ข่าว
สั่งเรียกคืนเครื่องราชย์ฯ ทั้งถอดยศ 'พ.อ.คชาชาต'

เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ถอดยศทหารและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอด พ.อ.คชาชาต บุญดี ออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.58 ซึ่งเป็นวันที่มีคําสั่งปลดออกจากราชการ เนื่องจากต้องหาคดีอาญาฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ และได้หลบหนีคดีเดินทางออกนอก ราชอาณาจักรกับประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ตามข้อ 2ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วย ผู้ซึ่งไม่สมควรจะดํารงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์พ.ศ. 2507 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทยตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทยที่บุคคลดังกล่าวได้รับพระราชทานตามข้อ 6 และ ข้อ 7 (4) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2558 ประกาศ ณ วันที่ 25 พ.ย.พ.ศ. 2558 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

"บิ๊กตู่"ขอให้ทุกข์โศกลอยออกทะเล "ชายหมู"ก็ตั้งใจอธิษฐาน

เมื่อเวลา 18.55 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่คลองผดุงกรุงเกษมข้างทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมน.ส.นราพร จันทร์โอชา ภริยา และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกทม. ร่วมพิธีลอยกระทงกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2558 ด้วย โดยต่างตั้งใจอธิษฐาน ขอพร ก่อนปล่อยกระทงลงน้ำ

นายกฯ กล่าวเปิดงาน ว่า ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันลอยกระทง ซึ่งเป็นการขอขมาพระแม่คงคา ขอให้ลอยทุกข์ลอยโศกออกไปไหลลงสู่ทะเล ไม่ให้ไหลกลับมาที่ประเทศเราอีก ขอให้ประเทศเรามีความสงบสุขและมีความปลอดภัย ขอให้คนไทยทุกคนมีความภูมิใจในวัฒนธรรม เพราะประเทศเรามีศักยภาพหลายอย่างทั้ง 4 ภูมิภาค โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว การบริการ และด้านสุขภาพ ขอให้ทุกคนมีความภูมิใจในความเป็นไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการกล่าวเปิดงานในครั้งนี้ นายกฯยังย้ำถึงการปฎิรูปและการพัฒนาประเทศว่าจะต้องเกิดขึ้น โดยมีข้าราชการมีส่วนสำคัญในการทำงานเชิงรุก มีความโปร่งใสอย่าทำลายสิ่งที่เป็นอนาคตของลูกหลาน

ผู้สื่อข่าวยังรายงานต่อว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยในบริเวณการจัดงานเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ไว้ทั้งสองฝั่งคลอง ทั้งตำรวจ ทหาร และเทศกิจ รวมทั้งเรือตรวจการของตำรวจน้ำ พร้อมกับมีการกั้นพื้นที่ไม่ให้ประชาชนเดินผ่านในช่วงที่นายกฯกำลังปฏิบัติภารกิจ


“มาร์ค" แนะสอบจดหมายเชิญ“ปู”

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการอ้างว่า รัฐสภายุโรป (อียู) ทำจดหมายเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศเบลเยี่ยม หรือประเทศฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศไทย ว่า อย่าเรียกว่า จดหมายจากอียูเพราะเป็นแค่ส.ส. 2 คนเท่านั้นที่เชิญ จะมาบอกว่าเป็นการเชิญของสภาฯนั้นไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้น่าจะมีการตรวจสอบที่มาที่ไป เพราะน่าจะมีขบวนการทำให้เกิดขึ้น


“บิ๊กตู่” ลั่น ไม่ใช่ “เปาบุ้นจิ้น”

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 25 พ.ย. ที่ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษแก่สมาชิก JointForeign Chambers of Commerce in Thailand: (JFCCT) โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งเกี่ยวกับการปราบปรามทุจริต ว่า ตนไม่ใช่ เปาบุ้นจิ้น แต่มีหน้าที่เป็นเหมือน “หวังเฉา” “หม่าฮั่น” ที่นำคนไปให้เปาบุ้นจิ้น พิจารณา ตนไม่ได้ทำอะไรใหม่ไม่ได้รังแกนักการเมืองเขาทำความผิดกันไว้แล้ว แต่ไม่ได้มีการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมีข้างนั้นข้างนี้ ขัดแย้งกันตลอด ตนก็แค่เอาเข้าไปในกระบวนการไม่ได้เร่งรัดอะไรทั้งสิ้น แม้กระทั้งเรื่องโครงการับจำนำข้าวตนก็ไม่ใช่คนที่เอาเข้าไปดำเนินการ เป็นการทักท้วงฟ้องร้องขององค์กรอิสระตนก็เพียงแค่บอกว่า ให้พิจารณากันไป แค่นี้ยังไม่รับกันเลย และจะทำยังไง


ชาวแคลิฟอร์เนียแห่ใช้ "รถยนต์ไฟฟ้า" มีแล้วกว่า 1.5 แสนคัน, เร่งขยายสถานีชาร์จไฟ

จากรายงานของเอเอฟพี ปัญหาโลกร้อนเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในระยะหลัง ผู้คนทั่วโลกต่างหันมาให้ความสนใจกับปัญหานี้มากขึ้น และรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะมีส่วนช่วยในการลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา

เจสันฟูเดนเบิร์กเจ้าของรถของเทสลา(Tesla)หนึ่งในผู้ใช้รถไฟฟ้ารวมกว่า 1.5 แสนคนในแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า เขาไม่ได้กังวลกับระยะทางจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำระยะทางได้ราว 300 กิโลเมตร

"เมื่อสมองของคุณคุ้นเคยกับคำพูดของตัวเองว่า-เฮ้ย-ยังไงเราก็ขับแค่ไม่เกินวันละ 200 ไมล์ (ราว 321 กม.) เราก็ไม่เห็นต้องไปสนใจเลยว่าจะมีที่ให้ชาร์จ (ไฟรถยนต์) มั้ย เพราะยังไงมันก็พาผมกลับบ้านได้ แค่นั้นก็พอละ ซึ่งไปถึงผมก็แค่ชาร์จมันในโรงรถตอนราวๆตีสอง แค่นี้ก็พร้อมเดินทางต่อในวันถัดไป" ฟูเดนเบิร์กกล่าว

ด้าน นายเจอร์รี บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนของสหรัฐฯในการประชุมว่าด้วยสภาพอากาศที่จะมีขึ้นในกรุงปารีสเร็วๆนี้ ได้กล่าวชื่นชมความก้าวหน้าของแคลิฟอร์เนียต่อการหันมาใช้พลังงานทดแทนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

"ด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนซึ่งจะเป็นอันตรายต่อโลกเพียง1เปอร์เซ็นต์(กล่าวถึงรถยนต์ไฟฟ้า)ตอนนี้เรามีรถยนต์แบบเสียบปลั๊กแล้ว15เปอร์เซ็นต์ และเราจะมีให้มากยิ่งกว่านี้อีก เราจะเดินหน้าต่อไป และทำให้มันถูกใช้อย่างแพร่หลาย" ท่านผู้ว่าฯกล่าว

รถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้มีระยะทางการวิ่งต่ำสุดที่ราว 50 กิโลเมตร จึงจำเป็นต้องมีเครือข่ายของสถานีจ่ายไฟที่กว้างขวางกว่านี้ และเป็นสิ่งที่หน่วยงานบริการสาธารณะพยายามเร่งทำในขณะนี้

"ต้องวางสถานีชาร์จไฟทั่วพื้นที่สาธารณะ,ทำให้มันพบเห็นได้ง่ายตามท้องถนนและง่ายต่อการใช้ไม่ว่าจะด้วยเครดิตการ์ดหรือแอพมือถือลดความกังวลเรื่องระยะทางและทำให้ผู้ใช้สามารถเดินทางไปถึงจุดหมายโดยไม่ต้องคอยกังวลว่าจะต้องติดต่อดีลเลอร์หรือคู่สมรสที่ใช้รถยนต์ปกติ(เพื่อให้มารับ)"คาปิลคัลคาร์นีโฆษกแผนกโครงการรถยนต์ไฟฟ้าของ Burbank Water and Power วิสาหกิจชุมชนผู้ให้บริการด้านไฟฟ้าและประปากล่าว

ถึงขณะนี้ แคลิฟอร์เนียมีสถานีชาร์จไฟราว 1 สถานีต่อรถ 10 คัน แต่จำนวนสถานีจำเป็นต้องมีมากกว่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้การเติบโตของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าหยุดชะงักจากความกังวลของผู้ใช้


เผยภาพ ตร.ชิคาโก "กระหน่ำยิงวัยรุ่นผิวดำ" โดยไม่เจรจา ก่อนทิ้งให้ตายโดยไม่เหลียวแล

จากรายงานของเอเอฟพี นายกเทศมนตรีนครชิคาโก สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบหลังเจ้าหน้าที่เผยแพร่บันทึกเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวกระหน่ำยิงวัยรุ่นผิวดำจนเสียชีวิต

เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุความรุนแรงจากอาวุธปืนโดยฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งหลายครั้งทำให้เกิดการประท้วงและในบางกรณีได้ลุกลามจนเกิดเหตุรุนแรงมาแล้วนอกจากนี้ยังก่อให้เกิดข้อถกเถียงทางสังคมต่อปัญหาการเหยียดผิวและการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่

"ผมเข้าใจว่าประชาชนจะไม่พอใจและต้องการประท้วงเมื่อได้เห็นวิดีโอนี้ ... การเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่สำคัญคือทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างสงบ" นายกฯราห์ม เอมานูเอล กล่าวกับผู้สื่อข่าว

จากวิดีโอ รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เคลื่อนที่เข้าหานายลากวน แม็คโดนัลด์ วัย 17 ปี ซึ่งกำลังวิ่งอยู่กลางถนน เมื่อรถของเจ้าหน้าที่จอดใกล้กับจุดเกิดเหตุ นายแม็คโดนัลด์ได้เดินอย่างช้าๆ ออกจากรถของเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเจสัน ฟาน ไดก์ ที่เพิ่งก้าวลงจากรถเพียงไม่กี่วินาที กลับยิงใส่เขาจากระยะประชิดโดยทันที

รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ฟาน ไดก์ ได้กระหน่ำยิงนายแม็คโดนัลด์ไป 16 ครั้ง จนเหยื่อวัยรุ่นผิวดำจมกองเลือด ก่อนเจ้าหน้าที่รายหนึ่งเดินเข้าไปเตะมีดออกจากมือของเขา แต่ไม่มีใครสนใจที่จะช่วยเหลือ นายแม็คโดนัลด์ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด

นางแอนิตา อัลวาเรซ พนักงานอัยการซึ่งตั้งข้อหาเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนกับเจ้าหน้าที่ฟาน ไดก์เมื่อวานนี้ (24 พฤศจิกายน) ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายฟาน ไดก์ได้ยิงใส่เหยื่อ เพียง 30 วินาทีหลังรถของเขาถึงจุดเกิดเหตุ และเพียง 6 วินาที หลังจากที่เขาลงจากรถ

นางอัลวาเรซ กล่าวว่า นายแม็คโดนัลด์ซึ่งตำรวจอ้างว่ากำลังถืออาวุธมีดขณะถูกยิงและก่อนหน้านั้นได้กรีดทำลายยางรถตำรวจ มิได้แสดงท่าทีคุกคามใดๆ ที่เจ้าหน้าที่จะสามารถอ้างเพื่อใช้กำลังอันเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ด้านผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจชิคาโกนายแกรีแม็คคาร์ธีกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของเขาพร้อมให้ความมั่นใจว่าประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ทำการประท้วงได้ แต่เจ้าหน้าที่จะไม่ยอมอดทนต่อการละเมิดต่อกฎหมายใดๆ

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ปี 2014 และในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นครชิคาโกได้มอบเงินชดเชยให้กับครอบครัวของนายแม็คโดนัลด์เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (ราว 180 ล้านบาท) และขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการสอบสวน


หนุ่มหัวใจหล่อใช้พลังโซเชียลประกาศตามหาเจ้าของแหวนเพชรยักษ์จนพบ!

เว็บไซต์เดลีเมล์ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดประทับใจเมื่อหนุ่มคนหนึ่งเจอแหวนเพชรขนาดใหญ่หนักถึง3.5 กะรัต ตกอยู่ที่พื้นขณะกำลังเดินอยู่ริมถนน แต่แทนที่เขาจะนำมันไปขาย เขากลับทำสิ่งที่เหลือเชื่อด้วยการประกาศตามหาเจ้าของผ่านเฟสบุ๊คจนพบเจ้าของตัวจริงขณะที่ชาวเน็ตแห่ชื่นชมวีรกรรมของหนุ่มหัวใจหล่อคนนี้

รายงานระบุว่าแอนดี้ หนุ่มวัย 31 ปีเล่าว่าเขาพบแหวนเพชรวงนี้ตกอยู่ที่พื้นพร้อมกับเพื่อนในตอนเช้าที่หน้าร้านอาหารนันโดส์ ย่านเอิร์ลส์คอร์ต ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ขณะกำลังกลับจากเที่ยวกลางคืน และเมื่อเขาหยิบแหวนขึ้นมาดูก็พบว่ามันมีขนาดใหญ่มาก โดยเพื่อนของเขายืนยันว่าแหวนวงนี้คือแหวนหมั้นไม่ก็แหวนแต่งงานเพราะมันเต็มไปด้วยเพชรแท้บริสุทธิ์ เมื่อได้ยินดังนั้นเขาจึงคิดว่าควรจะส่งมันคืนเจ้าของทันที

วันต่อมาเขาได้ประกาศตามหาเจ้าของแหวนวงนี้ผ่านทางเว็บไซต์เฟสบุ๊คเว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังจนได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมากและในช่วงเวลาเดียวกันหลังจากที่เขาได้ประกาศตามหาเจ้าของแหวนไปแล้วนั้นก็มีผู้ติดต่อกลับมาว่าพบเจ้าของตัวจริงแล้วจึงรู้ว่าเป็นหญิงชรานั่นเอง

จากนั้นเขาจึงนั่งแท็กซี่เพื่อไปพบเธอและญาติๆที่ร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนเพื่อส่งคืนแหวนเพชรวงนี้ให้กับเธอ โดยเธอก็ได้นำบันทึกประกันแหวนของเธอมาด้วยเพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของพร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ให้การยืนยันอีกทีซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าแหวนเพชรวงนี้มีน้ำหนักกว่า 3.5 กะรัต

อย่างไรก็ตามในตอนแรกที่แอนดี้พบแหวนวงนี้เขาคิดว่ามันเป็นของปลอมและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแหวนวงนี้เลยก่อนที่เขาจะตระหนักว่ามันต้องมีค่ามากและคิดว่าควรจะต้องส่งคืนเจ้าของ

แอนดี้กล่าวว่า"มันเหมือนกับตอนจบในเทพนิยายเลยและแสดงให้เห็นว่าพลังโซเชียลสามารถสร้างอะไรได้ดีๆได้ขนาดไหน"นอกจากนี้เขายังให้เหตุผลอีกว่าที่เขานำแหวนเพชรวงนี้ส่งคืนเจ้าของก็เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาเคยทำโทรศัพท์หายอยู่หลายครั้งและมีคนนำมาส่งคืนให้กับเขาทุกครั้งเขาก็เลยอยากจะส่งต่อความดีนี้ให้กับผู้อื่นเหมือนที่เขาได้รับมาเช่นกัน

ทั้งนี้ แอนดี้ยังกล่าวอีกว่าหลังจากที่หญิงชราคนนี้ได้แหวนกลับคืนมาแล้วเธอก็ดีใจอย่างมากเพราะในช่วงที่เธอทำแหวนหายเธอรู้สึกไม่สบายใจและไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากขอให้แหวนวงนี้กลับมาหาเธอซึ่งก็เป็นไปตามคำขอของเธอจริงๆ

นักวิทย์ทดลองตัดต่อพันธุกรรมยุงให้ทนต่อเชื้อมาลาเรีย หวังยับยั้งการระบาดของโรค

สำนักข่าวบีบีซี - นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ได้ทำการทดลองตัดต่อพันธุกรรมยุงให้สามารถทนทานต่อการติดเชื้อมาลาเรียได้ ถ้าหากการทดลองนี้ประสบความสำเร็จมันจะเป็นวิธีใหม่ที่ช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อมาลาเรียจากยุงมาสู่มนุษย์

งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐฯ(PNAS)ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้เพิ่ม ′ยีนต้านทาน′ ที่ได้รับการตัดต่อชื่อว่า Crispr ลงไปใน DNA ของยุงก้นปล่องสายพันธุ์ Anopheles stephensi ที่พบในประเทศอินเดีย และเมื่อยุงที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรมแล้วไปจับคู่ผสมพันธุ์ ลูกยุงที่เกิดใหม่ก็จะได้รับการถ่ายทอดยีนต้านทานชนิดนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งตามหลักทางทฤษฎีหากยุงที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรมเหล่านี้กัดมนุษย์ มันจะไม่สามารถส่งต่อเชื้อปรสิตที่ทำให้เกิดโรคมาลาเรียได้

นอกจากนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ยุงที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรมเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการขยายพันธุ์ยุงที่ทนทานเชื้อมาลาเรียขึ้นมาแทนที่ยุงที่เป็นพาหะนำโรคและยังหวังอีกว่าการทดลองนี้จะประสบความสำเร็จกับยุงสายพันธุ์อื่นๆด้วย

ในขณะนี้มีประชากรประมาณ 3,200 ล้านคนหรือเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรโลก มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อมาลาเรีย แม้ว่ามุ้ง, ยาฆ่าแมลงและสารป้องกัน จะสามารถป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัดหรือมีการแจกจ่ายยารักษาให้กับผู้ติดเชื้อก็ตาม แต่ในทุกๆปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคมาลาเรียมากถึงปีละ 580,000 ราย