บันทึกจากเบย์แอเรีย
เพ็ญวิภา โสภาภันฑ์



บันทึกจากเบย์แอเรีย

เขียนบันทึกนี้ ณ วันที่ 7 มีนาคม 2555 ตรงกับวันขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนสี่ เป็นวันสำคัญที่เวียนมาบรรจบอีกครั้งของพุทธศาสนิกชน ร่วมรำลึกทำบุญฟังธรรม และสวดมนต์เจริญจิตภาวนา ในวันมาฆะบูชา วันที่พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานพระโอวาทปาติโมกข์ อันถือว่าเป็นหัวใจของคำสั่งสอนทางพระพุทธศาสนาแก่พระอรหันต์สาวกจำนวน 1250 รูป ในวันเพ็ญเดือนสามพระจันทร์เสวยมาฆะฤกษ์ ณ เวฬุวันมหาวิหาร เมืองราชคฤห์

วัดไทยทั่วเบย์แอเรียก็ได้จัดกิจกรรมให้สาธุชนได้ร่วมกันปฏิบัติธรรมทั่วทุกวัดไปแล้วก่อนหน้าคือวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ผู้เขียนบังเอิญติดธุระสำคัญไม่ได้ไปร่วมงานบุญในวันนั้น ต้องขอบคุณ คุณยู- นารีรัตน์ นาครศรี ประชาสัมพันธ์คนขยันของวัดพุทธานุสรณ์ที่ส่งรูปมาให้ได้ชมกัน ค่ะ..

มีเรื่องประกอบเกี่ยวกับงานมาฆะบูชามาให้ได้อ่านกันสองเรื่อง เรื่องแรกเป็นเรื่องที่พรรคพวกเล่ามาให้ฟังว่าไปนั่งอยู่ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์เพื่อจะขายดอกไม้และธูปเทียนให้คนที่จะเวียนเทียน และอยากจะชักชวนฝรั่งให้ขึ้นไปเวียนเทียนด้วย แต่แล้วก็ไม่รู้จะอธิบายคำว่า “เวียนเทียน” เป็นภาษาอังกฤษอย่างไรดี เธอก็เลยบอกไปแบบขำๆว่า “we will have a ceremony that you can walk around the Ubosot three times” และเขาก็เลยโทรมาคุยกับดิฉันว่า เออ..พี่..แล้วเราควรจะอธิบายให้ชาวต่างชาติรู้จักคำว่าเวียนเทียนและจุดประสงค์ของพิธีเวียนเทียนว่าอย่างไรดี

ดิฉันก็บอกเขาไปว่า ง่ายมากน้องเอ๋ย เข้าไปที่เว็บไซต์ของวัดพุทธานุสรณ์ คลิกไปที่วันมาฆะบูชา ก็จะได้เห็นประโยคเล่าขานเกี่ยวกับเวียนเทียน สั้นๆ แต่ได้ใจความ ขอนำมาแชร์สำหรับคนที่นึกคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษไม่ออก จากเว็บไซต์ของวัดที่เขียนไว้ดังนี้ค่ะ

In the evening of Magha full-moon day, each temple in Thailand holds a candlelight procession called a wian tian (wian meaning circle; tian meaning candle). Holding flowers, incense and a lighted candle, the monks and congregation members circumambulate clockwise three times around the Uposatha Hall – once for each of the three Jewels – the Buddha, the Dharma, and the Sangha. อ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.watbuddha.org/

ค่ะ..ลอกมาให้สำหรับผู้ที่ต้องการจะใช้นะคะ สำหรับท่านที่เข้าใจและสามารถอธิบายได้เองแล้วก็อ่านผ่านไปได้ค่ะ ส่วนเรื่องประกอบที่สองที่อยากจะนำมาแชร์กันก็เป็นข้อคิดข้อธรรมะจากหลวงพ่อชา ดิฉันขออนุญาตนำมาเผยแพร่เป็นพุทธบูชาเนื่องในวันมาฆะบูชานี้สักข้อคิดหนึ่ง

คอยเฝ้ามะม่วงตก


เอาความสงบมาพิจารณารูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์ที่มากระทบอารมณ์ แม้จะดี จะชั่ว จะสุข ทุกข์ ทั้งหลายทั้งปวง เหมือนกับคนขึ้นต้นมะม่วงแล้วเขย่าให้ลูกหล่นลงมาเราอยู่ใต้ต้นมะม่วงก็เก็บเอา ลูกไหนเน่าเราไม่เอา เอาแต่ลูกที่ดีๆ ไม่เปลืองแรงเพราะไม่ได้ขึ้นต้นมะม่วงคอยเก็บอยู่ข้างล่าง เท่านั้น

จากหนังสือ “เหมือนกับใจ คล้ายกับจิต” โดย พระโพธิญาณเถระ (หลวงพ่อชา)

ด้วยจิตกุศล และขอให้พุทธศาสนิกชนจงมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขในช่วงของวันมาฆะบูชานี้ทั่วหน้ากันนะคะ

ก่อนจะปิดคอลัมน์ในวันนี้ ขอฝากข่าวด่วนจากสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคเหนือ ซึ่งเพิ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่งจากการจัดงานวาเลนไทน์ไนท์ พี.เอส.ไอเลิฟยู ไปเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ขอประกาศเชิญชวนนักกีฬาที่ชื่นชอบเล่นโบว์ลิ่งทั้งสมัครเล่นด้วยใจรักและมือโปร กรุณากาปฏิทินกันไว้ไปร่วมงานกันในวันที่ 29 เมษายน ศกนี้ ส่วนเวลาและสถานที่จะแจ้งให้ทราบในเร็วๆ นี้ งานนี้ทราบมาว่าได้ คุณตู่-ประพิมพร มั่นแน่ เป็นที่ปรึกษา ส่วนจะรับเป็นประธานจัดงานหรือไม่นั้น วัลลภ คชินทร นายกสมาคมฯ คนปัจจุบัน กำลังลุ้นระทึกอยู่ค่ะ