ข่าว
'ยูเครน'ลั่นต้องต้านให้ได้อีก 7-10 วัน ไม่ให้รัสเซียประกาศอ้างชัยชนะ

9 มี.ค.65 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลยูเครน ระบุว่า ยูเครนต้องต้านทานการโจมตีของรัสเซียให้ได้อีก 7-10 วันเพื่อไม่ให้รัสเซียอ้างว่าชนะการสู้รบครั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีผู้อพยพออกนอกยูเครนกว่า 2 ล้านคนแล้ว

โดยที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของยูเครน เผยผ่านเฟซบุ๊กว่า รัสเซียกำลังรู้สึกสิ้นหวังในการชนะการต่อสู้ โดยอ้างว่าเมืองมารีอูปอลหรือกรุงเคียฟตกเป็นเป้าโจมตีได้โดยง่าย ทั้งยังระบุว่า รัสเซียต้องการได้รับชัยชนะในพื้นที่บางส่วนของยูเครนก่อนถูกกดดันให้เข้าสู่การเจรจาขั้นสุดท้าย ดังนั้น ยูเครนจึงต้องต้านทานกองทัพรัสเซียให้ได้อีก 7-10 วัน

ในขณะเดียวกัน ทางการรัสเซียระบุว่า ได้เปิดเส้นทางระเบียงมนุษยธรรม (humanitarian corridors) เพิ่มขึ้นในวันนี้ เพื่อเปิดทางให้ชาวยูเครนเดินทางออกจากกรุงเคียฟและอีกสี่เมืองใหญ่ของยูเครน โดยที่เมื่อวันอังคารรัสเซียได้เปิดระเบียงมนุษยธรรมที่เมืองซูมี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน จนทำให้สามารถอพยพชาวยูเครนจำนวนมากออกจากเมืองดังกล่าวได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่รัสเซียระบุว่าจะประกาศหยุดยิงชั่วคราว

'แอนนา'ให้ปากคำ 4 ชม. แง้มตร.รู้หมดทุกอย่างแล้ว มั่นใจแตงโมได้รับความเป็นธรรม

เมื่อเวลา 16.40 น. วันนี้ (8 มี.ค.) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 "แอนนา ทีวีพูล" พร้อมด้วย "พุดเดิล" 2 เพื่อนสนิทของแตงโม-นิดา ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ภายหลังจากให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่นานกว่า 4 ชั่วโมง

โดยแอนนา เปิดเผยว่า การให้ปากคำวันนี้ ตำรวจได้สอบถามเกี่ยวกับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างตนกับแตงโมว่ารู้จักกันได้ยังไง และถามถึงอุปนิสัยต่างๆ ของแตงโม โดยเฉพาะเรื่องการไปปัสสาวะท้ายเรือของแตงโมว่าตนเชื่อหรือไม่ ซึ่งตนก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่เชื่อ

ทั้งนี้ ตนอยากบอกให้ทุกคนเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ เพราะสอบปากคำไปแล้วเยอะมาก ซึ่งจากที่ตนได้ผ่านการให้ปากคำวันนี้ ก็พบว่าแต่ละปาก ตำรวจสอบละเอียดมาก แต่จะให้มาเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดคงไม่ได้ ดังนั้น ใครที่ดูข่าวแล้วคิดไปก่อน ขออย่าเพิ่งคิด ให้ดูกันไปก่อน เพราะสิ่งที่รับรู้ก่อนหน้านี้เพียงแค่ประมาณ 50 เปอร์เซนต์เท่านั้น ซึ่งตอนแรกตนก็ไม่มั่นใจ เห็นจะปิดคดีอีกไม่กี่วัน ก็ไม่สบายใจ แต่พอมาเจอการสอบปากคำและรับทราบข้อมูลทางคดีจากตำรวจในวันนี้ ตนก็มั่นใจขึ้นว่าถ้าจะปิดคดีจริงๆ ทุกอย่างต้องพร้อมแล้ว เพราะกระบวนการมันไม่ได้ง่ายแบบที่คนนอกมอง ตำรวจเช็คข้อมูล มีหลักฐานละเอียดแทบจะทุกวินาที ซึ่งตนก็เชื่อว่าแตงโมจะได้รับความยุติธรรม

นอกจากนี้ วันนี้ตนยังได้สอบถามตำรวจถึงตัวผู้จัดการของแตงโม ว่าเขาได้มาให้ปากคำหรือไม่ ตำรวจก็บอกว่ามาและมาบ่อยด้วย ตนก็ได้มีการสอบถามรายละเอียด ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่า ตำรวจรู้หมดทุกอย่างแล้วเพียงแค่ยังพูดออกมาไม่ได้ เพราะอาจมีคนไหวตัวทันและกระทบต่อคดี

ส่วนการที่เพื่อนทั้ง 5 คนให้การว่าแตงโมไปนั่งปัสสาวะท้ายเรือ แต่ตอนแรกที่แซนโทรหากู้ภัยแจ้งว่าแตงโมยืนปัสสาวะนั้น แอนนา มองว่า การที่เขาพูดไม่เหมือนเดิมคือสิ่งที่ไม่ปกติ ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าผลจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวตนเอง โฟกัสเหตุการณ์บนเรือก่อนแตงโมจะตกเรือไปมากที่สุด มากกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังเกิดเหตุ จึงอยากขอให้ทุกคนที่มีกล้องวงจรปิดอยู่ริมน้ำ ให้นำภาพออกมาตรวจสอบกันให้ได้มากที่สุด

แอนนา ยังได้เปิดเผยถึงสภาพจิตใจของ"เบิร์ด" แฟนหนุ่มของแตงโมว่า ตอนนี้สภาพจิตใจเบิร์ดค่อนข้างดีขึ้น และมีแพลนว่าจะไปพักผ่อน หลังจบงานพิธีไว้อาลัยแตงโม ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้พยายามหางานให้เบิร์ดอยู่คลอด แต่เบิร์ดปฏิเสธไม่ขอรับ เพราะบอกว่าตนเองเป็นแฟนแตงโม มาแบบไหนก็ขออยู่แบบนั้นต่อไป ไม่ได้อยากได้อะไรจากการเสียชีวิตของแตงโม

ส่วนที่หลายคนสงสัยว่าเเมวที่ชื่อบ๊วย ที่เบิร์ดนำไปเลี้ยง เเล้วมาอยู่ที่บ้านของเเอนนานั้น ตนเพียงแค่ช่วยรับพาไปหาหมอเท่านั้น อีกไม่กี่วันเบิร์ดก็จะรับกลับไปดูแล เนื่องจากเบิร์ดให้เเอนนาช่วยพาเเมวตัวดังกล่าวไปหาหมอ เเละเพื่อให้สร้างความคุ้นเคยกับเเมวตัวอื่นในครอบครัว

"ตอนนี้มีมิจฉาชีพนำชื่อเเอนนา เเละคนใกล้ชิดเเตงโม ไปเปิดบัญชีรับบริจาค จึงขอเตือนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ เพราะตอนนี้ยังไม่มีการเปิดรับบริจาคใดๆ"

อย่างไรก็ตาม เบิร์ดไม่ได้มีการสอบถามถึงเรื่องคดีความ เพราะตัวเขาได้ให้ปากคำกับตำรวจเยอะมากอยู่ตลอด ซึ่งคนที่ได้เข้าพบตำรวจและรับทราบความเป็นไปของคดี ก็จะค่อนข้างสบายใจ เหมือนที่ตนรู้สึกในวันนี้


พบซากนาฬิกากว่า 20 ล้านของลูกค้าแล้ว หลังเพลิงไหม้พูลวิลล่าหรูบนเกาะกูด

วันที่ 9 มีนาคม 2565 ความคืบหน้าการติดตามตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้อาคารห้องพักหรูของโรงแรมโซเนวาคีรี อ.เกาะกูด จ.ตราด หลังที่นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ผู้ว่าราชการจ.ตราดนำคณะเดินทางไปเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 มีนาคม 2565 ที่ผ่านและเดินทางถึงอำเภอเกาะกูดในเวลา 12.00 น.

หลังเดินทางถึงฝั่งอำเภอเกาะกูด นายสุนทร มูเนาวาเราะ นายอำเภอเกาะกูดและนายเดชาธร จันทร์อบ นายกอบต.เกาะกูด ให้การต้อนรับ พร้อมมีพลตำรวจตรีทนง ทองประดับเพชร ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 ตำรวจภูธรภาค 2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจำนวนหนึ่งและมีนายมนัส ปรังทำนุ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการและควบคุมอาคาร สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองตราดร่วม

จากนั้นในเวลา 13.00 น.คณะของผู้ว่าราชการจ.ตราด เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบผู้บริหารของโรงแรมโซเนวาคีรี ที่คอยต้อนรับ และนำคณะผู้ว่าราชการจ.ตราดเข้าสู่ห้องรับรอง ก่อนเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ

กระทั่งเวลาประมาณ 13.30 น.คณะของผู้ว่าราชการจ.ตราดจึงเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งได้เข้าพื้นที่และเก็บหลักฐานต่างๆโดยเฉพาะพื้นที่เกิดระเบิดขึ้นแล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ รวมทั้ง ห้องพักที่เจ้าของนาฬิกาพักหลับนอนอยู่ ซึ่งปรากฏว่า พบซากของนาฬิกาที่มีการตามหาอยู่ ซึ่งถูกเพลิงเผาได้รับความเสียหาย และไม่สามารถใช้การได้ ทั้งนี้ ทางผู้บริหารโรงแรมไม่ยินยอมให้มีการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานโดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ติดตามลงไปทำข่าวครั้งนี้

นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ได้สอบถามผู้บริหารโรงแรมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นแล้วได้รีบแจ้งให้ทางตำรวจสภ.เกาะกูดทราบเพื่อขอความช่วยเหลือ ซี่งต่อมาก็มีความช่วยเหลือทั้งจากอส.เกาะกูด และเจ้าหน้าที่จากอบต.เกาะกูด และตำรวจตชด.เกาะกูดเข้ามาช่วยเหลือ

ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจ.ตราดยังเดินทางไปตรวจบริเวณห้องอาหาร ซึ่งพบถึงแก๊สถูกเผาไหม้ และพบเตาทำอาหารที่ใช้ไฟฟ้า โดยมีเส้นลวดขดอยู่รอบๆซึ่งเป็นเตาไฟฟ้ารุ่นเก่าและถูกเผาไหม้กองอยู่กับพื้น ระหว่างนั้น พลตำรวจตรีทนง ทองประดับเพชร ผู้บังคับการตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ภาค 2 ได้พบซากนาฬิกาหรูที่มีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทถูกเผาไหม้เสียหายมและนำมาให้ผู้ว่าราชการจ.ตราดซึ่งพบว่า นาฬิกาหรูได้รับความเสียหายมาก เนื่องจากถูกเพลิงเผาไหม้

อนึ่ง การพบหลักฐานชิ้นสำคัญนี้สามารถยืนยันความจริงที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาพักจริง และเกิดความเสียจริงตามที่ได้กล่าวอ้าง ซึ่งหากพบสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งเกิดจากความผิดพลาดของโรงแรมก็จะสามารถเรียกค่าค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัยทั้ง 6 บริษัทได้ หลังจากได้ทำประกันภัยไว้มูลค่าสูงถึง 902 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจ.ตราดยังไม่สามารถสรุปได้ว่า สาเหตุที่แท้จริงของเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใด ต้องรอการสรุปผลจากตำรวจพิสูจน์หลักฐานให้เเน่ชัดเสียก่อน

และในเวลา 15.00 น.คณะของผู้ว่าราชการจ.ตราด ได้เดินทางกลับมาด้วยเรือสปีดโบ๊ท และมาขึ้นที่ท่าเรือแหลมศอก อ.เมือง จ.ตราด ในเวลา 15.45 น.วันเดียวกัน


กรมเจ้าท่า คาดเหตุเรือระเบิด เกิดจากประกายไฟขณะถอนสมอ

9 มีนาคม 2565 นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวถึงเหตุเรือบรรทุกน้ำมัน และเกิดระเบิดขึ้น บริเวณท่าเทียบเรือไออาร์พีซี ในซอยสุขสวัสดิ์ 45 ว่าขณะนี้กรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างรอสำรวจพื้นที่ของท่าเรือเพิ่มเติม เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานยังกันพื้นที่ ไม่ให้ส่วนงานอื่นเข้า เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียชีวิตบนเรือ 1 ราย เจ้าหน้าที่คงต้องเก็บหลักฐานโดยละเอียด คาดว่าพิสูจน์หลักฐานจะใช้เวลาตลอดวันนี้

ส่วนสาเหตุบื้องต้น ขณะนี้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า เรือดังกล่าวได้เทียบท่า มีการขนถ่ายน้ำมันออกไปแล้ว คงมีน้ำมันตกค้างในถังเรือบ้าง และน่าจะเกิดประกายไฟระหว่างถอนสมอ ทำให้เกิดระเบิดขึ้น

"ถือเป็นโชคดีที่เกิดเหตุ หลังมีการขนถ่ายน้ำมันออกไปแล้ว หากเกิดขึ้นขณะเรือยังมีน้ำมันอยู่ การระเบิดก็จะรุนแรง และอาจไปกระทบ ถังน้ำมันขนาดใหญ่ในท่าเรือ 3 ถัง ที่มีปริมาณน้ำมัน 6-7 ล้านลิตร ก็จะส่งความเสียหายเป็นวงกว้าง ถือว่าน่ากลัวมาก"นายสมพงษ์ กล่าว


'บาหลี'เปิดรับต่างชาติฉีดวัคซีนโควิดครบโดสแบบไม่กักตัว

8 มี.ค.65 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ลูฮุต บินซาร์ ปันด์ไจตัน รัฐมนตรีประสานงานกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย เผยว่านักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ (โควิด-19) ครบโดส สามารถเยือนเกาะบาหลีโดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันจันทร์ (7 มี.ค.) ที่ผ่านมา

ปันด์ไจตันแถลงว่านักเดินทางต่างชาติต้องแสดงหลักฐานการจองโรงแรมเป็นเวลาอย่างน้อย 4 วัน ใบรับรองผลตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบ และมีประกันสุขภาพเมื่อเดินทางถึงเกาะบาหลี

“นักเดินทางต่างชาติต้องเข้ารับการตรวจพีซีอาร์ (PCR) หรือปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรสเมื่อมาถึง และหลังจากมีผลตรวจโรคเป็นลบ พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ทำกิจกรรมต่างๆ ภายใต้ระเบียบการด้านสุขภาพ” ปันด์ไจตันกล่าว พร้อมเสริมว่านักเดินทางต้องเข้ารับการทดสอบพีซีอาร์ที่โรงแรมอีกครั้งในวันที่ 3 ของการพักอาศัยบนเกาะบาหลี

ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีแผนขยายการบังคับใช้นโยบายไม่กักตัวทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. หากการดำเนินมาตรการดังกล่าวในบาหลีประสบความสำเร็จ

ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในอินโดนีเซียมีแนวโน้มลดลง ยกเว้นใน 5 จังหวัด ได้แก่ อาเจะห์ นูซาเต็งการาตะวันออก สุลาเวสีกลาง โกรอนตาโล และกาลิมันตันเหนือ

‘พังพินาศ’แน่!อดีตบิ๊กข่าวกรองไล่เรียง‘ศึกรัสเซีย-ยูเครน’ หวั่นโลกถอยสู่ยุค 60 ปีก่อน

8 มีนาคม 2565 นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Nantiwat Samart” แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับสงครามระหว่าง ‘รัสเซีย-ยูเครน’ มีเนื้อหาดังนี้...

โลกกลับมาสู่จุดที่แต่ละฝ่ายเผชิญหน้ากันชัดเจน เมื่ออเมริกาและพันธมิตรประกาศปิดล้อมและชวนพรรคพวกประณามรัสเซียว่ารุกรานยูเครน ติดตามมาด้วยการแซงชั่นและปิดกั้นรัสเซียจากตลาดเงินของโลก

รัสเซียประกาศตอบโต้ทันที ด้วยการแจ้งรายชื่อ 30 ประเทศที่ถือว่า “ไม่เป็นมิตร” อาจจะเป็นศัตรูในอนาคต นอกจากกลุ่มอียูแล้ว ในเอเชียก็มีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวันและสิงคโปร์

แต่ที่น่าเป็นห่วงและกังวล คือ การตั้งป้อมค่ายของกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและอัฟริกาใต้ ที่จับมือกันเลิกใช้เงินสกุลดอลลาร์ในการแลกเปลี่ยนการค้า อย่าทำเป็นเล่นไป กลุ่มนี้มีประชาการรวมกันมากกว่า 3 พันล้านคน มูลค่าการค้ามหาศาลแน่นอน อาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นทั่วโลก

นอกจากนั้น รัสเซียยังไม่หนำใจ ตอบโต้บรรดาธุรกิจต่างประเทศที่ถอนตัวจากการทำธุรกิจในรัสเซีย นักการเมืองรัสเซียจะออกกฎหมายยึดกิจการเหล่านั้นเป็นของรัฐ และทางการรัสเซียได้แสดงท่าทีที่จะใช้หนี้ที่ติดค้างกับต่างประเทศด้วยเงินสกุลรูเบิลรัสเซีย ใครไม่ยอมจะทำยังไง ในเมื่อตัดรัสเซียออกจากวงจรระบบ Swift

แต่สถานการณ์เลวร้ายด้านพลังงานกำลังจะมาเยือน เมื่อรัสเซียกำลังทบทวนการส่งน้ำมันและก๊าซให้ยุโรปผ่านท่อ NorthStream 1 ถ้าถูกปิดกั้น โดยระบุว่า อาจจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกขึ้นไปสูงแตะ 300 เหรียญต่อบาร์เรล หากเป็นเช่นนั้นจริง พังพินาศกันทั้งโลกแน่นอน

โลกกำลังจะถอยหลังกลับสู่ยุคเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ที่มีการเผชิญหน้าทั้งทางทหารและการค้า คงไม่อาจจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติต่อไปได้ ใครไม่ใช่พวกกรูแล้วจะเป็นใคร”