สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ญี่ปุ่นได้ผุดบริการสุดเก๋ โดยผู้หญิงสามารถจ้างผู้ชายหน้าตาดี มาช่วยซับน้ำตาให้แก่พวกเธอ ซึ่งเป็นบริการใหม่ของสังคมญี่ปุ่นที่นิยมให้ผู้หญิงหรือผู้ชายให้บริการเพื่อเอาอกเอาใจลูกค้า
รายงานระบุว่า บริษัท"อิเคเมโซะ"ได้ผุดบริการเก๋ดังกล่าว โดยผู้ชายที่ทำหน้าที่นี้ จะคอยทำหน้าที่ช่วยเหลือ ให้การ"บำบัดการร้องไห้"เพื่อให้ลูกค้าสาวรู้สึกดี จากการได้รับการซับน้ำตาของหนุ่มผู้ให้บริการนี้
โดยเหล่าหญิงที่ต้องการใช้บริการนี้ สามารถเลือก"หนุ่มหล่อ"เหล่านี้ได้ โดยจะมีการบันทึกเปิดวิดีโอเศร้าสะเทือนอารมณ์เพื่อช่วยให้ลูกค้าผู้หญิงหลั่งน้ำตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะมีการซับน้ำตาจากหนุ่มหล่อที่ลูกค้าสาว ๆ เลือกสรร โดยบริการนี้คิดเป็นครั้งละ 7,900 หยวน (ราว 36,390 บาท) และจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้
ขณะที่บริษัทอิเคเมโซะ ได้โฆษณาว่า หากสาวๆ คนไหนต้องการจะร้องไห้"อย่างดี"หรือได้รับการ"ซับน้ำตา"อย่างนุ่มนวลทะนุถนอม เราขอให้คุณใช้บริการของเรา ขณะที่รายงานระบุเสริมว่า ธุรกิจนี้ตอนนี้อาจคล้ายการให้บริการต่อกลุ่มพนักงานบริษัท แต่ต่อไปมันจะอาจจะฮิต ขยายไปถึงเหตุการณ์ฉลองวันเกิดให้พวกสาว ๆ หรือแม้แต่ในงานแต่งงานของพวกเธอก็ได้
เช้าวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เดินทางมาเป็นประธานมอบรางวัลธุรกิจส่งออกดีเด่น ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ประจำปี 2558
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวช่วงหนึ่งว่า สถานการณ์ของโลกขณะนี้มีภัยคุกคามจากรอบด้าน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศระดับรายได้ปานกลางต้องสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจที่เข้มเเข็ง ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุผล รู้จักพอประมาณ มีคุณธรรม ภายใต้การกำกับของรัฐบาล ซึ่งการจะผลิตอะไรในขณะนี้ต้องคำนึงถึงตลาดเป็นสำคัญว่าสิ่งที่จะผลิตออกมาสามารถขายได้ เช่นเรื่องข้าวที่มีผู้ผลิตเยอะมาก จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนานวัตกรรมให้สินค้นมีความแปลกใหม่ เข้าถึงตลาดที่ดีขึ้นให้ได้
นอกจากนี้ยังเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์โลกปัจจุบัน โดยเฉพาะการแทรกเเซงจากต่างประเทศ ที่ตนเป็นห่วงมากโดยเฉพาะในไทย ที่มีคนพยายามชักจูงต่างประเทศเข้ามาแทรกเเซงการเมืองไทย เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในไทยควรจะถูกแก้ด้วยคนไทยกันเอง ซึ่งตนพยายามจะแก้ปัญหาประเทศอยู่ในขณะนี้ แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าพยายามสืบทอดอำนาจ หรือจะทำสิ่งดีๆก็จะถูกวิจารณ์เช่นนโยบายลดเวลาเรียน ทั้งที่เป็นการลดเวลาเพื่อเพิ่มการเรียนรู้ทางความคิด ไม่ได้เน้นวิชาการอย่างเดียว ทั้งนี้ตนพยายามจะผลักดันให้คนไทยนิยมเรียนอาชีวะมากขึ้นเพราะขณะนี้ โรงงานจะเข้ามาเปิดในเมืองไทยมากขึ้น แต่กลับไม่มีผู้ผลิตเพราะคนไทยมีค่านิยมไปเรียนระดับปริญญากันหมด ยืนยันว่าเเม้ตนจะถูกโจมตีทุกวันแต่ก็ตั้งใจทำเพื่อประชาชน โดยในทางวิชาการระดับประเทศเเม้นักวิชาการทุกคนจะยืนยันว่าระบอบประชาธิปไตยดีที่สุด แต่เมื่อใดที่ประเทศมีปัญหาจากประชาธิปไตย การเข้ามาแบบตนเองเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาได้ เรื่องนี้นักวิชาการระดับโลกทุกคนเห็นตรงกันแล้ว
นอกจากนี้ยังขอให้คนไทยช่วยกันประหยัดน้ำ เพราะประเมินแล้วว่าในปีหน้าจะมีปัญหาเรื่องภัยแล้งอีก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเผย ผลการพิจารณาข้อเท็จจริงการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว รู้ผลภายในปีนี้-เตรียมเชิญกลุ่มอุตสาหกรรมหารือมาตรการช่วยเหลือให้ตรงจุด
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการปาฐกถา"ใครคิดโกงเงินแผ่นดิน เท่ากับสิ้นความเป็นไทย" เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นของหลายรัฐบาลที่ผ่านมามีผลกระทบกับการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติ รัฐบาลนี้มีความตั้งใจจะแก้ไขปัญหา และส่งเสริมธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม การออกกฎระเบียบก็จะต้องมีความยืดหยุ่นสมดุล ไม่ตีกรอบจนผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถทำอะไรได้เลย ในส่วนของกระทรวงการคลัง กำลังเร่งปรับปรุงวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง ให้ประมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเอกชนที่ชนะประมูลต้องเซ็นสัญญาข้อตกลงคุณธรรมกับภาครัฐด้วย
นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า คณะกรรมการตรวจสอบทั้ง 2 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการตรวจสอบของสำนักนายกรัฐมนตรี และของกระทรวงการคลัง กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบ และน่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2558 จากนั้นจะส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลาง ประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าการตรวจสอบจะแล้วเสร็จก่อนคดีหมดอายุความอย่างแน่นอน
ส่วนแนวทางในการบริหารจัดการหนี้ ที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงความจำเป็นในการออกกฎหมายพิเศษเพื่อล้างหนี้ แต่ขณะนี้ไม่มีความจำเป็น เพราะความสามารถในการบริหารหนี้สาธารณะ ยังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ได้เชิญกลุ่มอุตสาหกรรม 4 ถึง 5 กลุ่ม เข้ามาหารือถึงปัญหา และแนวทางที่ต้องการให้รัฐช่วยเหลือ และยังเตรียมเชิญอีกหลายกลุ่มเข้าหารือ เพื่อให้สามารถให้การช่วยเหลือแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมได้ตรงจุด รวมถึงพิจารณามาตรการสนับสนุนรายอุตสาหกรรม ที่รัฐบาลจะสนับสนุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
วันที่ 16 ก.ย. - นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. โพสต์เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I′m No.5 ถึงกรณีที่นายมาร์ค เคนท์ (H.E. Mark Kent) เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เขียนบทความเนื่องในวันประชาธิปไตยสากลของสหประชาชาติและบรรดาชาติสมาชิก ซึ่งตรงกับวันที่ 15 กันยายนของทุกปี
โดยนายชูวิทย์ ระบุว่า ผมรู้จัก Mark Kent เอกอัคราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยมาหลายปี ท่านเข้าใจสถานการณ์การเมืองไทยเป็นอย่างดี ท่านเขียนข้อความผ่านบล็อกส่วนตัวเนื่องในวันประชาธิปไตยสากลของสหประชาชาติว่า
"กฎหมายมีผลต่อทุกๆคนเท่าเทียมกันไม่เว้นแม้แต่รัฐบาลเองประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงแค่การมีรัฐธรรมนูญที่เหมาะสมเพราะแม้แต่ประเทศอังกฤษเองยังไม่มีรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษรเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับผู้มีส่วนร่วมที่สำคัญมากกว่าจะเอาแต่โทษนักการเมืองและพรรคการเมืองว่าเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหลายในประเทศ นักการเมืองมีทั้งดีไม่ดีเช่นเดียวกับคนในสังคม แต่พรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญในระบอบประชาธิปไตย พรรคเป็นผู้นำปัญหาแปรเปลี่ยนเป็นนโยบายสาธารณะ เพื่อเป็นตัวเลือกในการเลือกตั้งให้ง่ายขึ้นสำหรับผู้ลงคะแนน และเมื่อเป็นฝ่ายค้าน พรรคการเมืองก็เป็นผู้สังเกตการณ์และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล"
ท่านทูตเข้าใจประชาธิปไตยอย่างดีเยี่ยมสมกับที่อังกฤษเป็นแม่บทประชาธิปไตยคนอังกฤษมีสุภาษิตบอกไว้ว่า"ประชาชนเป็นอย่างไรก็มักจะได้รัฐบาลที่เป็นอย่างนั้น"
ทำไม มาร์ค อภิสิทธิ์ ถึงคิดไม่ได้อย่าง มาร์ค เคนท์ บ้างก็ไม่รู้?
เพราะหากวันนั้น มาร์ค อภิสิทธิ์ เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย และใช้วิธีการต่อสู้ในระบบรัฐสภาต่อไป ยิ่งรัฐบาลเหิมเกริมใช้อำนาจในทางที่ผิดมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสของฝ่ายค้านที่จะกลับมาเป็นรัฐบาลยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ป่านนี้คงมีแต่คนชื่นชมยกย่อง มาร์ค อภิสิทธิ์ เสียดายว่าวันเวลาย้อนกลับไปไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ได้ออกคำแถลงว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศตุรกีได้กล่าวถึงรายงานข่าวที่ว่าผู้ต้องสงสัยหลักในเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ หลบหนีไปยังประเทศตุรกี ว่าทางตุรกียังไม่ได้รับรายชื่อและข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ไทยอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการรายงานข่าวดังกล่าว โดยเมื่อเช้าวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทยได้เข้าพบกระทรวงการต่างประเทศของไทย พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถึงทางการไทยเพื่อสอบถามว่าเรื่องกล่าวจริงหรือไม่ ขณะเดียวกันนั้นทางตุรกีกำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นอยู่ โดยสิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือทางการไทยควรให้ข้อมูลของบุคคลดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ของตุรกี ขั้นตอนการร้องขอเพื่อสอบถามสามารถเกิดขึ้นได้ภายหลังจากที่ข้อมูลเหล่านั้นได้ถูกส่งมา ทั้งนี้ทางตุรกีได้มีการติดต่อกับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอังการา ประเทศตุรกี อย่างไรก็ตามตนไม่สามารถระบุได้ว่าบุคคลดังกล่าวได้เข้ามาที่ประเทศตุรกีหรือไม่ ดังที่ได้มีการรายงานข่าว
จากรายงานของเอเอฟพี เจ้าหน้าที่มาเลเซียฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่เดินขบวนแสดงความสนับสนุนต่อรัฐบาลในวันนี้ (16 กันยายน) หลังกลุ่มผู้เดินขบวนพยายามบุกเข้าสู่ย่านการค้าของคนเชื้อสายจีน
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตือนกลุ่มคนเสื้อแดงมิให้เดินทางเข้าสู่ถนนเปตาลิง และให้เวลากลุ่มผู้ชุมนุมสลายตัวใน 10 นาที โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแถวป้องกันก่อนใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงกับผู้ชุมนุม
รายงานระบุว่าร้านค้าส่วนใหญ่บนถนนเปตาลิงต่างปิดให้บริการ เนื่องจากเกรงว่าการชุมนุมจะก่อให้เกิดความรุนแรง และระหว่างการชุมนุมมีคนเสื้อแดงบางส่วนได้ตะโกนคำพูดในลักษณะเหยียดเชื้อชาติใส่นักข่าวเชื้อสายจีนด้วย
การชุมนุมครั้งนี้มีขึ้นเพื่อสนับสนุนรัฐบาลที่กำลังถูกโจมตีอย่างหนัก และเพื่อแสดงให้เห็นถึงอำนาจครอบงำทางการเมืองโดยกลุ่มชนส่วนใหญ่ที่มีเชื้อสายมาเลย์ ซึ่งหลายฝ่ายต่างแสดงความกังวลต่อการชุมนุมในครั้งนี้ ที่มีการใช้ประเด็นทางเชื้อชาติมาสนับสนุนจนเกินเหตุ
สมาชิกพรรคอัมโนเป็นแกนนำในการจัดตั้งการชุมนุมครั้งนี้ เพื่อตอบโต้การประท้วงขับไล่นายนาจิบราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อเดือนที่แล้ว จากข้อหาพัวพันการทุจริตทางการเงิน
ผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมส่วนใหญ่ในเป็นคนรุ่นใหม่เชื้อสายมาเลย์ที่พากันสวมเสื้อ "UMNO" สีแดง หลายคนแบกป้ายเดินขบวนและตะโกนคำขวัญต่างๆ เช่น "ชาวมาเลย์จงเจริญ"
"ผมมาที่นี่เพื่อปกป้องสิทธิของคนมาเลย์" อัสวัดชารีวัย 25 ปี ที่เดินทางมาจากชนบทด้วยรถโดยสารที่จัดหามาโดยกลุ่มผู้จัดการชุมนุมกล่าว
พรรคอัมโนได้ครองอำนาจในประเทศมาเลเซียมานานกว่า 58 ปี โดยมีนโยบายสงวนสิทธิด้านเศรษฐกิจและสิทธิพิเศษอื่นๆ ไว้สำหรับชาวมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ ขณะเดียวกันมาเลเซียยังมีชนกลุ่มน้อยขนาดใหญ่อีกสองกลุ่ม คือกลุ่มเชื้อสายจีนที่มีราวหนึ่งในสี่ของประชากรทั้งหมด และอินเดียอีกราว 10 เปอร์เซนต์
อย่างไรก็ตาม พรรคอัมโนต้องเผชิญกับการเสื่อมความนิยมจากข้อกล่าวหาด้านการทุจริตการกดขี่และการโกงเลือกตั้ง ทำให้พรรคพยายามชูประเด็นด้านเชื้อชาติเพื่อเรียกเสียงสนับสนุนจากชาวมุสลิมมาเลย์ จนนำไปสู่ความตึงเครียดระหว่างชาวมาเลเซียต่างเชื้อสาย
แม้กลุ่มผู้จัดการชุมนุมอ้างว่าการชุมนุมจะเป็นไปโดยสงบ แต่ยังถูกวิจารณ์จากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านว่าพยายามยั่วยุประเด็นทางเชื้อชาติที่เคยเป็นเหตุนำไปสู่การจลาจลจากความแตกแยกทางชาติพันธุ์ในปี 1969 ซึ่งเหตุดังกล่าวยังคงถูกเล่าขานสืบมาเพื่อคอยเตือนใจคนรุ่นหลัง
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012