วันนี้ขอกลับมาบันทึกเรื่องราวที่ยังอยากเขียนถึงช่วงไปเมืองไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งมีอีกมากมายที่ยังไม่ได้บันทึกถึง เพราะบางฉบับก็ต้องรายงานข่าวกิจกรรมน่าสนใจในซานฟราน และเบย์แอเรีย ควบคู่ไปด้วย โดยเรื่องราวที่ไปเมืองไทยก็พยายามคัดตอนเรื่องที่น่าจะเป็นที่สนใจมานำเสนอ ฉบับนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นสถานที่แนะนำให้ไปเที่ยวหากท่านผู้อ่านในอเมริกาไปกรุงเทพฯ และอยากไปรับประทานอาหารกับครอบครัวในบรรยากาศสวยงามลมเย็นและอาหารอร่อยๆ ทั้งไทยและเทศ ซึ่งดิฉันไปสัมผัสมาในช่วงคริสมาสต์เมื่อปี 2556 ค่ะ
ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ ซึ่งคนไทยในประเทศไทยที่แม้จะไม่ใช่ผู้ที่นับถือศาสนาคริสเตียนก็เริ่มคุ้นเคยและฉลองกันเพิ่มมากขึ้นทุกปี อาจจะเป็นจากอิทธิพลของสื่อสารไร้พรมแดน แต่การฉลองของคนไทยนั้นไม่ถึงกับจะมีต้นคริสมาสต์ประดับประดาในบ้าน แต่ตามห้างร้านต่างหากที่จะรณรงค์เพื่อทำให้คนรู้สึกว่าอยู่ในเทศกาล เช่น การประดับร้านด้วยสีสันของคริสมาสต์คือขาวเขียวและแดง มีต้นคริสมาสต์ ในศูนย์การค้าและโรงแรมต่างๆ มีเปิดเพลงคริสมาสต์ให้ได้ฟังกันตลอดเวลา ดูแล้วไม่ต่างจากในอเมริกาเลย เนื่องจากเดี๋ยวนี้เทศกาลคริสมาสต์กลายเป็นเน้นเรื่องจับจ่ายใช้สอย และอาหารการกิน (ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของเราคนไทยล่ะค่ะ) มากกว่าจะเน้นศรัทธาในศาสนา
ก็ในเมื่อบรรยากาศของกรุงเทพมหานครเป็นใจให้เราอินกับเทศกาล เรื่องอะไรดิฉันจะปล่อยผ่าน เมื่อไม่ได้อยู่ในอเมริกาที่จะฉลองกับหลานๆ ที่กรุงเทพฯ ดิฉันก็มีลูกสาวคนโตและครอบครัวที่จะชักชวนกันไปฉลองเหมือนกัน คิดได้ดังนั้นก็วางแผนอาหารการกินก่อน ไปที่ไหนดีที่จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่เมืองนอกในช่วงคริสมาสต์ มีอาหารอร่อย มีอากาศเย็นสบาย ....อ๊ะ..นึกได้แล้ว..ช็อกโกแลตวิลล์ไงล่ะ
สถานที่นี้เคยไปมาหนหนึ่งเมื่อต้นปี พ.ศ. 2555 ดิฉันไปธุระเมืองไทย เพื่อนสนิทคือ คุณเพลิน ดร.เพลินใจ กุนทีกาญจน์ ได้พาดิฉัน และอาจารย์เอี๊ยด หรือ ดร.สุดารัตน์ ชาญเลขา ไปเลี้ยงที่นั่นพร้อมเพื่อนๆ อาจารย์เอี๊ยดและคณะจากวัดมงคลฯ เบิร์กเล่ย์ บังเอิญคุณเพลินเธอคุ้นเคยกับครอบครัวของเจ้าของธุรกิจนี้ ทำให้ดิฉันได้รับประทานอาหารสุดอร่อยมากมาย รวมทั้งได้เห็นสถานที่สวยงามดั่งนั่งอยู่ในยุโรป ก็เลยตกลงใจจะพาลูกสาว ลูกเขย และคุณสามีของดิฉัน ไปดินเนอร์ในวันคริสมาสต์ที่นั่น
แน่นอนว่าต้องจองล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ แม้ว่าทางร้านจะมีรับจองเต็มหมดแล้ว แต่อาศัยโทรไปถึง “น้องตู่” น้องเขาก็จัดการให้ น้องเขาเป็นใครจึงจัดให้ครอบครัวดิฉันได้ ก็ขอละทิ้งไว้ให้เป็นปริศนาไปก็แล้วกันนะคะ
ดังนั้นในวันคริสมาสต์อีฟ คือคืนก่อนวันคริสมาสต์ดิฉันและครอบครัวก็ได้ไปดินเนอร์ที่ช็อกโกแลตวิลล์สมใจ หลงทางไปบ้างตามปกติของลูกเขย แล้วเราก็มาถึงทุ่งกว้างใหญ่แถวเกษตรนวมินท์ ที่ตั้งของหมู่บ้านยุโรปนามช็อกโกแลตวิลล์ ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ถึง 16 ไร่ คิดคำนวณเอาก็แล้วกันค่ะว่าใหญ่โตแค่ไหน ขนาดใหญ่โตแต่ที่จอดรถก็หามีพอไม่ ตอนที่เห็นรถจอดกันเรียงรายสุดลูกหูลูกตาตามข้างทางแล้วลูกเขยเกือบจะถอดใจ โอย..คนเยอะอย่างนี้แน่ใจหรือว่าจะมีที่นั่งให้กินดินเนอร์ ดิฉันรีบเอาใจบอกเอาเถอะน่า มีซิ เส้นแม่ใหญ่นะ แต่ในใจก็เกรงๆ เหมือนกัน หากไม่มีที่นั่งล่ะก็ คุณแม่ยายหน้าแตกหมอไม่รับเย็บแน่ เพราะวันนั้นผู้คนมากมายจริงๆ ตั้งแต่หน้าทางเข้าไปมีแต่คนยืนถ่ายภาพ มีทั้งคนไทยและต่างชาติมาเที่ยวกัน
ไฮไลท์ของที่นี่อยู่ตรงที่เขาตกแต่งสถานที่ซึ่งทางร้านได้รังสรรค์หรือเนรมิตพื้นที่สิบหกไร่นี้ให้เป็นหมู่บ้านสไตล์ยุโรป สวยงามและน่ารักจริงๆ มีทั้งประภาคาร มีทั้งบ้านไวน์ โรงแรมเล็กๆ สระน้ำ ร้านค้า อาคารไปรษณีย์ ปั้มน้ำมัน เป็นต้น เหมาะสำหรับถ่ายภาพแบ็คกราวน์วิวสวยๆ เสมือนไปอยู่ในหมู่บ้านที่ยุโรปยังไงยังงั้นเลย
อากาศค่ำคืนนั้นเย็นสบายดังที่คาด เราพากันไปขอที่นั่งสำหรับดินเนอร์ก่อนด้วยเกรงว่าจะไม่มีที่ ตอนแรกเห็นแถวแล้วใจแป้วมาก ไปยืนต่ออยู่นาน แต่ลูกเขยไปสำรวจตรงด้านอื่น จึงพบว่าหากจองชื่อไว้แล้วให้ไปแจ้งอีกเคาน์เตอร์หนึ่ง แล้วดิฉันก็ถอนใจยาวด้วยความโล่งอกเมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่ามีชื่อที่เราจอง และพนักงานได้พาเราไปนั่งที่โต๊ะริมสระน้่ำ สวยงาม สมใจ
ดิฉันสั่งอาหารตามที่เคยไปรับประทานกับคุณเพลินและอาจารย์เอี๊ยด โดยเน้นเมนูหลักคือขาหมูเยอรมันอันเลื่องชื่อ อันนี้น้ำจิ้มสะเด็ดถึงใจค่ะ และจากนั้นก็ตามมาด้วยประเภทยำแซบทั้งหลาย ลูกเขยไม่รีรอที่จะสั่งสเต๊กและซี่โครงหมูอบของโปรด ส่วนดิฉัน ลาบปลาแซลมอน อร่อยซี๊ด..
ระหว่างรอคอยอาหารก็ได้เวลามองไปรอบๆ ดูเขาถ่ายภาพกัน และในวันนั้น ก็มีการแสดงแสงสีและมีหิมะโปรยมาจากประภาคาร เป็นบรรยากาศคริสมาสต์สมใจลูกค้าล่ะค่ะ ที่ดิฉันประทับใจมากๆ ก็คือภาพของฝูงลูกเป็ดน่ารักสุดๆเดินเป็นขบวนตามกันลงไปว่ายน้ำเล่นในสระพร้อมส่งเสียงก๊าบก๊าบทำให้คิดไปถึงฮอลแลนด์ในทันที
ระหว่างรออาหารก็ใช้สายตาสำรวจรอบๆ ตัวซึ่งวันนั้นที่นั่งริมสระน้ำคนจับจองเต็ม ทำให้นึกชื่นชมความสำเร็จของธุรกิจ และนึกไปถึงเรื่องราวที่ได้ยินมาเกี่ยวกับการสร้างช็อกโกแลตวิลล์นี้
ว่ากันว่าเจ้าของได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ไปเที่ยวต่างประเทศได้เห็นบ้านเรือนที่สวยงาม ก็เลยคิดว่าน่าจะจำลองแล้วสร้างเป็นร้านอาหาร ใช้เวลาถึงสองปีกว่าจะสร้างฝันให้เป็นจริง เพราะต้องใช้บุคลากรมากมาย แม้จะใช้คนในครอบครัวทำงานทั้งหมด ใครถนัดสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น เรื่องอาหารเขาก็พยายามตอบโจทย์ว่า ในละแวกนั้นคนจะชอบรับประทานอาหารชนิดใด โดยนำประสบการณ์จากการที่มีธุรกิจจาก ร้าน wine I love you ที่มี่อยู่สี่สาขา คือที่ CDC ที่ Mega บางนา และสุขุมวิท 26 และล่าสุดที่เซ็นทรัลเวิลด์
วันนี้ได้เห็นลูกเด็กเล็กแดง ผู้สูงอายุที่ลูกหลานพามาชมสวน มากินข้าว ทุกคนมีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ทำให้แน่แก่ใจว่าช็อกโกแล็ตวิลล์ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานที่เป็นที่เที่ยวของครอบครัว สำหรับดิฉันนั้นการทำให้คนมีความสุขเป็นความสำเร็จของธุรกิจ ที่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญของการทำธุรกิจเพื่อค้ากำไรแต่อย่างเดียว
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ในทุกวันจะมีลูกค้าเนืองแน่น ไม่นับช่วงเทศกาลที่ถึงกับแน่นขนัด ซึ่งทางร้านมักจะจัดกิจกรรมสำหรับเทศกาลสำคัญๆ ของไทยเสมอๆ
สำหรับผู้อ่านที่อยู่ในอเมริกา คราวหน้าหากท่านไปเที่ยวเมืองไทยลองแวะไปสัมผัสกันดู โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเล่นเฟสบุ๊กหรืออินสตาแกรมหากไม่ได้ไปบันทึกภาพที่นี่คุณอาจจะ “ตกเทรนด์” เอาง่ายๆ นะคะ
แต่.. อย่าลืมจองไปล่วงหน้านะคะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน
ช็อกโกแลตวิลล์ ตั้งอยู่ที่ ซอยนวมินทร์ 74 แยก 3-8 ถนนเกษตร-นวมินทร์ แขวงบึงกุ่ม โทรศัพท์ 08-3077-3738, 08-1921-2016 หรือ 08-1921-0661
ลองชมภาพดูกันเองนะคะว่าสวยงามน่าไปเดินเที่ยวแค่ไหน ดิฉันนำภาพมาให้ดูทั้งสองครั้ง คือ ช่วงคริสมาสต์ 2556 และต้นปี 2556 ที่ไปช็อกโกแลตวิลล์ครั้งแรกกับคุณเพลินและอาจารย์สุดารัตน์ค่ะ พบกันใหม่ฉบับหน้า เที่ยวสงกรานต์กันให้สนุกนะคะ
อย่าลืมสำหรับท่านที่อยู่ในเขตซานฟราน เบย์แอเรีย และซิลิคอนแวลลี่ สมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคเหนือ จัดงานสงกรานต์บนถนนใจกลางเมือง ซาน โฮเซ่ ในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน ศกนี้ ตั้งแต่เวลา 11.00 a.m. ถึงเวลา 4.00 p.m. ณ S 1st Street and E. Williams St. San Jose, CA
ติดต่อรายละเอียดได้ที่ วัลลภ คชินทร 831-332-6653, อัจฉรา วงศาโรจน์ 510-520-1468