ไบเดนประกาศ – บีบีซี รายงานว่า “นกอินทรีหัวขาว” ได้รับการรับรองเป็นสัตว์ประจำชาติของสหรัฐอเมริกา หลังถูกใช้เป็นตรารับรองเอกสารราชการมานาน 242 ปี โดย ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ลงนามเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อบังคับใช้กฎหมายให้นกอินทรีหัวขาวเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าสหรัฐใช้นกอินทรีหัวขาวเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติมานาน รวมถึงเป็นมหาลัญจกรประทับบนเอกสารทางการมาตั้งแต่ปี 2325 แต่ไม่เคยประกาศให้เป็นสัตว์ประจำชาติอย่างเป็นทางการ กระทั่งสภาคองเกรสเพิ่งผ่านร่างกฎหมายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและส่งให้นายไบเดนลงนามในวันคริสต์มาสอีฟ...
นายแจ๊ก เดวิส ประธานร่วมโครงการนกแห่งชาติประจำศูนย์อินทรีแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ว่าชาวอเมริกันถือว่านกอินทรีหัวขาวเป็นสัตว์ประจำชาติมานานเกือบ 250 ปี ทั้งที่ไม่เคยประกาศอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่บัดนี้จึงขอประกาศให้นกอินทรีหัวขาวเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ และว่าไม่มีนกชนิดไหนที่เหมาะสมกว่านี้อีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีผู้ไม่เห็นด้วยกับการนำอินทรีหัวขาวมาเป็นสัญลักษณ์ รวมถึง นายเบนจามิน แฟรงคลิน หนึ่งในบิดาผู้สร้างชาติของสหรัฐ เพราะเห็นว่านกชนิดนี้บกพร่องทางศีลธรรม...
ส่วนกระทรวงทหารผ่านศึกสหรัฐเห็นด้วยกับการยกย่องนกชนิดนี้ให้เห็นสัญลักษณ์ประจำชาติเนื่องจากนกอินทรีมักใช้เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความเข้มแข็ง ความกล้าหาญ อิสรภาพ และความเป็นอมตะมาหลายชั่วอายุคน แต่นกอินทรีขาวแตกต่างจากอินทรีชนิดอื่นๆ ตรงที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือเท่านั้น
สำหรับกฎหมายฉบับนี้ได้รับการเสนอและผลักดันจากกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐมินนิโซตาซึ่งเป็นหนึ่งในถิ่นอาศัยของอินทรีหัวล้านมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ นกอินทรีหัวขาวยังเป็นสัตว์คุ้มครองตามกฎหมายสัญลักษณ์แห่งชาติปี 2483 ห้ามขายหรือล่าเนื่องจากเสี่ยงสูญพันธุ์ แต่ความพยายามในการอนุรักษ์ประสบผลสำเร็จจนจำนวนเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ปี 2552...
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2567 กล่าวว่า อดีตนายกรัฐมนตรีมันโมฮัน สิงห์ ของอินเดียถึงแก่อสัญกรรมอย่างกระทันหันด้วยวัย 92 ปี จากปัญหาสุขภาพ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอินเดียกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า
การอสัญกรรมของสิงห์ซึ่งมีผลงานจากการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศจนทำให้อินเดียก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจ นำมาซึ่งความโศกเศร้ากับการสูญเสียผู้นำที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่ง
"ในฐานะนายกรัฐมนตรีของเรา เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน" โมดีกล่าว
แถลงการณ์ของสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลอินเดียระบุว่า มันโมฮัน สิงห์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงนิวเดลีหลังจากที่เขาหมดสติที่บ้านพักมื่อวันพฤหัสบดี แต่แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตได้และเขาจากไปอย่างสงบในเวลา 21.51 น. ตามเวลาท้องถิ่น
สิงห์ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2004- 2014 ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจจนทำให้อินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสี่ของเอเชียในวาระแรกของเขา แม้ว่าการเติบโตที่ชะลอตัวในช่วงหลายปีหลังๆ ส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งวาระที่สองของเขาก็ตาม
ราหุล คานธี หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านกล่าวในแถลงการณ์ว่า มันโมฮัน สิงห์เป็นผู้นำอินเดียที่เปี่ยมด้วยภูมิปัญญาและความซื่อสัตย์อันยิ่งใหญ่
"พวกเราหลายล้านคนที่ชื่นชมเขา จะจดจำเขาด้วยความภาคภูมิใจอย่างที่สุด" คานธีซึ่งเป็นลูกหลานของราชวงศ์เนห์รู-คานธีที่ทรงอำนาจของอินเดียและผู้ท้าชิงที่โดดเด่นที่สุดของโมดี กล่าว
มัลลิการ์จุน คาร์จ หัวหน้าฝ่ายค้านในสภาสูงของรัฐสภา กล่าวเช่นกันว่า "อินเดียสูญเสียนักการเมืองผู้มีวิสัยทัศน์, ผู้นำที่มีความซื่อสัตย์สุจริต และนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้"
ขณะที่ประธานาธิบดีดรูปาดี เมอร์มู กล่าวว่า "สิงห์จะถูกจดจำตลอดไปสำหรับการรับใช้ประเทศด้วยชีวิตทางการเมืองที่ไร้มลทิน และด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่สุด"
มันโมฮัน สิงห์เกิดเมื่อปี 1932 ในหมู่บ้านชื่อกาห์ (ปัจจุบันคือพื้นที่ในปากีสถาน) เขาศึกษาเศรษฐศาสตร์เพื่อหาหนทางขจัดความยากจนในอินเดีย และไม่เคยได้รับการเลือกตั้งมาก่อนจนกระทั่งได้ตำแหน่งสูงสุดของประเทศ
เขาได้รับทุนการศึกษาเพื่อเข้าเรียนที่เคมบริดจ์ ซึ่งเขาจบอันดับหนึ่งด้านเศรษฐศาสตร์ และที่ออกซ์ฟอร์ด ซึ่งเขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก
สิงห์เคยทำงานในตำแหน่งพลเรือนระดับสูงหลายตำแหน่ง, ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลาง และยังเคยทำงานให้กับหน่วยงานระดับโลกหลายแห่ง รวมถึงสหประชาชาติด้วย
ผลงานในวาระแรกของการดำรงตำแหน่งนายกฯ สิงห์ได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตถึงร้อยละ 9 และช่วยให้อินเดียมีอิทธิพลในระดับนานาชาติอย่างที่ใฝ่ฝันมานาน
เขายังได้ลงนามข้อตกลงนิวเคลียร์สำคัญกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขากล่าวว่าจะช่วยให้อินเดียตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สิงห์ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม "มิสเตอร์คลีน" กลับมีภาพลักษณ์ที่มัวหมองในช่วงที่ดำรงตำแหน่งยาวนานกว่าทศวรรษ เมื่อคดีทุจริตหลายคดีถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
หลายเดือนก่อนการเลือกตั้งปี 2014 สิงห์กล่าวว่าเขาจะเกษียณหลังการเลือกตั้งครั้งนั้น โดยจะให้ราหุล คานธีเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนหากพรรคคองเกรสได้รับชัยชนะ
แต่พรรคคองเกรสประสบความล้มเหลวในการเลือกตั้งครั้งนั้น เนื่องจากพรรคภารติยะชนะตา (บีเจพี) ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมฮินดูที่นำโดยโมดี ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย
สิงห์ซึ่งเคยกล่าวว่านักประวัติศาสตร์จะใจดีกับเขามากกว่าผู้ที่คอยวิพากษ์วิจารณ์เขาในปัจจุบัน ได้กลายมาเป็นนักวิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของโมดีอย่างเปิดเผย และล่าสุดก็ได้เตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ความตึงเครียดระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ที่เพิ่มมากขึ้นอาจส่งผลต่อระบอบประชาธิปไตยของอินเดียได้.
ใกล้ผ่านพ้นเข้าไปทุกขณะ สำหรับ ปี 2024 (พ.ศ. 2567) ที่กำลังจะหมดสิ้นไป พร้อมกับปี 2025 (พ.ศ. 2568) ที่จดจ่อจะมาถึง
โดยตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา ทางบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยา ต่างเอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นปีที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างโหดร้ายปีหนึ่ง
นอกจากคร่าชีวิตผู้คนพลเมืองโลกไปเป็นจำนวนมากแล้ว ก็ยังสร้างความเสียหายทางทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่าอย่างสุดเหลือคณานับ
ตามการเปิดเผยของ “องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก” หรือ “ดับเบิลยูเอ็มโอ” (WMO : World Meteorological Organization) องค์กรซึ่งเป็นทบวงชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็น อันมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ดำเนินการศึกษาติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกในรอบปีนี้ ก่อนจัดทำเป็นรายงานเผยแพร่ออกมา
โดย “ดับเบิลยูเอ็มโอ” ระบุในรายงานว่า จากการศึกษาติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่บังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของโลกเรา แบบยังไม่ครบ 12 เดือนดีด้วยซ้ำ แต่ก็ได้พบกับตัวเลขอันน่าสะพรึงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวเลของผู้เสียชีวิต และความเสียหายทางทรัพย์สิน จากการได้รับผลกระทบของภัยพิบัติทางธรรมชาติในรอบปีที่กำลังจะผ่านพ้นไป
นอกจากนี้ มิใช่แต่เฉพาะกลุ่มประเทศยากจน หรือที่กำลังพัฒนาเท่านั้น ที่ได้รับความเสียหายอย่างน่ากังวล แม้กระทั่งกลุ่มประเทศร่ำรวย ที่ได้ชื่อว่า พัฒนาแล้ว ก็ถูกพิบัติภัยธรรมชาติเล่นงาน จนเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนอย่างน่าสะพรึงไม่แพ้กัน
ยกตัวอย่าง “สหรัฐอเมริกา” ประเทศที่ได้ชื่อว่า มหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก ปรากฏว่า ทันทีที่เริ่มฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน คือ ช่วงต้นกับกลางปีที่ผ่านมานั้น ก็ประสบกับเหตุพายุทอร์นาโดพัดถล่มเป็นประเดิม บ้านเรือนของประชาชนชาวลุงแซมพังยับเป็นบริเวณกว้าง
ตามมาด้วยการเกิดปรากฏการณ์ไฟป่า ที่เผาไหม้จากผืนป่า ลุกลามมาถึงชุมชน ที่อาศัยของชาวเมือง นอกจากนี้ ยังเกิดพายุเฮอร์ริเคนหลายต่อหลายลูก ซึ่งทั้งไฟป่า และมหาวาตภัยพายุเฮอร์ริเคน ก็ถูกจัดให้เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติประจำประเทศสหรัฐฯ ก็ว่าได้ เพราะผจญภัยกันเป็นประจำทุกปี และแต่ละปีก็หลายระลอกอีกต่างหากด้วย
รายงานการศึกษาติดตามของ “ดับเบิลยูเอ็มโอ” ระบุว่า สหรัฐฯ ผจญกับภัยธรรมชาติที่สืบเนื่องจากความวิปริตแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศไม่น้อยกว่า 24 ครั้งในรอบปีนี้
พร้อมยกตัวอย่าง พิษภัยของพายุเฮอร์ริเคนที่ชื่อ “เฮเลน” พัดกระหน่ำพื้นที่รัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมานั้น ก็ก่อให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องคิดเป็นอัตราเฉลี่ยก็สูงถึง 20 นิ้ว เป็นเหตุให้เกิดภาวะน้ำท่วมสูงฉับพลันตามมาบริเวณกว้างหลายพื้นที่
ทาง “ดับเบิลยูเอ็มโอ” ยังคาดการณ์ไว้ในรายงานด้วยว่า สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ อันสืบเนื่องจากวิกฤติแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่จำนวนมากขึ้น คือ เกิดถี่ขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย
ในขณะเดียวกัน หลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ก็ประสบกับเหตุแผ่นดินไหว เช่น ที่อิหร่าน และน้ำท่วมสูงฉับพลันครั้งใหญ่ สร้างความเสียหายกันอย่างหนัก อาทิเช่นที่เกิดกับประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในนครดูไบ
ขณะที่ พื้นที่สองริมฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ว่าจะเป็นฟากตะวันออก อันเป็นภูมิภาคอเมริกา ทั้งอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และทางฝั่งตะวันตก คือ ภูมิภาคเอเชีย ก็เผชิญกับภาวะคลื่นอากาศร้อนจัด ซึ่งภาวะคลื่นอากาศร้อนข้างต้น ก็ส่งผลให้เกิดพายุลูกใหญ่ที่พัดกระหน่ำอย่างรุนแรงตามมาหลายระลอก โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป
อย่างทางฝั่งตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก ข้ามมาถึงมหาสมุทรแอตแลนติก เรียกว่า พายุเฮอร์ริเคน ส่วนทางฟากตะวันตกของสมุทรแปซิฟิก คือ ภูมิภาคเอเชียเรา ก็เรียกว่า พายุไต้ฝุ่น แต่ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ล้วนสร้างความเสียหายให้แก่มนุษยชาติเราแทบทั้งสิ้น
ยกตัวอย่าง พายุไต้ฝุ่น “ยางิ” จากมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่น ระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับความรุนแรง หรือความเร็วลมขั้นสูงสุด พัดถล่มในหลายพื้นที่ของทางฟากตะวันตกของมหาสมุทรแห่งนี้ นอกจากแรงพายุจะพัดกระหน่ำจนสร้างความเสียหายในเบื้องต้นแล้ว อิทธิพลของพายุ ก็ยังทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง จนกลายเป็นน้ำท่วมสูงฉับพลันในหลายประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม เมียนมา หรือหลายจังหวัดในภาคเหนือของไทยก็ตาม จนมีผู้เสียชีวิตรวมแล้วไม่น้อยกว่า 600 คน เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา จากน้ำท่วมและดินโคลนถล่มด้วยสภาพที่น่ากลัว
ขณะที่ หลายประเทศในภูมิภาคยุโรป ก็เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ อันสืบเนื่องจากวิกฤติอากาศแปรปรวนเช่นกัน
ยกตัวอย่างพื้นที่ที่เสียหายอย่างหนักในปีนี้ นั่นคือ “สเปน” หลังพิษภัยของพายุ ได้ส่งอิทธิพลให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ปริมาณน้ำฝน ได้ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมสูงฉับพลันเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ของแคว้นบาเลนเซีย ทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งน้ำที่ท่วมสูง ยังพัดพาเอาดินโคลนลงมาถล่มชุมชนหลายแห่งอีกด้วย ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 231 ราย มูลค่าความเสียหายก็ไม่น้อยกว่า 3.5 พันล้านยูโร คิดเป็นเงินไทยก็ราวกว่า 1.25 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ยังหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ เช่น อินเดีย และปากีสถาน รวมถึงอัฟกานิสถาน ในภูมิภาคเอเชียกลาง ที่ผจญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ เช่น น้ำท่วมสูงฉับพลัน ดินโคลนถล่ม คร่าชีวิตผู้คน และทรัพย์สินไปอย่างมหาศาล โดยทาง “ดับเบิลยูเอ็มโอ” เรียกร้องให้ทุกภาคส่วน เร่งแก้ไขวิกฤติภาวะโลกร้อน ซึ่งถือเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ ข้างต้น ไม่ให้เลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่
เหตุฝนตกหนักจนก่อให้เกิดดินโคลนถล่มที่อินเดีย ที่คร่าชีวิตผู้คน และยังทำลายบ้านเรือน ตลอดจนทรัพย์สินต่างๆ (Photo : AFP)
พรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของเกาหลีใต้ ได้ยื่นญัตติถอดถอนนายฮัน ด๊อก-ซู รักษาการประธานาธิบดี เพียง 2 สัปดาห์หลังการลงมติถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอกยอล
พรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของเกาหลีใต้ ได้ยื่นญัตติถอดถอนนายฮัน ด๊อก-ซู รักษาการประธานาธิบดี เพียง 2 สัปดาห์หลังการลงมติถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอกยอล การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่นายฮันกล่าวว่า เขาจะไม่แต่งตั้งผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญจนกว่าพรรคคู่แข่งจะประนีประนอมทางการเมือง
พรรคประชาธิปไตยให้คำมั่นว่าจะถอดถอนนายฮัน เว้นแต่รักษาการประธานาธิบดีจะอนุมัติการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากสมัชชาแห่งชาติซึ่งควบคุมโดยพรรคฝ่ายค้าน จะลงมติเรื่องการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ
หากได้รับการแต่งตั้ง ผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งสามคนจะเข้าดำรงตำแหน่งที่ว่างในคณะตุลาการ 9 คนของศาล ซึ่งปัจจุบันมีผู้พิพากษา 6 คน เพื่อพิจารณาคดีการถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ตามกฎหมาย ซึ่งจำเป็นต้องมีคะแนนเสียงอย่างน้อย 6 เสียงจึงจะเพียงพอต่อญัตติถอดถอนได้
พรรคประชาธิปไตย มีแผนที่จะเสนอญัตติดังกล่าวให้ลงมติในที่ประชุมสภาในวันที่ 27 ธ.ค. นี้ ตามกฎหมาย ญัตติถอดถอนจะต้องได้รับการลงมติภายใน 24 ถึง 72 ชั่วโมงหลังจากที่รายงานไปยังที่ประชุมใหญ่สมัชชาแห่งชาติ และเพื่อให้ญัตติดังกล่าวประสบผลสำเร็จ ต้องมีสมาชิกรัฐสภา 151 คนจากทั้งหมด 300 คนลงคะแนนเสียงเห็นชอบ ปัจจุบัน พรรคประชาธิปไตยครองที่นั่งในรัฐสภา 170 ที่นั่ง จากทั้งหมด 300 ที่นั่ง โดยกลุ่มฝ่ายค้านครองที่นั่งรวมกัน 192 ที่นั่ง
นายพัก ชานแด หัวหน้าพรรคประชาธิปไตย กล่าวว่า "นายฮันเปิดเผยว่าตนเองเป็นรักษาการผู้ก่อกบฏ ไม่ใช่รักษาการประธานาธิบดี" ฝ่ายค้านยังกล่าวหานายฮันว่าให้การช่วยเหลือความพยายามใช้กฎอัยการศึกของนายยุนเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ก่อนหน้านี้ นายฮันได้ขอโทษที่ไม่สามารถขัดขวางการลงมติดังกล่าวได้
... นอกจากนี้ ฮันยังใช้สิทธิ์ยับยั้งร่างกฎหมายหลายฉบับที่นำโดยฝ่ายค้าน รวมถึงฉบับที่เสนอให้มีการสอบสวนพิเศษเกี่ยวกับการประกาศกฎอัยการศึกของยุนซึ่งมีผลบังคับใช้เพียงช่วงสั้นๆ
พรรคฝ่ายค้านต่างหวังว่านายฮันจะไม่ขัดขวางการทำงาน ขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรักษาการ และเขาจะยอมให้มีการผ่านร่างกฎหมายแต่เขากลับยืนกราน ส่งผลให้ความขัดแย้งทางการเมืองทวีความรุนแรงมากขึ้น
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. นายฮันได้สรุปการประชุมคณะรัฐมนตรีโดยไม่ได้พิจารณาร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่สนับสนุนโดยฝ่ายค้าน ซึ่งเรียกร้องให้มีการสอบสวนพิเศษเกี่ยวกับการประกาศกฎอัยการศึก และข้อกล่าวหาการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับคิมกึนฮี สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เขากล่าวว่าไม่ได้นำเรื่องเหล่านี้เข้าสู่วาระการประชุมเพื่อให้ฝ่ายปกครองและฝ่ายค้านมีเวลามากขึ้นในการหาข้อยุติร่วมกัน
แต่นายพัก ชานแด กล่าวโจมตีนายฮันว่าพยายามซื้อเวลาและยืดเวลาการก่อจลาจล "เราเตือนอย่างชัดเจนแล้วว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีฮัน ด๊อก-ซู โดยสิ้นเชิงว่าเขาจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะบุคคลน่าละอาย เป็นหุ่นเชิดของยุน ซอก ยอล หัวหน้ากลุ่มกบฏ หรือเป็นข้าราชการที่ปฏิบัติตามคำสั่งของประชาชนอย่างซื่อสัตย์"
ด้านพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล กล่าวว่าการคุกคามของฝ่ายค้านได้ขัดขวาง "การใช้สิทธิอำนาจโดยชอบธรรม" ของนายฮัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานนายกรัฐมนตรี วิพากษ์วิจารณ์การคุกคามดังกล่าวว่า "น่าเสียดายอย่างยิ่ง"
นายฮันเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรักษาการ หลังจากที่นายยุนถูกขับออกจากตำแหน่งเมื่อต้นเดือนนี้ หากสมาชิกรัฐสภาลงคะแนนเสียงให้ถอดถอนนายฮัน นายชเว ซังม็อก รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อไป.
ที่มา Yonhap