บันทึกจากเบย์แอเรีย
เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์



เที่ยวเมืองไทย ซัมเมอร์ ๒๕๕๙

โครงการมรดกไทยคืนถิ่น ครั้งที่ ๖ โดย สภาวัฒนธรรมไทยฯ เบิร์กเล่ย์, เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์

ฉบับที่แล้ว ได้เล่าถึงที่มาที่ ไปของโครงการมรดกไทยคืนถิ่นซัมเมอร์ ๒๕๕๙ ที่นำละครเรื่องซินเดอเรลล่า ภาคพิเศษ ของสภาวัฒนธรรมไทยในสหรัฐอเมริกา แห่งเมืองเบิร์กเล่ย์ สนับสนุนโดย มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ไปแสดงที่ประเทศไทย เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฏาคม ๒๕๕๙ โดยในช่วงของโครงการเริ่มในวันที่ ๑๐ กรกฏาคม นั้น ได้มีการทัศนศึกษาสถานที่สำคัญๆ ของกรุงเทพฯ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการไปคารวะนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา และผู้เขียนได้รายงานไปแล้วในฉบับก่อนหน้านี้ และก่อนที่จะบันทึกถึงการแสดง ก็ขอแก้ข้อผิดพลาดในงานเขียนครั้งที่แล้วด้วย ที่ได้เขียนใต้หัวข้อที่มาที่ไปของโครงการโดยใส่พระชนมายุของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ ผิดไป ซึ่งในปีมหามงคลนี้พระองค์ท่านทรงพระชนมายุครบ ๘๔ พรรษา ค่ะ กราบขออภัยในการเขียนผิดพลาดไปด้วยนะคะ คราวนี้ก็ตามมาอ่านเรื่องวันการแสดงละครกันได้ล่ะค่ะ

ทำไมจึงเลือกนิยายเรื่องซินเดอเรลล่า

ก่อนอื่นหลายคนอาจจะสงสัยว่าสาเหตุใด สภาวัฒนธรรมไทยฯ เบิร์กเล่ย์ จึงเลือกนำนิยายแนวแฟนตาซีมาแสดงในโครงการมรดกไทยคืนถิ่นครั้งที่ ๖ นี้ ซึ่งตรงนี้ ดร. เพลินใจ กุนทีกาญจน์ ประธานสภาฯเบิร์กเล่ย์ ให้คำอธิบายว่า ละครซินเดอเรลล่า ภาคพิเศษนี้ เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจและปณิธานของคณะครู และนักเรียน ที่จะนำนิยายตะวันตก มาผสมผสานกับดนตรีไทย ถ่ายทอดศิลปะ โดยเชื่อว่าไม่มีขอบเขตใดที่จะกีดกั้นความสามารถของความงดงามทางด้านดนตรี โดยสร้างจินตนาการของการดำเนินเรื่อง ด้านฉาก ด้านเครื่องแต่งกาย ที่มีความสวยงาม ผ่านการเล่านิทานจากปากของคุณครูเล่าสู่เด็กนักเรียน

โดยในครั้งนี้ ละครประยุกต์ เรื่อง“ซินเดอเรลล่า” ภาคพิเศษ ดัดแปลงจากเพลงตับ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยา นริศรานุวัดติวงศ์ ผสมผสานละครดึกดำบรรพ์ ละครรำ การแสดงดนตรีและนาฏศิลป์ไทย ฝึกซ้อมโดยครูอาสาสมัครจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

วันแสดง ณ โรงละครแห่งชาติ ๑๗ กรกฏาคม ๒๕๕๙

หลังจากการเก็บตัวเพื่อฝึกซ้อมการแสดงละครกันเกือบสี่วันเต็ม ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา วันแสดงก็มาถึง ผู้เข้าชมทยอยเข้ามายังโรงละคร โดยพวกเราที่อยู่ข้างหลังโรงได้รับทราบว่าวันนั้นผู้มาชมเต็มพื้นที่ในโรงละครแห่งชาติ โดยเฉพาะคณาจารย์และนักศึกษาจาก ม.บ้านสมเด็จมากันมากมายเพื่อมาให้กำลังใจลูกศิษย์และน้องๆ พวกเด็กๆ เริ่มตื่นเต้น อากาศกรุงเทพฯ ณ สถานที่แสดงวันนั้นดีมาก ไม่ร้อนและไม่มีฝนตกลงมาเลย และเมื่อการแสดงเริ่มไปจนจบเด็กๆ ที่แสดงเสร็จแต่ละฉากก็เข้ามาเล่ากันว่าดีใจที่ได้ยินเสียงปรบมือให้กำลังใจตลอดการแสดงสองชั่วโมงนั้น

เป็นเรื่องน่าปลาบปลื้มที่ได้เห็นเด็กๆ ตั้งใจแสดง และแสดงได้ดี นักแสดงตัวเอกๆ สามารถร้องเพลงไทยสากลที่เป็นที่รู้จักกัน น้องๆ ของผู้เขียนเล่าว่า พอได้ยินเพลงซึ่งคุ้นเคยก็ให้ทึ่งว่าเด็กไทยที่ไม่ได้เติบโตในประเทศไทย สามารถถ่ายทอดออกมาได้ไพเราะและชัดถ้อยคำ อันนี้เป็นเรื่องที่น่ายกย่องแสดงให้เห็นว่าทั้งครูผู้ฝึกและเด็กๆ มีความตั้งใจ มีความอดทนฝึกซ้อม ผลงานจึงได้ออกมาเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้ชมคนไทยที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในระดับบริหารของมหาวิทยาลัย และประจักษ์ต่อประชาชนที่เข้ามาชม เชื่อแน่ว่าผู้จัดและผู้อำนวยการสภาฯ เบิร์กเล่ย์ คงจะหายเหนื่อย

งานนี้นอกจากจะเป็นการแสดงศักยภาพของเยาวชนไทยในต่างแดนจากแคลิฟอร์เนียภาคเหนือแล้ว ทุกคนที่ได้มาชม ยังจะได้กุศลเพิ่มจากความบันเทิง เนื่องจากว่า รายได้จากการจัดแสดงครั้งนี้ จะนำไปมอบให้กับเยาวชนไทยที่ด้อยโอกาสในประเทศไทยด้วย ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ

คณะกรรมการสภาฯ เบิร์กเล่ย์ ได้ฝากมาขอบพระคุณมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และกระทรวงวัฒนธรรม ที่ได้ให้โอกาสและสนับสนุนโครงการเป็นอย่างดี รวมทั้งฝากขอบคุณผู้ประสานงานในประเทศไทยหลายๆ ท่าน อาทิ ดร.สุดารัตน์ ชาญเลขา ครูจิระวรรณ ยั่งยืน และอดีตครูอาสาสมัคร ที่เคยไปประจำการอยู่ ณ วัดมงคลรัตนาราม เบิร์กเล่ย์ ตลอดจนพระครูสิริรัตน์ธรรมวิเทศ เจ้าอาวาสวัดมงคลรัตนาราม และคณะสงฆ์ทุกรูป คณะนักเรียน ผู้ปกครอง ของโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดมงคลรัตนาราม

และท้ายสุดผู้เขียนก็ต้องขอขอบคุณกรรมการของโครงการมรดกไทยคืนถิ่นครั้งที่ ๖ นี้ ที่ให้โอกาสผู้เขียนเข้าร่วมเดินทางไปทัศนศึกษาและร่วมแสดงละครเรื่องซิลเดอเรลล่า ภาคพิเศษ ครั้งนี้ ผู้เขียนได้รับการต้อนรับที่ดี สนุกสนานกับทัศนศึกษาและภูมิใจที่มีส่วนในการร่วมแสดงละครครั้งนี้ และได้ไปอยู่ ณ ที่นั้น ในวันแสดง ได้เห็นกับตาและได้ยินกับหูว่าผู้เข้าชมได้ปรบมือเสียงดังฟังชัดและมาบอกเราว่า ชอบการแสดงมาก เด็กๆ แสดงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดและเติบโตจากเมืองนอก รวมทั้งแต่ละฉากไม่ยืดเยื้อ สนุก น่าติดตาม เพลงเพราะ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่ชื่นชมที่เราสรรหานิทานที่เป็นสากลมาปรับให้เข้ากับศิลปะไทยได้อย่างกลมกลืน

ขอผู้อ่านได้ชมภาพจากการแสดงซึ่งได้เก็บมาจากหลายๆ กล้อง ของคณะครูบ้าง ของผู้ปกครองบ้าง และจากสื่อมวลชนที่ไปชมกันบ้าง แต่เนื้อที่จำกัดไม่สามารถลงให้ได้เห็นมากกว่านี้ หากท่านเป็นนักท่องอินเตอร์เน็ต ท่านจะเข้าไปเยี่ยมชมภาพทั้งหมดได้จากเฟซบุ๊กของ วัดมงคลรัตนาราม ค่ะ

พบกันใหม่โอกาสหน้าจะบันทึกเรื่องการไปทัศนาจรในที่สำคัญๆ ให้อ่านต่อนะคะ

สวัสดีค่ะ