที่เบย์แอเรียได้วีดิโอไลน์ไปคุยกับท่าน ทำให้ท่านได้มีโอกาสเห็นเหลนๆ และเรายังได้กราบสวัสดีท่าน ท่านก็ให้ศีลให้พร โดยไม่คิดฝันว่าจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้คุยกัน
และแล้วเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 20 พ.ศ. 2556 เวลาประเทศไทย ลูกสาวคนโตของผู้เขียนที่อยู่เมืองไทย ก็ได้โทรมาบอกว่าคุณยายเสียแล้ว เสียหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเกือบเสร็จ คุณแม่ก็หมดสติทั้งๆ ที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร เมื่อรถพยาบาลมาถึงท่านก็สิ้นลมปราณไปแล้วด้วยอาการอันสงบ น้องสาวของผู้เขียน และลูกสาวของเขาได้อยู่ด้วยในเวลาที่คุณแม่จากไป เล่าว่าท่านจากเราไปด้วยดีมิได้มีอาการทุกข์ทรมานแต่อย่างใด ถือว่าเป็นบุญของท่านเป็นที่สุดแล้ว
แม้ว่าพวกเราลูกๆ หลานๆ จะเสียใจ อาลัย อาวรณ์ท่านเป็นที่สุด แต่การที่ได้ทราบว่าท่านได้จากพวกเราไปอย่างสงบเช่นนี้ พวกเราก็ยินดีที่ท่านไปดี สู่สวรรค์ แล้ว และท่านเองก็ได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกๆ หลานๆ นานเกินเก้าสิบปีนี้นั้น ถือเป็นบุญของพวกเราเป็นที่สุด อันพระคุณของแม่ที่มีต่อลูกๆ ทุกคนนั้นมากมายเกินบรรยาย แม่เป็นทั้งผู้ให้ชีวิต เป็นครู เป็นผู้ให้กำลังใจในสิ่งที่ลูกๆ ต้องการจะทำ สำหรับผู้เขียนนั้นคุณแม่เป็นผู้นำทางสนับสนุนให้ไปเรียนกับ คุณครูสัมพันธ์ พันธ์มณี จนนำมาใช้แสดงได้ในทุกวันนี้ ในด้านงานเขียนของผู้เขียนนั้น ท่านอ่านงานเขียนนวนิยายทุกเรื่องของผู้เขียนรวมทั้งให้คำแนะนำและคำติชม เป็นขวัญและกำลังใจของผู้เขียนที่หาผู้ใดเสมอเหมือน
ขอกราบอธิษฐานให้ดวงวิญญาณของคุณแม่อรวรรณของลูกๆ และหลานๆ จงสู่สุคติในสัมปรายภพ สิ่งที่แม่ได้ทำให้กับพวกเราลูกๆ และหลานๆ จะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป
ขอกราบขอบพระคุณเจ้าอาวาสวัดพุทธาฯ พระวิเทศธรรมกวี พระครูสิริรัตนธรรมวิเทศ เจ้าอาวาสวัดมงคลฯเบิร์กเล่ย์ คณะสงฆ์วัดพุทธานุสรณ์ วัดมงคลรัตนาราม และเพื่อนพ้องน้องพี่ ญาติธรรมทุกๆ คนที่มาร่วมงานสวดพระอภิธรรมให้กับคุณแม่ที่วัดพุทธานุสรณ์ เมืองฟรีมอนต์ ทั้งสามคืนที่ผ่านมา (20, 21, 22 ตุุุลาคม) และเพื่อนสนิทมิตรสหาย รวมทั้งพระคุณเจ้าพระราชปริยัติเวที เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม และพระอาจารย์สิงโห จากวัดลานนาบุญ ที่ไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมที่วัดธาตุทอง กรุงเทพฯ ขอให้กุศลผลบุญที่ทุกท่านร่วมกันทำบุญให้คุณแม่ จงดลบันดาลให้ดวงวิญญาณของคุณแม่สู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญฯ
พิธีฌาปาณกิจ จะมีในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2556 เวลา 5.00 p.m. ที่วัดธาตุทอง สุขุมวิท เขตวัฒนา กทม. ซึ่งผู้เขียน หลาน และเหลนๆ จะเดินทางไปร่วมพิธีนี้ด้วยค่ะ เรียนเชิญญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่เมืองไทยไปร่วมส่งดวงวิญญาณคุณแม่อรวรรณด้วยหากไปร่วมได้นะคะ
ด้วยความซาบซึ้งในความเป็นกัลยาณมิตรของทุกท่านค่ะ - เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์