พายุเฮอริเคน "เฮลีน" พัดขึ้นฝั่งที่รัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ ด้วยความรุนแรงระดับ 4 และคร่าชีวิตผู้คนแล้ว 3 ศพ
พายุเฮอริเคนเฮลีน พัดขึ้นฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐฟลอริดาด้วยความรุนแรงระดับ 4 ขณะที่นักพยากรณ์อากาศเตือนว่าระบบพายุขนาดใหญ่อาจก่อให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่งรุนแรง ที่อาจมีความสูงกว่า 6 เมตร ลมกระโชกแรง และฝนตกหนักในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 ศพ
ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติในเมืองไมอามีกล่าวว่า เฮอริเคนเฮลีนพัดขึ้นฝั่งเมื่อเวลาประมาณ 23.10 น. ของวันพฤหัสบดี (26 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ใกล้ปากแม่น้ำออซิลลา ในพื้นที่เขตบิ๊กเบนด์ของชายฝั่งอ่าวฟลอริดา โดยมีความเร็วลมสูงสุดที่ 225 กม./ชม. พื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากจุดที่เฮอริเคนไอดาเลียพัดขึ้นฝั่งเมื่อปีที่แล้วไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียงประมาณ 32 กม. ด้วยความรุนแรงที่ใกล้เคียงกันและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
เฮอริเคนเฮลีนทำให้เกิดคำเตือนเกี่ยวกับพายุเฮอริเคนและน้ำท่วมฉับพลัน ที่ขยายวงกว้างไปถึงชายฝั่งไปจนถึงรัฐจอร์เจียตอนเหนือ และทางตะวันตกของรัฐนอร์ทแคโรไลนา บ้านเรือนและสถานประกอบการมากกว่า 1.2 ล้านแห่งในรัฐฟลอริดาไม่มีไฟฟ้าใช้ และมากกว่า 190,000 แห่งในจอร์เจีย และอีกกว่า 30,000 แห่งในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ขณะที่ผู้ว่าการรัฐทั้ง 3 รัฐ รวมถึงอะลาบามาและเวอร์จิเนีย ต่างก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นกัน
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 1 รายในรัฐฟลอริดา เมื่อป้ายล้มทับรถ และมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 2 รายจากพายุทอร์นาโดที่เกิดขึ้นทางตอนใต้ของรัฐจอร์เจีย นายรอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อคืนวันพฤหัสบดีว่า รัฐฟลอริดามีแนวโน้มสูงมากที่จะมีการสูญเสียชีวิตเพิ่มเติม รวมถึงการสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก
พายุเฮลีนกำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเข้าสู่แผ่นดินหลังจากขึ้นฝั่ง โดยศูนย์กลางของพายุจะเคลื่อนตัวจากทางใต้ไปยังทางเหนือของรัฐจอร์เจียในช่วงเช้าตรู่วันศุกร์ นักพยากรณ์อากาศกล่าวว่าความเสี่ยงของพายุทอร์นาโดจะยังคงดำเนินต่อไปในช่วงกลางคืนและต่อเนื่องไปจนถึงเช้าตรู่ในพื้นที่ตอนเหนือและตอนกลางของรัฐฟลอริดา จอร์เจีย เซาท์แคโรไลนา และทางตอนใต้ของรัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยช่วงบ่ายวันศุกร์ คาดพายุทอร์นาโดอาจพัดถล่มรัฐเวอร์จิเนีย
ก่อนหน้านี้ พายุลูกนี้ได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างแม้ว่าจะยังไม่พัดขึ้นฝั่งก็ตาม โดยมีลมกระโชกแรงระดับพายุโซนร้อนและลมกระโชกแรงระดับเฮอริเคนที่พัดถล่มชายฝั่งตะวันตกของรัฐฟลอริดา น้ำท่วมถนนในเมืองเซียสตาคีย์ ใกล้กับเมืองซาราโซตา และท่วมทางแยกบางแห่งในเมืองเซนต์พีทบีช
โดยมีรายงานฝนตกหนักถึง 25 เซนติเมตร บนเทือกเขาในรัฐนอร์ทแคโรไลนา และมีโอกาสตกหนักขึ้นอีก 36 เซนติเมตร และอาจทำให้เกิดน้ำท่วม ซึ่งนักพยากรณ์อากาศเตือนว่าอาจเลวร้ายกว่าที่เคยเกิดในศตวรรษที่ผ่านมา.
ที่มา AP
27 ก.ย. 2567 : เนทันยาฮูแจง – บีบีซี รายงานวันที่ 27 ก.ย. ว่า สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกแถลงการณ์ชี้แจงประเด็นรายงานเท็จจำนวนมากเกี่ยวกับ ข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน ที่นำเสนอโดยสหรัฐอเมริกาว่า
อิสราเอลมีเป้าหมายเดียวกันกับข้อเสนอที่ต้องการช่วยเหลือให้ผู้คนตามแนวชายแดนทางตอนเหนือสามารถเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย และว่าการหารือหยุดยิงทางตอนใต้จะดำเนินต่อไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากชาติพันธมิตร รวมถึงสหรัฐ ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องให้อิสราเอลหยุดยิงชั่วคราวในเลบานอนเป็นเวลา 21 วัน เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการทูตและบรรลุข้อตกลงหย่าศึก
ก่อนหน้านี้ นายอิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ด้วยการปฏิเสธข้อเสนอหย่าศึกชั่วคราวและว่าจะไม่มีการหยุดยิงในพื้นที่ตอนเหนือ...
ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่าการหารือหยุดยิงในพื้นที่ตอนใต้ของเลบานอนจะดำเนินต่อไป แม้ยืนกรานว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) จะโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ต่อไปก็ตาม ด้านกระทรวงสาธารณสุขเลบานอนเปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ย. อย่างน้อย 92 ราย
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า นายโมฮัมหมัด ซรูร์ หัวหน้าหน่วยโดรนของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เสียชีวิตในเหตุอิสราเอลยิงถล่มอพาร์ตเมนต์ทางตอนใต้ของกรุงเบรุต
โดยในช่วง 3 วันที่ผ่านมามีประชาชนมากกว่า 27,000 คนอพยพหนีตายออกจากเลบานอน และผู้พลัดถิ่นภายในประเทศราว 70,000 คนอพยพไปยังศูนย์พักพิงกว่า 500 แห่งที่ทางการจัดตั้งขึ้น...
“แพทองธาร” ยก ครม. ช่วยผู้ประสบภัยเชียงราย ชมเปาะ มท. เยียวยาเร็ว 3,000 ครอบครัว ขณะที่ กระทรวงการคลัง เตรียมออก soft loan ช่วย 50,000 ล้าน ย้ำรัฐบาลไม่ทิ้งประชาชน ก่อนสวมบูทลุยโคลนฟังปัญหาผู้ประสบภัย ด้าน “เอม พินทองทา” ส่งของ มอบกำลังใจ ผู้ประสบภัยเหนือ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ก.ย. น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ในการเดินทางไปตรวจราชการ ณ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 27 - 28 ก.ย.
โดยเวลา 16.20 น. นายกฯ เดินทางถึงจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมบูรณาการแผนฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหลังจากเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ที่ห้องประชุมท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง
โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช. สาธารณสุข นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วม
รวมถึงมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง วิดีโอคอนเฟอเรนซ์และรายงานสถานการณ์ ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา จังหวัดสุโขทัย จังหวัดหนองคาย จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย
นายกฯ กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า ที่ผ่านมาได้มีการติดตามข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ทั้งในเรื่องน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม ที่มีปัญหาอยู่ต่อเนื่อง และมีการสั่งการกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะให้เข้ามาช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด รวมไปถึงการเยียวยาฟื้นฟูและสาธารณสุขต่างๆ ที่ต้องตามมา โดยมีการรับบริจาคเงิน และสิ่งของต่างๆ จากทางภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงภาคประชาชน ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือประชาชนกันอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะขอความช่วยเหลือไปทางไหนก็ตามก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งการปกครอง มั่นคง และอาสาสมัครทั่วประเทศ
นายกฯ กล่าวว่า ตนมาในฐานะเป็นตัวแทนของรัฐบาลมาตรวจราชการและประชุมพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย โดยในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ จะไปให้กำลังใจและไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อนำเสนอในวันที่ 28 ก.ย. ที่ตนจะลงพื้นที่อำเภอแม่สาย และไปต่อที่จังหวัดเชียงใหม่ เท่าที่ได้คุยกันก่อนหน้านี้และตามที่ประชุมรัฐบาลเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลของน้ำที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่ค่อนข้างหนักอย่างดินโคลนถล่ม เป็นสิ่งที่ประชาชนได้รับความลำบาก
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบให้กระทรวงมหาดไทย เร่งรัดการจ่ายค่าเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด ซึ่งได้รับรายงานว่า ได้รับเงินเยียวยาไปแล้วกว่า 3,000 ครอบครัว และหลังจากนี้จะค่อยๆ พิจารณาตามความเหมาะสม และมีอีกหลายครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งกำลังรอการตรวจสอบใช้เวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมง ตนขอชื่นชม ส่วนพื้นที่ที่ดินโคลนติดค้างในบ้านเรือนได้มีการระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วน แบ่งโซนความรับผิดชอบเพื่อความทั่วถึงและชัดเจนว่าส่วนใดได้รับการดูแลไปแล้วบ้าง แล้วมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นผู้ขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จ และขอให้ส่วนราชการอื่นๆ สนับสนุนเครื่องจักรเครื่องมือ อัตรากำลังพล เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มกำลัง
นายกฯ กล่าวว่า ขอบคุณทางกรุงเทพฯ ที่ส่งเครื่องจักรขนาดใหญ่ในการช่วยเหลือกำจัดดิน ขณะที่กระทรวงการคลังเตรียมเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) สำหรับเรื่องการฟื้นฟูกิจการ และซ่อมแซมที่อยู่อาศัย รวมวงเงิน 50,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายกลุ่ม Micro SME ขึ้นไป รวมไปถึงบุคคลธรรมดา กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดและซ่อมแซมให้กับผู้ประสบภัยจำนวนมาก รวมถึงสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นได้ สำหรับประชาชนในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ที่ยังมีน้ำท่วม รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชน รวมไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมประชุมในครั้งนี้ เพื่อสรุปสถานการณ์หาแนวทางเยียวยาฟื้นฟูต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นายกฯ ใช้รถยนต์ Volkswagen สีดำ ทะเบียน นง 9999 เชียงใหม่ ในการปฏิบัติภารกิจ
นายกฯ มอบเงินเยียวยาน้ำท่วมเชียงราย ย้ำรัฐบาลไม่ทิ้งประชาชน
ต่อมาเวลา 17.30 น. นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปที่หอประชุมโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอำเภอเมืองเชียงราย จำนวน 30 ครอบครัว เป็นเงิน 1,485,000 บาท อำเภอเทิง จำนวน 6 ครอบครัว เป็นเงิน 297,000 บาท อำเภอเวียงแก่น จำนวน 18 ครอบครัว เป็นเงิน 891,000 บาท และมอบเงินช่วยเหลือตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมมอบชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือนให้กับผู้ประสบภัย
โดยนายกฯ กล่าวทักทายประชาชนเป็นภาษาเหนือว่า “สวัสดีเจ้า” พร้อมกล่าวว่า วันนี้มาในนามของตัวแทนรัฐบาล นำ ครม. ลงพื้นที่ให้กำลังใจพี่น้องชาวเชียงราย ซึ่งทราบว่าชาวเชียงรายเจอปัญหาน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบหลายปี และปัญหาดินโคลนถล่มสถานการณ์หนักจริง ๆ ซึ่งหากแห้งแล้วจะทำความสะอาดยาก วันนี้ได้นำสิ่งของมามอบให้ประชาชนใช้ในการทำความสะอาด พร้อมนำเครื่องมือจากกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ มาช่วยเหลือพี่น้องอย่างเต็มที่ โดยทุกภาคส่วนมาช่วยเหลือเพื่อแสดงให้รู้ว่ารัฐบาลเต็มที่ในการช่วยเหลือและเยียวยาฟื้นฟู
นายกรัฐมนตรีกล่าวให้กำลังใจชาวเชียงรายว่า ขอให้รู้ว่ารัฐบาลเป็นกำลังใจให้ วันนี้เงินช่วยเหลือมาถึงพี่น้องประชาชนแล้ว และในวันอังคารจะมีการนำเสนอเรื่องในการประชุม ครม. เพื่อขยายความช่วยเหลือ ยืนยันจะมีการช่วยเหลืออย่างแน่นอน ทั้งนี้ รัฐบาลเร่งช่วยเหลือเยียวยาเพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เข้าใจว่าหลาย ๆ บ้านประสบปัญหาอย่างหนัก โดยเฉพาะในอำเภอแม่สาย บางคนเดือดร้อนถึงขั้นร้องไห้
“ยืนยันรัฐบาลไม่ทิ้งประชาชนอย่างแน่นอน พร้อมช่วยอย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนมั่นใจ รัฐบาลขอเป็นกำลังใจและจะช่วยเหลือทุกอย่าง พร้อมจะระดมกำลังคนมาช่วยทำความสะอาดคืนพื้นที่ให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด ขออย่าพึ่งท้อ สู้กันต่อไป ทนอีกนิดนึง ขอให้มีกำลังใจ ขอส่งความรักให้พี่น้องประชาชนชาวเชียงรายทุกคน” นายกรัฐมนตรี ย้ำ
ต่อมาเวลา 18.00 น. นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่โครงการบ้านธนารักษ์ กองทัพบก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อติดตามและเร่งรัดการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย โดยนายกฯ ได้พูดคุยทักทายให้กำลังใจชาวบ้าน พร้อมให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่ทอดทิ้ง เดินหน้าเร่งฟื้นฟูให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนเอกสารยื่นขอรับเงินเยียวยา ขอชาวบ้านอย่าได้เป็นกังวล หากเอกสารหาย ให้ผู้นำหมู่บ้านรับรองก็สามารถนำมายื่นขอรับเงินเยียวยาได้
จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะลงพื้นที่สำรวจความบ้านเรือนประชาชนที่ได้เสียหายจากดินโคลนรุกล้ำที่อยู่อาศัย ในโครงการบ้านธนารักษ์ กองทัพบก โดยผู้ประสบภัยได้ชื่นชมที่วันนี้ นายกรัฐมนตรีได้จัดตั้ง ศปช. ส่วนหน้า จึงอยากให้มีการประสานงานระหว่าง ศปช. ส่วนหน้า และ ศปช. ชุมชน ซึ่งผู้แทนที่พักอาศัย แจ้งว่าตั้งแต่ 10 กันยายน ถึงวันนี้ 17 วันแล้ว ที่ประสบภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม ซึ่งไม่ใช่เหตุการณ์ปกติเป็นภัยพิบัติที่ไม่เกิดขึ้นก่อน ซึ่งมีเครื่องมืออุปกรณ์แต่ไม่เพียงพอ ตรงจุดที่นายกรัฐมนตรีมาสำรวจ เป็นจุดที่ตลิ่งเริ่มพังจึงอยากเสนอให้มีระบบการแจ้งเตือนภัย (warning system) ในพื้นที่ใกล้กับตลิ่งริมน้ำ และชุมชนที่มีความเสี่ยง โดยมีการจัดประเภทพื้นที่ (classify) ให้ชัดเจน
โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่และรับทราบความต้องการของผู้ประสบภัย โดยมอบหมายและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถอดบทเรียนการณ์ เพื่อกำหนดเป็นแนวทางป้องกันอุทกภัย วาตภัย ต่อไป ทั้งนี้ ตลอดที่ขบวนรถนายกรัฐมนตรีเคลื่อนผ่าน จะพบเห็นหน่วยทหารได้ออกมาให้ความช่วยเหลือ ช่วยเก็บกวาดโคลนให้กับผู้ที่อยู่อาศัยตลอดเส้นทาง
นายกฯ ขออาสาตุนแรงกาย รบ.พร้อมหนุนแรงใจ
จากนั้นเวลา 19.00 น. นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาที่ร้านอาหารท่าน้ำภูแล เพื่อร่วมรับประทานอาหารกับจิตอาสาที่มาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จ.เชียงราย จำนวน 300 คน โดย น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวกับผู้มาร่วมรับประทานอาหารตอนหนึ่งว่า เดินทางมาวันนี้เพื่อมากระจายหน้าที่ของแต่ละคนให้เกิดความชัดเจน เราจริงจังกับการช่วยเหลือประชาชนเป็นความตั้งใจของรัฐบาล ตนดีใจที่ได้พูดคุยกับจิตอาสา เพราะอยากรับทราบปัญหาจริงๆ ขอให้ทุกคนกินอิ่มนอนหลับจะได้มีแรงกายเยอะๆ ส่วนแรงใจ รัฐบาลพร้อมช่วย วันนี้ทุกข์ใจ แต่ขอให้อุ่นใจได้ รัฐบาลไม่ทิ้งประชาชนอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกันนี้ น.ส. พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว น.ส. แพทองธาร โพสต์อินสตาแกรม การส่งกำลังใจช่วยเหลือผู้ประสบภัย และภาพการช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมระบุข้อความว่า “พวกเรามูลนิธิไทยคม และบริษัท RendeGroup ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งส่งกำลังใจให้พี่ๆ น้องๆ ผู้ประสบภัย จัดเตรียมชุดของอุปโภคบริโภค อาหารแห้งและของเครื่องใช้ 4,000 ชุด ให้แก่พี่น้องผู้ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ และทีมเราร่วมกับอาสาสมัครพื้นที่ ร่วมกันช่วยทำความสะอาดบ้านและถนนบางส่วนของผู้ประสบภัยน้ำท่วมในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และได้มีโอกาสสนับสนุนอาหารให้พี่น้องบางส่วนค่ะ เอมและครอบครัวขอส่งกำลังใจและความห่วงใยไปถึงทุกๆ ท่านและเป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านและปลอดภัยค่ะ”
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ว่า ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2489-2501 สหรัฐได้จุดชนวนระเบิดนิวเคลียร์ 67 ลูก บนหมู่เกาะมาร์แชลล์ ซึ่งตลอดระยะเวลาดังกล่าว สหรัฐได้รับมอบอำนาจบริหารหมู่เกาะแห่งนี้จากยูเอ็น
ประธานาธิบดีฮิลดา ไฮน์ ผู้นำหมู่เกาะมาร์แชลล์ ระบุว่า นับเป็น “เป็นครั้งเดียว” ที่ยูเอ็นรับรองการจุดชนวนอาวุธนิวเคลียร์อย่างเปิดเผย “เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ยูเอ็นยังคงติดค้าง การผ่านมติขอโทษหมู่เกาะมาร์แชลล์ อย่างเป็นทางการ กรณีไม่รับฟังคำร้องขอของประชาชนบนเกาะ” เธอกล่าวในถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ
ไฮน์ย้ำว่า ประชาชนยื่นคำร้องคัดค้านมติรับรองสถานะการเป็น “ดินแดนในภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ” หลังยูเอ็นมอบหมายให้สหรัฐ มีอำนาจบริหารหมู่เกาะมาร์แชลล์ ซึ่งอยู่ในภาวะทรัสตี เมื่อปี 2490
แม้สหรัฐจะมอบเงินชดเชยแก่ผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 32,415 ล้านบาท) หากเทียบกับอัตราเงินในปัจจุบัน แต่การทดสอบดังกล่าว ได้ทิ้ง “มรดกแห่งความตาย, ความเจ็บป่วย และการปนเปื้อน” ที่ยังคงอยู่ และส่งผลกระทบจากรุ่นสู่รุ่น
ในปี 2497 ชาวเกาะมาร์แชลล์หลายพันคนตกอยู่ใต้เมฆกัมมันตภาพรังสี จากการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ “แคสเซิลบราโว” ของกองทัพสหรัฐ โดยรังสีดังกล่าว เทียบเท่าการรับรังสีจาก “ระเบิดในฮิโรชิมา 1.6 นัดต่อวัน เป็นเวลา 12 ปี” ผู้นำหมู่เกาะมาร์แชลล์ กล่าว
นอกจากนั้น เศษซากจากการทดสอบที่ปนเปื้อนหลายตัน ถูกทิ้งลง “โดมกักสารพิษ” บนแนวปะการังเอเนเวตัก และปิดทับด้วยคอนกรีตที่แตกร้าว ส่วนผู้คนจากเกาะบิดินีเอเนเวตัก, รองเกแลป และอูทริก ต้องย้ายถิ่นฐานเพราะการปนเปื้อน และยังไม่สามารถกลับบ้านได้จนถึงปัจจุบัน...
ไฮน์ย้ำว่า การทดสอบสร้างบาดแผล, ทำให้หลายชุมชนต้องลี้ภัย และมีค่าเสียหายอีกหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังไม่ได้รับการชดเชย ขณะที่ประชาชนรุ่นเยาว์ รุ่นปัจจุบัน และในอนาคต ต้องรับภาระทางสังคมและสิ่งแวดล้อม.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES...