บันทึกจากเบย์แอเรีย
ลิลิตดา
เกร็ดรักรอยหงส์ ตอนที่ 1

จากงานเขียนคอลัมน์ บันทึกจากเบย์แอเรีย ซึ่งรายงานโดย เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์ มานานเกินสิบปี ฉบับนี้ผู้เขียนรายงานจะขอมาเสนองานเขียนในอีกรูปแบบหนึ่ง คือเป็นงานเขียนนวนิยาย เพื่อความบันเทิง โดยผู้เขียนจะขอใช้นามปากกา “ลิลิตดา” เขียน นำเสนอ นวนิยายรักแนวสืบสวนแฟนตาซี เริ่มจากยุคสมัยไอทีไปบรรจบกับสมัยสามร้อยกว่าปีที่ผ่านมา โปรดอ่านในแง่บันเทิงที่ไม่ได้อิงวิชาการใดๆ นอกจากจินตนาการล้วนๆ ผสมผสานกับชื่อสถานที่ที่มีจริงบ้าง คิดเอาเองบ้าง ผิดพลาดในด้านข้อมูลทางวิชาการอย่างใด ผู้เขียนก็ขออภัยไว้ในที่นี้ด้วย

ขอฝากนวนิยายเรื่อง “เกร็ดรักรอยหงส์” ให้ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยแอลเอ ซึ่งจะเป็นผู้อ่านกลุ่มแรกที่จะได้อ่านเรื่องนี้ก่อนที่จะนำไปพิมพ์เป็นเล่มค่ะ ขอขอบคุณ กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยแอลเอ ที่ให้ความไว้วางใจ

“เกร็ดรักรอยหงส์” โดย “ลิลิตดา” จะเป็นนวนิยายที่เขียนต่อเนื่องมาจากเรื่อง “จนกว่าฟ้าจะมีหงส์” ที่พิมพ์ออกจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ “ดอกหญ้า” เมื่อ ปี ๒๕๕๖ หากท่านผู้อ่านที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาสนใจ สั่งซื้อได้ที่ร้านดอกหญ้าแอลเอ นะคะ หนังสือยังมีอยู่ แต่ที่ประเทศไทยอาจจะต้องสั่งซื้อจากร้านหนังสือมือสองออนไลน์ค่ะ ยังเห็นเขาประกาศขายกันอยู่

เรื่อง จนกว่าฟ้าจะมีหงส์ เป็นนวนิยายรักโรแมนติกระหว่างนายแพทย์หนุ่มจากราชนาวีไทยที่มีต่อสาวไทยเชื้อสายมอญ ซึ่งทั้งสองรอคอยซึ่งกันและกันนากว่าสิบปี เมื่อหญิงสาวต้องทำหน้าที่ในการร่วมต่อสู้ เพื่อให้รัฐมอญได้มีส่วนร่วมในการปกครองกับรัฐบาลพม่า

เมื่อผู้เขียนนำเสนอเรื่องนี้ออกไป ได้รับทั้งคำชมและคำติ ซึ่งก็จะเป็นกำลังใจให้มุ่งมั่นเสนองานเขียนต่อไป ที่ติเตียนนั้นคงจะเป็นในเรื่องข้อมูลและการนำประเทศที่มีจริงในประวัติศาสตร์มาเขียน ทำให้ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น แต่ครั้นจะจินตนาการให้เป็นประเทศที่ไม่มีในโลก ก็คงไม่สนุกนักเพราะคงต้องแต่งเรื่องราวของประเทศและคนประเทศนั้นๆ มาใหม่ ซึ่งบอกตามตรงว่าแม้แต่คนเขียนก็ยังจินตนาการลำบาก แล้วคนอ่านก็คงจะไม่สนุก วางหนังสือลงแต่หน้าแรกๆ แล้วค่ะ

หากว่าตัวละครเรื่องราวใน “เกร็ดรักรอยหงส์” จะไปคล้องจองหรือเหมือนกับเรื่องราวที่มีจริงก็ต้องขออภัยและออกตัวไว้ ณ ที่นี้ว่า เรื่องนี้มาจากจินตนาการของผู้เขียนล้วนๆ แต่ที่ต้องขอบันทึกไว้ในที่นี้ก็คือ แรงบันดาลใจในบางเหตุการณ์ มาจากหนังสือเรื่อง “พม่าเสียเมือง” ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมท และจากการค้นคว้าเกี่ยวกับสมัยพระเจ้าธีบอ กษัตย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์อะลองพระยา จากทางอินเตอร์เน็ต ค่ะ

เกร็ดรักรอยหงส์
โดย “ลิลิตดา”


สรรพสิ่งล้วนแต่ไม่จีรัง ล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เมื่อมีรุ่งเรืองจนถึงที่สุดก็ย่อมมีเสื่อมโทรมลงได้ ทว่า..บางที่และบางแห่ง ยังคงวัฏจักรของธรรมชาติ ไม่ว่าเช้า กลางวัน เย็น หรือบางสถานการณ์อาจจะมีจุดหยุดนิ่ง มีจุดผกผัน มีเรื่องราวเกี่ยวเนื่องเหนือธรรมชาติ ชวนให้ค้นหา จะเป็นอาถรรพ์ในอดีต เป็นชีวิตที่พลัดพราก ล้วนแล้วแต่มีเกร็ด มีสาระ ให้ติดตาม

๑.
ณ ที่พักตากอากาศแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี สยามประเทศ

รีสอร์ตบนเนื้อที่สามสิบไร่ไม่ไกลจากตัวเมืองสังขละบุรี ถือเป็นสถานที่ตากอากาศที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนแห่งหนึ่งในช่วงฤดูร้อน ซึ่งจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนที่อากาศไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือยามเช้าจะมีหมอกจางๆอากาศเย็นพอประมาณ ยามสายจนถึงบ่ายแม้จะมีแสงแดดกล้าแต่ก็ไม่ร้อนจนเกิน เนื่องจากสถานที่อยู่ติดเทือกเขาเล็กๆ และยามเย็นลมจะพัดแรง และอากาศจะทวีความหนาวขึ้น ชั่วนาตาปีไม่เปลี่ยนแปลง... ไม่ร้อนจัดและไม่หนาวเกินทน ...ทำให้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่หนีร้อนและหนีฝนมาจากเมืองหลวง

เฉกเช่นวันนี้ เป็นไปตามวัฏจักรของธรรมชาติที่นี่ รีฟช็องชาโต้....

แสงแดดยามบ่ายคล้อยในวันสุดสัปดาห์ปลายฤดูร้อนวันนี้ค่อยๆ ลดแสงลง สายลมยามเย็นเริ่มพัดโปรยปรายสู่สถานตากอากาศลือชื่อ สิบหกนาฬิกาตรงรถบัสคันใหญ่ขนาดจุผู้โดยสารได้สามสิบที่นั่งค่อยๆ เลี้ยวออกจากทางโค้งจากถนนสายใหญ่เข้ามายังประตูรีฟช็องชาโต้โดยบนรถมีนักท่องเที่ยวโดยสารมาเต็มทุกที่นั่ง

เมื่อเสียงแตรรถดังขึ้นยามรักษาความปลอดภัยที่ประจำป้อมตรงทางเข้า ก็รีบวิ่งมาเข็นประตูเหล็กที่ขวางทางไว้ออกพร้อมกับยกวิทยุสื่อสารส่งเสียงไปยังฝ่ายต้อนรับในอาคารตามหน้าที่ทันที

“ทัวร์คันที่สองมาถึงแล้วครับ ทราบแล้วเปลี่ยน..”

คนขับรถรับกระดาษสีขาวแผ่นเล็กมาจากมือยามเฝ้าประตูคนเดิมก่อนที่จะเคลื่อนรถไปจอดยังอาคารต้อนรับซึ่งอยู่ห่างจากป้อมยามประมาณห้าร้อยเมตร

รถจอดสนิทมัคคุเทศน์สาววัยยี่สิบห้าในชุดเครื่องแบบของบริษัททัวร์ที่รับนั่งท่องเที่ยวมา ก็ยกไมโครโฟนขี้นประกาศด้วยภาษาจีนกลางคล่องแคล่ว

“ขอต้อนรับทุกท่านสู่รีฟช็องชาโต้ค่ะ เราจะพักค้างคืนกันที่นี่หนึ่งคืนนะคะ เมื่อลงไปถึงลอบบี้ กรุณาเช็คอินก่อนนะคะ ท่านใดพักกับใครเราจัดไว้ให้หมดแล้วค่ะ เพียงแต่บอกชื่อสกุลของท่านเท่านั้น”

และก่อนที่เสียงจ้อกแจ้กจอแจของลูกทัวร์ที่พากันลุกขึ้นยืนจะเริ่มฟังไม่ได้ศัพท์ มัคคุเทศน์สาวคนเดิมก็ยกไมโครโฟนขึ้นพูดต่ออีกว่า

“เรามีเวลาเช็คอินและนำข้าวของไปเก็บเพียงสองชั่วโมงนะคะ กรุณาลงมาพร้อมกันที่สนามหญ้าด้านซ้ายมือของอาคารนี้ เพื่อรับประทานอาหารเย็นพื้นเมืองแบบบุฟเฟ่และชมการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมืองมอญ การแสดงคืนนี้จะใช้เวลาสองชั่วโมงค่ะ”

ภาพของนักท่องเที่ยวที่ลากสัมภาระและส่งเสียงดังด้วยภาษาจีนเข้ามาที่ล็อบบี้ ทำให้หญิงวัยกลางคนสองนางในชุดแม่บ้านที่กำลังทำหน้าที่กวาดพื้นอยู่ที่ระเบียงมองหน้ากัน และหนึ่งในพนักงานก็เป็นฝ่ายเริ่มการสนทนา

“เอ..วันนี้ดีจังทัวร์เข้าเป็นคันที่สองแล้ว ถ้าได้อีกคันก็ดีซินะ”

“เห็นคุณอานบอกว่าวันนี้จะมีทัวร์เข้าถึงสามกรุ๊ป ทัวร์จีนสองทัวร์ ฝรั่งยุโรปหนึ่งทัวร์” อีกนางตอบพลางใช้ไม้ไถผ้าถูไปบนพื้นเพื่อทำความสะอาดต่อ

“ดีจัง..ช่วงเทศกาลก็ดีอย่างนี้แหละ แต่เฮ้อ..เสียดายนะ หากว่าข่าวที่เราได้ยินเป็นจริง พวกเราจะไปทำมาหากินอะไรกันล่ะ”

นางคนที่กำลังถูพื้นทำหน้าเศร้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ฟังเพื่อนพูดถึงเรื่องที่บรรดาพนักงานรีสอร์ทกำลังร่ำลือกันอยู่

“นั่นซินะ ฉันหวังว่าคงเป็นเรื่องลือเท่านั้น วันนี้พบแม่มามิ เขาบอกครูอิ้นปานจะเอาจะเข้ตัวโปรดมาออกแสดง เพราะอาจจะเป็นการแสดงครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้”

ยังไม่ทันได้คุยต่อหนึ่งนางก็ต้องหันไปตอบคำถามนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่ถามหาทางไปห้องน้ำ ทำให้สองพนักงานทำความสะอาดเลิกสนทนาและแยกจากกันไปตรงนั้น

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ บริเวณสนามหญ้าสีเขียวขจีด้านข้างอาคารต้อนรับก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่แต่งตัวสวยงามที่ทยอยกันเข้ามาจับจองที่นั่งจากโต๊ะที่อยู่ใต้ร่มผ้าใบหลากสีที่จัดไว้เป็นซุ้มละสิบที่นั่ง เพื่อเข้ารับประทานอาหารเย็นและชมการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมืองของชุมชนมอญ ในรีสอร์ทบนเนื้อที่สามสิบไร่ไม่ไกลจาก ตัวเมืองของอำเภอสังขละบุรี


โปรดติดตามอ่านต่อโอกาสต่อไป