ข่าว
ร้อนตับแตก! ญี่ปุ่นอุณหภูมิพุ่งแตะ 40 องศาฯ รัฐบาลเตือนเลี่ยงออกกลางแจ้ง

3 สิงหาคม 2565 สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) เตือนประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยจากความร้อนท่ามกลางอุณหภูมิที่เพิ่มสูงกะทันหัน ขณะรัฐบาลออกคำเตือนให้ผู้คนดื่มน้ำเพียงพอ เลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นหรือการออกกำลังกายกลางแจ้ง รวมถึงใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อหลีกเลี่ยงโรคลมแดดและอาการเพลียแดด

สำนักฯ เผยการคาดการณ์อุณหภูมิพุ่งสูงในเมืองคูมางายะทางตอนเหนือของกรุงโตเกียว (41 องศาเซลเซียส) จังหวัดนาโกย่าทางตอนกลางของญี่ปุ่น (39 องศาเซลเซียส) และพื้นที่ใจกลางกรุงโตเกียว (37 องศาเซลเซียส) พร้อมกล่าวว่าบริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมญี่ปุ่นเริ่มส่งผลให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นในวันอังคารที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ภูมิภาคโทโฮคุและฮอกไกโดทางตอนเหนือของญี่ปุ่นกำลังเผชิญฝนตกหนักขณะที่สภาพอากาศแปรปรวน ซึ่งสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค (NHK) เผยว่าสิ่งนี้มีปัจจัยจากการที่อากาศร้อนและชื้นพัดเข้าสู่บริเวณความกดอากาศต่ำและแนวปะทะอากาศในภูมิภาคตอนเหนือของประเทศ

นอกจากนั้นสถานีโทรทัศน์ฯ ระบุว่าภูมิภาคคันโต-โคชินทางตะวันออกของญี่ปุ่น อาจเผชิญสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงหลังจากนี้ เนื่องจากอุณหภูมิที่พุ่งสูงในตอนกลางวันและอากาศชื้น พร้อมเสริมว่าบางพื้นที่อาจเผชิญพายุฝนฟ้าคะนองและฝนตกรายชั่วโมงสูงกว่า 50 มิลลิเมตร

2 วันจำหน่ายสลากงวด 16 ส.ค.แล้ว 7.3 ล้านใบ ย้ำต้องการให้ซื้อได้จริงในราคา 80 บาท

เมื่อวันที่ 3 ส.ค.65นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยสลากดิจิทัล งวดวันที่ 16 สิงหาคม 2565 จำนวน 9,092,500 ใบ ที่จำหน่ายผ่านแอป “เป๋าตัง” ณ เวลา 23.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2565 จำหน่ายสลากแล้ว 7,313,672 ใบ จำนวนผู้ซื้อสลาก 1,066,413 ราย คงเหลือสลากในระบบ 1,778,828 ใบ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นย้ำว่าการทำงานของรัฐบาลคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกกลุ่ม และมีเจตนาที่ต้องการแก้ปัญหาสลากแพง โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ คำนึงถึงประชาชนทุกคนทั่วประเทศจะต้องได้รับความเป็นธรรม สามารถซื้อสลากฯ ได้ในราคา 80 บาท โดยในเดือน ส.ค. ได้เพิ่มจุดจำหน่ายสลากฯ 80 บาทครบตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,077 จุดทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าถึงสลากฯ ราคา 80 บาทได้มากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน


ไฟไหม้บ่อขยะขนาดใหญ่ นครปฐม บนเนื้อที่ 7 ไร่ ควบคุมเพลิงนานกว่า 9 ชม.

3 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุไฟไหม้บ่อขยะขนาดใหญ่บริเวณหลังวัดหัวถนน หมู่ที่ 3 ต.ห้วยด้วน อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ในที่เกิดเหตุเป็นบ่อทิ้งขยะของเอกชนจำนวนเนื้อที่ 7 ไร่ เป็นบ่อดินลึกกว่า 12 เมตร ช่วงเช้าไฟได้ลุกไหม้ ยังไม่สามารถควบคุมไฟได้จนช่วงประมาณ 18.00 น.ที่ผ่านฝนตกหนักจึงทำให้เหลือแต่กลุ่มควัน

เบื้องต้น จากการสอบถามพระครูวิถีธรรมประวรต เจ้าอาวาสวัดหัวถนน เล่าว่าช่วงเวลาประมาณ 08.00น. ได้ไปด้านหลังวัดเพื่อที่ไปตัดไม้ ก็ได้เห็นกลุ่มควันค่อยโหมลุกไหม้ขึ้นเป็นควันสีดำ ทางเจ้าอาวาสจึงโทรแจ้งประสานหน่วยบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่นครปฐม ,นนทบุรี ,กทม.มาตรวจสอบ บ่อขยะนี้ก็ยังมีขยะมาทิ้งที่นี่เหมือนเดิม ยังมีคนเข้าออกตลอด และมีหมู่บ้านหลายหมู่ หลายตำบลที่อยู่ติดกับบ่อขยะอีกด้วย

นายคมสัน เจริญอาจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้ลงพื้นที่พร้อมระดมรถฉีดน้ำจากเทศบาลใกล้เคียง หน่วยบรรเทาสาธารณภัยนำรถดับเพลิง กว่า 40 คัน เข้าระดมฉีดน้ำอย่างเร่งด่วน พร้อมสั่งให้หน่วยงานเกี่ยวข้องจัดกำลังดูแลชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากควันไฟ ในครั้งนี้ด้วย คาดว่าต้องใช้เวลาในการฉีดน้ำเลี้ยงเพื่อไม่ให้ไฟประทุขึ้นมาอีกไม่เกิน 2 วัน แต่ถ้าฝนตกหนักก็จะเข้าสู่เหตุการณ์ปกติได้เร็วขึ้น

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบห้องเช่าใกล้ที่เกิดเหตุพบ น.ส.พชรี ยี่รัมย์ อายุ 34 ปี ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ม.7 ต.ห้วยพระ อ.ดอนตูม นครปฐม กล่าวว่า ตอนนี้ตัแต่เช้ามีควันดำพอช่วงสายมีควันและกลิ่นเหม็นเผาขยะเข้ามาในห้อง จึงต้องพาเด็กๆไปอยู่ที่อื่นก่อน กลิ่นควันเหม็นและแสบตาคล้ายจะอาเจียน ตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานของรัฐเข้ามาตรวจสอบ หรือถ้าสั่งให้ตนออกไปอยู่ที่อื่นก็ไม่ไปเพราะเป็นห่วงบ้านจึงไม่อยากจะอพยพไปอยู่ที่ไหนเลย


เปิดไทม์ไลน์‘ฝีดาษลิง’รายที่ 3 เสี่ยงสูง 7 ราย-ลุ้นผลแฟนสาว

วันที่ 3 สิงหาคม 2565 เวลา 13.40 น. นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สำนักงานสาธารณสุข จ.ภูเก็ตแถลงข่าวการพบผู้ติดเชื้อโรคผีดาษลิงหรือฝีดาษวานรในพื้นที่ จ.ภูเก็ตเป็นรายที่ 2 และเป็นรายที่ 3 ของประเทศไทยว่า กรมควบคุมโรครายงานการพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงหรือฝีดาษวานรคนที่ 3 ของประเทศและเป็นรายที่ 2 ของ จ.ภูเก็ต โดย สสจ.ภูเก็ตได้รับรายงานเมื่อวันที่ 2 ส.ค.65 มีผู้ป่วยเข้าไปรักษาตัวที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการดักจับและเฝ้าระวังตามปกติ ซึ่งทาง รพ.สงสัยผู้ป่วยรายนี้ว่าอาจเป็นผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิง เนื่องจากมีอาการเข้าข่ายต้องสงสัย มีไข้ มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต จึงได้รับตัวไว้รักษา จากนั้นทีมแพทย์ได้เจาะเลือดส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ บ้านบางโจ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นศูนย์ที่สามารถตรวจสอบเชื้อโรคฝีดาษลิงได้ไม่เกิน 1 วัน จึงได้แจ้งให้ผู้ป่วยทราบ จากนั้นทีมสอบสวนโรคของ สสจ.ได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.เมืองภูเก็ต โดย รพ.ได้สอบประวัติของผู้ป่วย เบื้องต้นผู้ป่วยเป็นชายชาวเยอรมัน อายุ 25 ปี โดยเดินทางตรงมาจากประเทศเยอรมันมายัง จ.ภูเก็ตเมื่อวันที่ 18 ก.ค.65 และได้มาอยู่กับแฟนสาวชาวไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะท่องเที่ยวกับแฟนสาวตามสถานท่องเที่ยวต่างๆของ จ.ภูเก็ต และเมื่อวันที่ 23-24 ก.ค.65 เริ่มมีอาการไข้ มีผื่นขึ้นเล็กน้อย จากนั้นวันที่ 30-31 ก.ค.65 เริ่มมีผื่นขึ้นตามร่างกายมากขึ้น โดยเริ่มขึ้นที่อวัยวะเพศก่อน แต่ไม่มากและลามไปยังแขน ข้อมือ ต่อมาวันที่ 1 ส.ค.65 มีไข้และมีผื่นขึ้นมากขึ้นตามลำตัว วันที่ 2 ส.ค.65 จึงมาตรวจที่ รพ.เอกชนดังกล่าว โดยการเจาะเลือดและเพาะเชื้อ พร้อมกับรับตัวไว้รักษาที่ รพ.

"ทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่เพื่อสอบสวนโรค โดยพบว่าผู้ป่วยจะไปท่องเที่ยวกับแฟนสาวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้มีผู้สัมผัสใกล้ชิดที่สุด คือ แฟนสาวชาวไทย นอกจากนี้จะเป็นสมาชิกในครอบครัวของแฟนสาวชาวไทย เบื้องต้นราว 7 คน แต่จะเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น จะต้องสอบสวนโรคไปที่ละขั้นตอน"

นพ.สสจ.ภูเก็ตกล่าวเพิ่มเติมว่า ขั้นตอนแรกหลังพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงแล้ว ทีมสอบสวนโรคได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อย โดยผู้ป่วยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จากนี้จะเป็นขั้นตอนที่ 2 ในการสอบสวนผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย ซึ่งได้ยอดมาแล้วราว 7 คน การติดเชื้อของโรคดังกล่าวไม่ง่าย นอกจากสัมผัสโดยตรงและสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วย เนื้อแนบเนื้อ โดยทีมแพทย์ สสจ.จะต้องดำเนินการฆ่าเชื้อโรคในบ้านพักของผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิด พร้อมกับสร้างความมั่นใจและให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชนเกี่ยวกับโรคดังกล่าว โดยทั่วไปอาการไม่รุนแรง อาการจะหายเอง 2-3 สัปดาห์ สำหรับผู้ป่วยที่เป็นชายชาวเยอรมันนั้นน่าจะมีการติดเชื้อมาจากต่างประเทศ เนื่องจากระยะฟักตัวของเชื้อ 21 วัน ผู้ป่วยเข้ามายัง จ.ภูเก็ตวันที่ 18 ก.ค.65 แต่เริ่มมีอาการในวันที่ 23-24 ก.ค.65

ขณะนี้รอผลตรวจของแฟนสาวชาวไทย ซึ่งคาดว่าในวันที่ 4 ส.ค.65 จะทราบผล


'จีน'กำหนด 6 น่านฟ้าเป็นเขตอันตราย เตือนสายการบินเลี่ยงน่านฟ้าใกล้ไต้หวัน

3 ส.ค.65 สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐรายงานอ้างสายการบินและเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมของเกาหลีใต้ที่ได้รับหนังสือแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการจากจีนเมื่อช่วงค่ำวันอังคารว่า จีนได้ประกาศเตือนสายการบินที่ให้บริการในทวีปเอเชียหลีกเลี่ยงเส้นทางบินในน่านฟ้าใกล้ไต้หวัน และกำหนดให้น่านฟ้า 6 แห่งเป็นเขตอันตราย โดยจะใช้มาตรการจำกัดเที่ยวบินตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนวันพฤหัสบดีไปจนถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์

ในขณะเดียวกัน สายการบินเซี่ยเหมิน แอร์ไลน์ ของจีน ได้ประกาศปรับเส้นทางการบินบางส่วนเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างราบรื่นในมณฑลฝูเจี้ยน ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนและมีพรมแดนติดช่องแคบไต้หวัน

ส่วนสายการบินโคเรียน แอร์ ของเกาหลีใต้ ได้วางแผนปรับเส้นทางบินในเที่ยวบินบางส่วนที่ออกเดินทางไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าไต้หวันในระหว่างที่จีนกำลังซ้อมรบ ด้านสายการบินคาเธย์ แปซิฟิค ของฮ่องกง ได้รับคำแนะนำให้เตรียมน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองเพิ่มเพื่อให้ปฏิบัติการบินได้นานขึ้น 30 นาทีในกรณีที่อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางบินเพื่อเลี่ยงน่านฟ้าไต้หวัน

กระทรวงต่างประเทศของไต้หวันระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า การประกาศซ้อมรบด้วยกระสุนจริงของกองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีน และประกาศเตือนให้สายการบินหรือเรือบรรทุกสินค้าของประเทศต่าง ๆ เลี่ยงน่านฟ้าหรือน่านน้ำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อการค้าระหว่างประเทศและการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ


จีนสั่งระงับการนำเข้า'ผลไม้ตระกูลส้ม-ปลาแช่แข็ง 2 ชนิด'จากไต้หวัน

3 สิงหาคม 2565 สำนักข่าวซินหัวไทย รายงานว่า หม่า เสี่ยวกวง โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันแห่งคณะรัฐมนตรีจีน ระบุว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบนแผ่นดินใหญ่ของจีนจะระงับการนำเข้าผลไม้สกุลส้มและผลิตภัณฑ์ปลา 2 ประเภท จากภูมิภาคไต้หวัน เริ่มตั้งแต่วันพุธ

หม่า เสี่ยวกวง ระบุว่าการนำเข้าผลไม้สกุลส้ม อาทิ เกรปฟรุต มะนาว และส้ม รวมถึงปลาดาบเงินใหญ่แช่เย็นและปลาทูแขกแช่แข็งจากไต้หวัน จะถูกระงับตามข้อบังคับที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดด้านความปลอดภัยทางอาหารของแผ่นดินใหญ่ ขณะเดียวกันการส่งออกทรายธรรมชาติจากแผ่นดินใหญ่ไปยังไต้หวันจะถูกระงับเช่นกัน

'เมียนมา'ไม่สนแรงกดดันนานาชาติ อ้างประหาร 4 นักเคลื่อนไหวเพื่อความยุติธรรม

26 ก.ค.65 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายซอ มิน ตัน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา เผยวันนี้ว่า คำสั่งประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวทางการเมือง 4 คนไม่ได้เกิดขึ้นจากเรื่องส่วนตัว แต่เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และนักเคลื่อนไหวทั้งสี่คนก็ได้รับโอกาสให้ต่อสู้คดี ทั้งยังระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมาทราบอยู่ก่อนแล้วว่า คำสั่งประหารชีวิตดังกล่าว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีของเมียนมา จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ในขณะเดียวกัน นายไซฟุดดิน อับดุลเลาะห์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของมาเลเซีย ได้ออกมาตำหนิรัฐบาลทหารเมียนมาในวันนี้ว่า คำสั่งประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวการเมือง 4 คนเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เมียนมาไม่สมควรได้รับอนุญาตให้ส่งตัวแทนทางการเมืองเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีในเวทีนานาชาติ ทั้งยังระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมาตั้งใจเย้ยหยันแผนสันติภาพตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนด้วยการประกาศคำสั่งประหารดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ กัมพูชา ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ได้ตำหนิคำสั่งประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวการเมือง 4 คนเช่นกัน โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง และทำลายความพยายามระดับภูมิภาคเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตในเมียนมา ทั้งนี้ รัฐบาลทหารเมียนมาได้ประกาศประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวการเมือง 4 คน ซึ่งรวมถึงนายจ่อ มิน ยู วัย 53 ปี นักเรียกร้องประชาธิปไตยคนสำคัญที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ จิมมี และนายพโย จียา วัย 41 ปี นักดนตรีแนวฮิปฮอปและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นพันธมิตรกับนางออง ซาน ซู จี