ข่าว
ปูตินพร้อมทำสงคราม! ส่งกำลังทหาร มิสไซล์ประชิดชายแดนโสมแดงแล้ว

เมื่อ 22 เม.ย.60 สื่อต่างประเทศ รายงาน กองทัพรัสเซียส่งกำลังทหาร อาวุธหนัก ยานลำเลียงหุ้มเกราะ รถถังหลายคัน ตลอดจนเฮลิคอปเตอร์ ไปยังเมืองวลาดิวอสต็อก ประชิดชายแดนติดเกาหลีเหนือ ห่างเพียงแค่ประมาณ 11 ไมล์ ท่ามกลางสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่กำลังทวีความตึงเครียดมากขึ้น หวั่นเกรงสหรัฐฯ อาจเปิดศึกกับเกาหลีเหนือ เกี่ยวกับโครงการทดสอบนิวเคลียร์ของคิม จอง อึน เว็บไซต์ The Sun ยังรายงานว่า มีคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นว่า ขบวนรถไฟหนึ่งใน 3 ขบวน บรรทุกยุทโธปกรณ์ทางทหาร มุ่งหน้าไปยังภูมิภาคพรีมอร์สกี เขตตะวันออกไกล ของรัสเซียติดกับชายแดนเกาหลีเหนือ ขณะที่มีรายงานด้วยว่า กองทัพรัสเซียได้มีการเคลื่อนย้ายอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารทางรถยนต์บนถนนเช่นกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีตทหารผ่านศึกรัสเซียนายหนึ่งเผยกับ The Sun ว่า การเคลื่อนกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารแสดงให้เห็นว่า ทางการรัสเซียกำลังจับตาสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีอย่างใกล้ชิด และจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมในการรับมือ อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ กอร์ดีเยฟ ปฏิเสธการเคลื่อนกำลังทางทหารครั้งนี้ว่า เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของการซ้อมรบเท่านั้น

อดีตนายกฯ จี้ รัฐบาล ก่อนซื้อเรือดำน้ำ ให้คำนึงถึงปัญหาปากท้องปชช.ก่อน

เมื่อวันที่ 26 เมษายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนมูลค่า 1.35 หมื่นล้าน ว่า การจัดซื้อดังกล่าวต้องคำนึงถึงว่าเมื่อมีเม็ดเงินจำกัด ฝ่ายบริหารต้องพิจารณาว่าจะใช้อะไรเป็นอย่างแรก เพราะทราบว่ารัฐบาลมีความจำเป็นถึงขนาดจะยอมยกเลิก 30 บาท แต่กลับไปซื้อเรือดำน้ำตรงนี้ก็ต้องพิจารณาว่าอะไรเร่งด่วนกว่ากัน และอะไรคือความคุ้มค่า ในภาวะเช่นนี้ ทั้งนี้ ในฐานะเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็เข้าใจในเรื่องความต้องการที่จะมีเรือดำน้ำไว้เพื่อป้องกันประเทศเพื่อความมั่นคง แต่วันนี้บ้านเมืองยังอยู่ในสภาวะปกติ อาจมีบางส่วนที่สามารถที่จะชะลอได้ แล้วนำงบประมาณนั้นไปใช้ในสิ่งที่เร่งด่วนกว่า ซึ่งในวันข้างหน้าหากมีงบประมาณและมีความสามารถในการหารายได้มากขึ้น มีงบประมาณเหลือเพียงพอ ก็สามารถที่จะซื้อสิ่งที่ต้องการหรือต้องใช้ในอนาคตได้ เพราะการซื้อเรือดำน้ำเป็นการซื้อที่มีภาระผูกพันในอนาคต เป็นภาระด้านงบประมาณรายจ่ายต่อปี ค่าบำรุงรักษา จึงเป็นภาระระยะยาว ยังไม่รวมถึงค่าบำรุงรักษา การฝึกยุทโธปกรณ์ต่างๆ และจำนวนเรือดำน้ำ ซึ่งต้องดูประกอบว่าน่านน้ำที่ต้องการจะต้องใช้กี่ลำ เท่าที่ทราบต้องมีเป็นชุดไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถทำงานป้องกันได้ ถ้าสั่งมาเพื่อทดสอบอย่างเดียวก็สามารถซื้อในช่วงที่ไม่เกิดภาวะเร่งด่วนหรือว่ารัฐมีเงินงบประมาณเหลือเพียงพอที่จะใช้ในส่วนนั้นได้ ดังนั้นสิ่งหนึ่งการใช้งบประมาณจะต้องคำนึงว่าเงินอะไรที่ใช้เร่งด่วนก็ต้องใช้สิ่งนั้นก่อน โดยเฉพาะความเป็นอยู่ เรื่องความจำเป็นในการบริหารบ้านเมืองและเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชนจากนั้นสิ่งที่อยากได้ ก็จะเป็นความสำคัญอันดับสองรองลงมา ซึ่งฝ่ายบริหารเท่านั้นที่ต้องใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจเรื่องนี้

“ณ วันนี้ ในแง่ความจำเป็นในอนาคต ดิฉันเองก็เคารพความต้องการของกองทัพเรือ แต่ก็ต้องมาพิจารณาระหว่างความเร่งด่วนและความจำเป็นในการใช้เม็ดเงิน เพื่อความมั่นคงในการที่จะฝึกซ้อมของกองทัพเรือ หรือเทียบกับงบประมาณที่บ้านเมืองมีความต้องการในการใช้เม็ดเงินที่เป็นงบประมาณจากรัฐออกไปให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างคุ้มค่า อย่างไหนคุ้มค่ากว่ากัน และมีความจำเป็นเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม การนำเข้ามาพิจารณาในครม.ไม่ควรจะพิจารณาในลักษณะของวาระลับเพราะเรื่องนี้ประชาชนติดตามกันทั้งประเทศอย่างน้อยควรให้มีโอกาสได้รับทราบ ถ้าการใช้ริมแดงแบบนี้ตลอดจะไม่มีโอกาสได้รู้ แม้กระทั่งการตรวจสอบความคุ้มค่าในการลงทุนหรือแม้กระทั่งราคาซื้อ ประชาชนทุกคนต้องติดตามเงินงบประมาณที่เกิดจากเงินภาษีของประชาชน ยิ่งยามบ้านเมืองเช่นนี้จะต้องมาช่วยกันดู สมัยดิฉันเมื่อพิจารณาแล้วก็ได้ขอให้ทางกองทัพเรือชะลอในการจัดซื้อและเอาเงินไปพัฒนาส่วนอื่นที่มีความจำเป็นเร่งด่วนแทน” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว


เลขาฯนายกฯ ร่อนหนังสือลงนามตะเพิด 'ธาริต' หลัง ป.ป.ช.ชี้รวยผิดปกติ

24 เม.ย.เวลา 10.15 น.พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของนายธาริต ส่งหนังสือชี้แจงมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการกรณี นายธาริต ถึงสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ผ่านกลุ่มไลน์สื่อทำเนียบ แจ้งวาระโดยหนังสือมีเนื้อหาว่า "เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามที่ประธานกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติว่า นายธาริต ร่ำรวยผิดปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงผิดปกติ รวมมูลค่า 346,652,588 บาท เป็นกรณีการดำเนินการตามมาตรา 80(4)แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติแล้ว ให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการ สั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก โดยถือว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ทั้งนี้หน่วยงานดังกล่าวข้างต้นได้ให้ความเห็นสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันว่า กรณีนี้เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาในการพิจารณาลงโทษตามที่กำหนดในมาตรา 80(4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอื่น ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ว่า การทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดร้ายแรง ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ จึงได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ เมื่อวันที่ 3 เม.ย.60 ที่ผ่านมา"


ทุเรียนไร้กลิ่น 'นวลทองจันทร์' หวานมัน เนื้อเยอะ เม็ดเล็ก

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. มีรายงานจาก จ.จันทบุรี พื้นที่แหล่งผลิตทุเรียนขึ้นชื่อหลายสายพันธุ์ และมีการส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศและในประเทศเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีทุเรียนอีกสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อของจังหวัด มีลักษณะเด่น คือ ไร้กลิ่น ซึ่งปลูกมานานหลายสิบปี แต่ไม่เพียงพอต่อยอดการจำหน่ายในแต่ละปี นายสุเทพ หรือ พจน์ นพพันธ์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/1 ม.1 ต.มาบไพ อ.ขลุง จ.จันทบุรี เจ้าของสวนทุเรียนนวลทองจันทร์ เนื้อที่กว่า 300 ไร่ ซึ่งทำมานานกว่า 30 ปี กล่าวว่า ปัจจุบันมีพ่อค้าจากประเทศไต้หวัน มาขอเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับตลาดต่างประเทศ พร้อมกับนำทุเรียนสายพันธุ์นวลทองจันทร์ ไปขายแข่งกับทุเรียนที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในโลกของประเทศมาเลเซีย คือ ทุเรียนพันธุ์มอนซานคิง โดยทุเรียนนวลทองจันทร์ ถือเป็นสายพันธุ์ใหม่ของ จ.จันทบุรี และพ่อค้าจากประเทศไต้หวันที่มารับซื้อ ยืนยันว่า สามารถแข่งกับทุเรียนพันธุ์มอนซานคิงได้ เนื่องจากเนื้อมีสีเข้ม สวยงาม รสชาติหวานมันอร่อย เนื้อเยอะ เม็ดเล็กลีบ ลูกโต อีกทั้งยังไม่มีกลิ่นเหม็นอีกด้วย ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค และตลาดต่างประเทศ สำหรับราคาของทุเรียนนวลทองจันทร์ ซึ่งเป็นพันธุ์ผสมระหว่าง ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง และ พวงมณี ยังคงรักษาราคาคงที่ไว้ที่กิโลกรัมละ 200 บาท แต่หากมีการบำรุงทางด้านสารอาหารมากขึ้น จะทำให้ผลทุเรียนนวลทองจันทร์ มีขนาดใหญ่ขึ้น และน้ำหนักต่อผลจะมากกว่า 2 กิโลกรัม ซึ่งปัจจุบัน ผลผลิตที่ได้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดต่างประเทศ


คาบสมุทรเกาหลีระอุหนัก สหรัฐฯส่ง เรือดำน้ำ ยูเอสเอส มิชิแกน มาถึงแล้ว

25 เม.ย.สำนักข่าวต่างประเทศกองทัพสหรัฐฯ ส่งเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ยูเอสเอส มิชิแกน (USS Michigan)ติดตั้งขีปนาวุธโทมาฮอว์ก มาถึงเมืองท่าปูซาน ทางภาคใต้ของประเทศเกาหลีใต้แล้ว เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ในวันเดียวกับที่เกาหลีเหนือเฉลิมฉลองวาระครบรอบการก่อตั้งกองทัพปีที่ 85 โดยการส่งเรือดำน้ำยูเอสเอส มิชิแกนมายังเกาหลีใต้ เพื่อเสริมกำลังกองเรือรบ นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน (USS Carl Vinson) ที่กำลังร่วมซ้อมรบกับเรือพิฆาตของญี่ปุ่น 2 ลำในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้คาบสมุทรเกาหลี ท่ามกลางสถานการณ์ในภูมิภาคนี้ที่กำลังตึงเครียดมากขึ้นช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และหวั่นวิตกว่า เกาหลีเหนืออาจทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ หรือขีปนาวุธพิสัยไกล ข้ามทวีปเป็นครั้งแรก บีบีซีแจ้งว่า ทางการเกาหลีเหนือภายใต้การนำของคิม จอง อึน ได้มีการเฉลิมฉลองวาระครบรอบการก่อตั้งกองทัพ ปีที่ 85 ในวันอังคารนี้เช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมา เกาหลีเหนือมักใช้โอกาสนี้ ทดสอบยิงขีปนาวุธ เพื่อโชว์แสนยานุภาพทางทหาร ขณะเดียวกันบีบีซี ยังชี้ว่า ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ เมื่อวุฒิสภาสหรัฐฯได้ขอให้สมาชิกวุฒิสภาทุกคน เตรียมเข้าร่วมการประชุมที่ทำเนียบขาว เพื่อรับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ในเกาหลีเหนือ ในวันพุธที่ 26 เม.ย.นี้ ด้าน นสพ.โชซุน อิลโบ ในเกาหลีใต้ รายงานถึงแสนยานุภาพของเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ยูเอสเอส มิชิแกน ที่กองทัพสหรัฐฯส่งมาถึงเกาหลีใต้แล้วว่า ได้ติดตั้งขีปนาวุธร่อนนำวิถีพิสัยไกล ‘โทมาฮอว์ก’ จำนวนมากถึง 154 ลูก อีกทั้งยังมีกำลังทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษประจำการ 60 นาย และเรือดำน้ำขนาดเล็กหลายลำ ขณะที่ ซีเอ็นเอ็น คาดว่า เรือดำน้ำยูเอสเอส มิชิแกน จะไม่เข้าร่วมซ้อมรบกับเรือยูเอสเอส คาร์ล วินสัน แต่มาเพื่อโชว์แสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯ ชาติพันธมิตรสำคัญของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ข่มขวัญเกาหลีเหนือ


สายการบินยูไนเต็ดโดนอีกแล้ว! ทำ ‘กระต่ายยักษ์’ ตายระหว่างการขนส่ง

สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เกิดปัญหาขึ้นอีกแล้ว หลังจากมีรายงานว่า กระต่ายยักษ์ที่ถูกส่งขึ้นเครื่องบินจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อส่งไปให้ลูกค้าที่นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา เกิดตายระหว่างการขนส่ง

ข่าวระบุว่า กระต่ายยักษ์ตัวนี้ชื่อว่า “ไซมอน” อายุ 10 เดือน ที่มีความยาวของลำตัวถึง 3 ฟุต ซึ่งเป็นหนึ่งในกระต่ายที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก เป็นกระต่ายที่ของบุคคลที่มีชื่อเสียงสั่งซื้อ โดยแอนเน็ต เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้ผสมพันธุ์กระต่ายยักษ์ขาย เปิดเผยกับเดอะซันว่า ไซมอนมีสุขภาพที่แข็งแรงมากก่อนหน้าที่จะถูกนำตัวขึ้นเครื่องบิน เนื่องจาก 3 ชั่วโมงก่อนที่จะนำตัวขึ้นเครื่องบิน ได้มีการตรวจสุขภาพของไซมอนแล้ว และพบว่าแข็งแรงมาก ซึ่งถือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ และตนก็อยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เอ็ดเวิร์ดส์ กล่าวว่า ไซมอนเป็นกระต่ายสายพันธุ์คอนทิเนลทัอล ไจแอนท์ ตายระหว่างการขนส่งบนเครื่องบินโบอิ้ง 767 หลังจากเครื่องบินบินออกจากสนามบินฮีทโธรว์ และว่า ตนส่งกระต่ายไปทั่วโลก ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาก่อน ส่วนลูกค้าที่ซื้อไซมอนนั้น เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมาก และเขาก็ไม่พอใจอย่างมาก

ทรัมป์ต่อสายตรงสี จิ้นผิง!โสมแดงขู่มี H-Bombพร้อมจมเรือบรรทุกเครื่องบิน

เมื่อ 24 เม.ย. สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงาน โฆษกประจำกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมาตอบโต้ทางการเกาหลีเหนือทันที เรียกร้องรัฐบาลคอมมิวนิสต์ เกาหลีเหนือ ควรหลีกเลี่ยงที่จะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดอย่างเลวร้ายมากไปกว่านี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจาก ‘โรดอง ชินมุน’ นสพ.ในกรุงเปียงยาง รายงาน รัฐบาลเกาหลีเหนือพร้อมแล้วที่จะโชว์แสนยานุภาพทางทหาร ด้วยการจมเรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ที่ร่วมซ้อมรบกับเรือพิฆาตญี่ปุ่นใกล้ฟิลิปปินส์ ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว โดยสื่อกระบอกเสียงของทางการ ยังอ้างด้วยว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือ มีอาวุธที่สามารถยิงไกลถึงสหรัฐฯ และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้ง มีอาวุธร้ายแรงอย่าง ระเบิดไฮโดรเจน ขณะที่ ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถตรวจสอบการกล่าวอ้างดังกล่าวได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ซีเอ็นเอ็น แจ้งว่า ท่ามกลางสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่ตึงเครียดมากขึ้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และ นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 เม.ย. โดยตามรายงานของสำนักข่าวซินหัวของจีน ระบุว่า ผู้นำจีนได้กล่าวกับทรัมป์ว่า เขาหวังว่าทุกฝ่ายจะสามารถอดทน และยับยั้งชั่งใจต่อสถานการณ์ในขณะนี้ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีอาเบะ ได้เผยกับนักข่าวว่า เขาและประธานาธิบดีทรัมป์ ตกลงที่จะยังคงเรียกร้องอย่างแข็งกร้าวให้ทางการเกาหลีเหนือยุติการยั่วยุต่างๆ ได้แล้ว