สุดเศร้า "ลิซา มารี เพรสลีย์" ลูกสาวคนเดียวของ "เอลวิส เพรสลีย์" เสียชีวิตแล้ว
"ลิซา มารี เพรสลีย์" บุตรสาวคนเดียวของราชาเพลงร็อกในตำนาน "เอลวิส เพรสลีย์" เสียชีวิตแล้ว หลังจากเพิ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในนครลอสแอนเจลิสของสหรัฐฯ เป็นการด่วน ด้วยอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
วันนี้ (13 ม.ค.) สำนักข่าวบีบีซี รายงานข่าวด่วนว่า "ลิซา มารี เพรสลีย์" วัย 54 ปี ลูกสาวคนเดียวของ เอลวิส เพรสลีย์ ราชาเพลงร็อกในตำนาน เสียชีวิตแล้วตามการเปิดเผยของ นางพริสซิลา เพรสลีย์ มารดาของเธอ หลังจากที่เธอถูกพบนอนหมดสติอยู่ที่บ้านพักในย่านคาลาบาซาส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในนครลอสแอนเจลิสเป็นการด่วน ด้วยอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
ในแถลงการณ์ของ นางพริสซิลา ระบุว่า เป็นเรื่องหนักใจอย่างยิ่งที่ต้องบอกข่าวเศร้าว่า ลิซา มารี ลูกสาวคนสวยของเธอได้จากไปแล้ว เธอเป็นคนที่น่าหลงใหล เป็นคนแข็งแกร่งและเป็นผู้หญิงน่ารักที่สุดที่เคยพบเจอ และขอความเป็นส่วนตัวในการที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียในครั้งนี้ โดยที่ไม่ได้มีการกล่าวถึงสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรสาวแต่อย่างใด ขณะที่สื่อต่างๆ รายงานตรงกันว่า เธอเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย
ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยจาก เคทลิน อัลดานา โฆษกสำนักงานดับเพลิงลอสแอนเจลิส เคาน์ตี ว่า เจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉินได้รับโทรศัพท์แจ้งเกี่ยวกับการนำส่งตัวผู้ป่วยหัวใจวายที่อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 5000 อาคารนอร์มังดี ดีอาร์ เขตอะกัวรา ฮิลล์ แคลิฟอร์เนีย ในเวลา 10.37 น. และผู้ป่วยที่ไม่เปิดเผยนามถูกส่งตัวถึงโรงพยาบาลในเวลา 11.17 น.
โดยข่าวการเสียชีวิตของ ลิซา เพรสลีย์ นี้มีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากนักร้องดังเพิ่งปรากฏตัวพร้อมกับมารดาของเธอในงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ เพื่อสนับสนุน บาซ เลอห์มานน์ ผู้กำกับภาพยนตร์ กับผลงานภาพยนตร์เรื่อง "Elvis" ของเขา ที่เกี่ยวกับเรื่องราวของ เอลวิส เพรสลีย์
ทั้งนี้ ลิซา มารี เพรสลีย์ เคยสมรสกับ ไมเคิล แจ็คสัน ราชาเพลงป็อปชื่อก้องโลก นิโคลัส เคจ นักแสดงชื่อดังของฮอลลีวูด เมเคิล ล็อควูด และแดนนี คีโอ ขณะที่เมื่อปี 2563 เพิ่งเกิดเหตุ เบนจามิน คีโอ บุตรชายของเธอเสียชีวิตจากการปลิดชีพตัวเอง ในวัยเพียง 27 ปี กลายเป็นข่าวเศร้าอย่างยิ่งต่อวงการฮอลลีวูด
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้จัดการการล่วงละเมิดทางเทคโนโลยีของบริษัท Big Tech
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน วางมาตรการจัดการบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกรณีที่มีการล่วงละเมิดทางเทคโนโลยี ทั้งในประเด็นความเป็นส่วนตัว ไปจนถึงการออกแบบอัลกอริทึม
ประธานาธิบดีไบเดน แจ้งข่าวร้ายกลายๆ ให้กับบริษัทชั้นนำในโลกเทคโนโลยี หรือที่รู้จักกันในชื่อ Big Tech ว่าฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังเอาจริงเพื่อจัดการการล่วงละเมิดที่เลวร้ายที่สุดทางเทคโนโลยี
โจ ไบเดน กล่าวว่า ตัวเขามีความเป็นกังวลต่อการที่ใครบางคนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี มีการรวบรวม แบ่งปัน และใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีไบเดน ได้อ้างถึงความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาแทรกแซง เพื่อป้องกันการล่วงละเมิดทางเทคโนโลยี ซึ่งประกอบไปด้วยความเป็นส่วนตัว ความรับผิดชอบด้านอัลกอริทึม และการแข่งขัน
ในเรื่องความเป็นส่วนตัว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กังวลอย่างมากกับการที่บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี มีการรวบรวม การใช้ และการแบ่งปันข้อมูลในระดับสูง โดยส่วนใหญ่เพื่อการกำหนดเป้าหมายโฆษณา
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจใดๆ เลย ถ้าหากในอนาคตอันใกล้นี้จะได้เห็นทำเนียบขาวออกกฎหมายเพื่อควบคุมบริษัท Big Tech มากขึ้น
ต่อมา ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวว่า บริษัทเทคโนโลยีต้องรับผิดชอบต่อการแพร่กระจายของเนื้อหา และอัลกอริทึมที่ใช้ อีกทั้งยังต้องเปิดเผยความโปร่งใสของอัลกอริทึมอีกด้วย
สุดท้ายเป็นประเด็นในเรื่องของการแข่งขัน เนื่องจากทำเนียบขาวมองว่า การแข่งขันในโลกเทคโนโลยีตอนนี้น้อยลงเรื่อยๆ สิ่งที่ควรต้องผลักดันนั่นคือ การเพิ่มการแข่งขัน เพราะถ้าหากไม่มีการแข่งขัน บริษัท Big Tech สามารถใช้ข้อได้เปรียบคู่แข่งที่มีขนาดเล็กกว่า จนทำให้ไม่เกิดสภาพของการแข่งขัน
ที่มา: WSJ, TechCrunch
ทอร์นาโดถล่มอลาบามา ทำบ้านเรือนเสียหาย ปชช.ดับอย่างน้อย 6
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 13 มกราคมว่า เกิดเหตุทอร์นาโดและพายุกำลังแรงสูงพัดถล่มรัฐ
อลาบามาทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 12 มกราคม จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย และอาคารบ้านเรือนเสียหาย
พายุดังกล่าวยังเคลื่อนตัวต่อไปยังทางทิศตะวันออกและพัดถล่มรัฐข้างเคียงอย่างจอร์เจีย ทำให้กรมอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ ยังคงประกาศเตือนภัยทอร์นาโดในพื้นที่ดังกล่าวต่อเนื่องในช่วงหัวค่ำของวันเดียวกัน
เคย์ ไอวีย์ ผู้ว่าการรัฐอลาบามา กล่าวผ่านทวิตเตอร์ว่า ตนรู้สึกเศร้าใจที่ทราบว่ามีชาวอลาบามาเสียชีวิตจากพายุนี้
ขณะที่ แกรี วีเวอร์ รองผู้อำนวยการบริการฉุกเฉินกล่าวว่า เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตในออทอกา
เคาน์ตี นายกเทศมนตรีเมืองเซลมา รัฐอลาบามา กล่าวว่า ทอร์นาโดยังพัดถล่มดัลลัสเคาน์ตีด้วยเช่นกัน โดยบ้านเรือนถูกพายุพัดจนหลังคาปลิว และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งย้ำให้พลเรือนอยู่
ห่างจากถนนและสายไฟฟ้าที่เสียหายจากพายุ
ด้านเมืองเซลมายังระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า ทีมงานของเมืองจะกระจายตัวเข้าไปทำความสะอาดเมืองอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นอกจากนี้ เคาน์ตีอื่นๆ ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังรวมถึงแชมเบอรส์เคาน์ตี คูซาเคาน์ตี
เอลมอร์เคาน์ตี และทาลลาปูซาเคาน์ตี
รัสเซียอ้าง ยึด ‘โซเลดาร์’ เมืองเหมืองเกลือยูเครนได้แล้ว
กองทัพรัสเซียอ้างว่า ยึดเมืองเหมืองเกลือ โซเลดาร์ ของยูเครนได้แล้ว หลังจากต่อสู้อย่างดุเดือดนานหลายวัน ขณะที่ฝ่ายเคียฟปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
ที่มา : BBC: เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ม.ค. 2566 รัสเซียออกมาเปิดเผยว่า กองทัพของพวกเขา สามารถยึดเมืองโซเลดาร์ เมืองเหมืองเกลือในแคว้นโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครนได้แล้ว หลังจากต่อสู้อย่างดุเดือดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นก้าวสำคัญต่อการยึดพื้นที่ทั้งหมดของภูมิภาคดอนบาสที่รัสเซียผนวกรวมเป็นของตัวเอง
เจ้าหน้าที่รัสเซียบอกอีกว่า ชัยชนะครั้งนี้จะทำให้กองทัพรัสเซียสามารถโจมตีผลักดันเข้าสู่เมืองบัคห์มุต ที่อยู่ใกล้เคียงกัน และสามารถตัดกำลังของกองทัพยูเครนที่นั่นได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายยูเครนยืนยันว่า การต่อสู้ที่เมืองโซเลดาร์ยังดำเนินอยู่ และกล่าวหารัสเซียว่ากำลังปล่อยข้อมูลรบกวน
ทั้งนี้ การต่อสู้ที่เมืองโซเลดาร์ถูกยกเป็นหนึ่งในการต่อสู้ที่นองเลือดที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นเมื่อ 24 ก.พ.ปีก่อน ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เมืองที่เคยมีประชากรราว 10,000 คนแห่งนี้ แทบไม่เหลือกำแพงที่ยังตั้งอยู่แล้ว
ด้านนาย อันเดรย์ เยอร์มัค หัวหน้าเจ้าหน้าที่ของเซเลนสกีเทียบการต่อสู้ที่เมืองโซเลดาร์กับบัคห์มุตว่า กับสมรภูมิที่แวร์เดิง ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในการต่อสู่ที่ข่มขื่นที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300,000 คน ขณะที่นายพาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์ของยูเครนเผยว่า ยังมีพลเรือน 559 คนที่ไม่ยอมอพยพออกจากโซเลดาร์
แต่หากยืนยันแล้วว่ารัสเซียยึดเมืองแห่งนี้ได้จริง เรื่องนี้อาจถูกมองว่าเป็นความคืบหน้า หรือกระทั้งชัยชนะ ที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน กำลังต้องการอย่างมาก หลังจากไม่สามารถยึดเมืองในยูเครนได้อีกเลยนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 ซ้ำยังถูกโต้กลับและเสียเมืองที่ยึดมาได้ไปหลายเมือง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงถกเถียงกันเรื่องความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของเมืองโซเลดาร์ เนื่องจากเป็นเมืองขนาดเล็ก สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ของสหรัฐฯ คาดว่าการยึดเมืองโซเลดาร์ไม่สามารถทำให้กองทัพรัสเซียปิดล้อมเมืองบัคห์มุตได้
