บันทึกจากเบย์แอเรีย
เพ็ญวิภา โสภาภันฑ์
เที่ยวเมืองไทย ๒๕๕๖ วันดีๆที่ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ตอนที่ ๑

๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ก่อนวันคริสมาสต์หนึ่งวัน ดิฉันและเพื่อนๆ นัดกันไปเที่ยว โดยที่เพื่อนให้ดิฉันเป็นผู้เลือกในฐานะเป็นผู้มาเยือนจากต่างแดน มนุษย์ต่างแดนตอบโดยไม่ต้องคิดมาก “ไปศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร” เพราะมาเมืองไทยทีไรพลาดทุกที เพื่อนก็ตอบตกลงโดยมิขัดข้อง แต่มีข้อแม้ว่าทัวร์นี้พวกฉันไม่เดินมากนะ กะไป “กินอาหารอร่อยๆ” ที่อยุธยา ส่วน “เธอ” อยากสำรวจศิลปวัฒนธรรม “กรุณา” เดินไปชมเอง พวก “ฉัน” ไม่ว่าอะไรแต่ขอนั่งรอในร้านที่มี “อาหารให้กิน” นะจ้ะ

และแล้วหัวหน้าทัวร์ “ลี” มาลีรัตน์ ปลื้มจิตรชม ที่เป็นเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนทุนเอเอฟเอส (อเมริกันฟิลด์เซอร์วิส) รุ่น ๑ มาด้วยกันเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว ปัจจุบันเธอเป็นผู้บริหาร เป็นนักสังคมสงเคราะห์ เป็นกรรมการบอร์ดของทุนเอเอฟเอสแห่งประเทศไทย ก็มารับดิฉันและมีทีมเพื่อนๆ อีกสามคนแท็กมาด้วยกัน สนุกสนานเฮฮาในบรรยากาศของมิตรภาพใหม่ ดิฉันได้พบและรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ซึ่งเป็นเพื่อนของ “ลี” จากสมัยโรงเรียนมัธยมผดุงดรุณี และทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนียเหนือเหมือนกัน “อัญชลี” เธออยู่แฟร์ฟิลด์ไม่ใกล้ไม่ไกลจากดิฉันที่เมืองเฮย์เวิร์ด ก็เป็นอันว่าได้มิตรระยะยาวเพิ่มขึ้น

ก่อนจะไปเยี่ยมชมสถานที่ ก็ขอเล่าประวัติของสถานที่เพียงสั้นๆ นะคะ เพราะว่าผู้อ่านเกือบจะทุกท่านคงจะรู้จักความเป็นมาของศูนย์ศิลปาชีพและองค์ผู้ก่อตั้งกันแทบทั้งนั้นแล้วนะคะว่า ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรนี้เป็นหน่วยงานหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานตามโครงการในพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ โดยจัดการฝึกอบรมงานศิลปาชีพให้แก่บุตรหลานเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ตลอดจนผู้ยากไร้ ผู้พิการทุพลภาพให้มีโอกาสได้ฝึกอบรมอาชีพด้านงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของไทยอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติอันมีคุณค่ายิ่ง

ออกจากกรุงเทพฯ เก้านาฬิกา คุยกันเพลินด้วยเรื่องจิปาถะมาถึงบางไทรด้วยเวลาเพียงชั่วโมงกว่าๆ อากาศกำลังดีเหมาะกับการบันทึกภาพ หลังจากจ่ายค่าเข้าชมคนละห้าสิบบาทแล้ว คนรถของเพื่อนจอดให้เราถึงประตูทางเข้าหมู่บ้านศิลปาชีพ แลเห็นเรือนไทยจากทุกภาคของประเทศตั้งอยู่รายรอบพื้นที่โดยมีสระน้ำใหญ่อยู่ตรงกลาง เรือนทุกเรือนเป็นทรงไทยโบราณสร้างด้วยไม้สักและไม้แดง แต่ละเรือนมีการสาธิตงานหัตถกรรมของแต่ละภาคให้ชม พรรคพวกที่ไปมีความสนใจแตกต่างกันจึงพากันแยกย้ายไปชมสิ่งที่ตัวเองชอบ

ดิฉันตรงไปที่เรือนไทยภาคเหนือ พบคุณครูสาวหน้าตายิ้มแย้มทักทายถามว่าเราสนใจอยากชมอะไร ก็เลยขอให้เขาสาธิตการทอผ้าให้ชม เธอก็ไม่รีรอเข้านั่งที่และสาธิตพร้อมอธิบายให้ฟังโดยละเอียด ฟังเพลินเลยไม่ได้จดรายละเอียด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขออภัย ชมแต่รูปก็แล้วกันนะคะ เขาว่าภาพจะบอกเล่าเรื่องได้ดีกว่าคำพูด จริงเท็จชมดูค่ะ สวยงามมากและใช้เวลาแต่ละลายนาน ถามเขาว่าทำได้อย่างไรโดยไม่มีแพทเทิร์นเลย เขาก็ตอบว่าทำหลายๆ ชิ้นแล้วก็ชำนาญเอง..ภูมิปัญญาไทย สุดยอดค่ะ

ในหมู่บ้านนี้มีเรือนไทยยี่สิบเรือน ด้วยเวลาจำกัดดิฉันก็ต้องเลือกเอาว่าจะไปที่ใดต่อ หันไปพบเรือนไทยสวยงามที่ดูเหมือนจะโดดเด่นสุด เห็นปุ๊ปบอกตัวเองว่าถ้าไม่ได้ไปยืนถ่ายภาพหน้าเรือนนี้คงเสียดายแย่ อย่ากระนั้นเลยจัดแจงไปหามุมสวยๆ หันไปหาพรรคพวกไม่เห็นใคร เห็นเจ้าหน้าที่สองคนเดินผ่านมาก็เลยขอร้อง(แกมบังคับ) ว่า หนูๆ ถ่ายรูปให้ป้าหน่อยนะ เขาก็จัดให้ด้วยความเต็มใจ ขอบคุณค่า...

(เรือนไทยหมู่นี้เป็นที่จัดงานประเพณีไทยต่างๆ ด้วย)

จากนั้นก็เดินไปที่หมู่บ้านอิสาน และภาคใต้ ไม่ได้เก็บภาพเพราะว่าไปเจอพรรคพวกที่หมู่บ้านเหล่านี้เดินชอปปิ้งกันชุลมุน ดิฉันก็เช่นกันมัวแต่เลือกหาซื้อสินค้าหัตกรรมฝีมือชาวบ้านจนเวลาล่วงเลย กำลังจะแยกตัวหาเวลาไปจับภาพเพื่อนๆ ก็ตะโกนเรียกว่า

“พวกเรา.. ตามมาที่เรือนอาหารด่วน”

ว่าแล้วไง ทัวร์พากิน เจออาหารไฉนเลยจะยอมให้ผ่าน เป็นอันว่ากลุ่มที่กำลังเลือกซื้อของรีบจ่ายเงินคว้าถุงใส่สินค้ากระโจนตามเสียงเรียกโดยมิรอช้า พากันมาพบที่ใต้ถุนเรือนอาหารโดยมีคุณนายลี นั่งแปะรออยู่ตรงโต๊ะอาหารแล้ว

“ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาเชียวนะ” คุณเธอตะโกนบอกพรรคพวก แหม..ของโปรดของทุกคน ไม่มีใครทักท้วง และแล้วแม้จะเพิ่งสิบโมงครึ่งเราก็เริ่มประเดียมรายการกินกัน ณ บัดนาว..

(เพื่อนร่วมทัวร์ คุณนายลีเป็นเจ้าภาพ ชุดสีเหลืองเด่น)

เอร็ดอร่อยอิ่มหนำสำราญจากก๋วยเตี๋ยวเรือรสชาติอร่อยราคาถูกเรียบร้อย เราก็ออกเดินมาตรงทางออกของหมู่บ้านศิลปาชีพ พบเรือนด้านหน้าสุดขายของที่ระลึก ก็พากันเฮโลไปซื้ออีก ก่อนออกจากหมู่บ้านเห็นเด็กนักเรียนพากันมาทัศนศึกษาเป็นแถว น่ารักมากก็เลยเก็บภาพมาให้ชมกัน

เล่ากันด้วยภาพฉบับนี้ขอจบตอน เที่ยวศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ไว้แค่นี้ก่อน ค่อยๆ เล่า ค่อยๆ ตามอ่านกันต่อฉบับหน้านะคะ


สวัสดีค่ะ