3 มิถุนายน 2565: สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานความคืบหน้าเหตุกราดยิงกลางโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกา ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า นายไมเคิล หลุยส์ มือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงที่โรงพยาบาลเซนต์ฟรานซิส ในเมืองทัลซา รัฐเท็กซัส ตั้งใจเดินทางไปยังชั้น 2 ของอาคารนาตาลี ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ศัลยกรรมกระดูก เพราะต้องการจะสังหารนายแพทย์เพรสตัน ฟิลลิปส์ ศัลยแพทย์กระดูกวัย 59 ปี ที่รักษาตนเอง ซึ่งเขาอ้างว่านายฟิลลิปส์ทำให้เขามีอาการเจ็บหลังภายหลังจากผ่าตัด
นายเวนเดลล์ แฟรงคลิน ผู้บัญชาการตำรวจทัลซา แถลงว่า มือปืนได้ซื้อปืนไรเฟิลจากร้านขายปืนในพื้นที่เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันก่อเหตุ หลังจากที่ซื้อปืนพกจากโรงรับจำนำเมื่อ 3 วันก่อน ต่อมาได้ไปจอดรถบริเวณชั้น 2 ของอาคารจอดรถซึ่งเชื่อมกับอาคารนาตาลี และบุกเข้าไปพร้อมกับปืนกึ่งอัตโนมัติ เพื่อสังหารนายแพทย์ฟิลลิปส์ และทุกคนที่เข้ามาขวางทาง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ซึ่งประกอบไปด้วย นายแพทย์ฟิลลิปส์ที่เคยรักษามือปืน นายแพทย์สเตฟานี ฮุสเซน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาวัย 48 ปี นางอแมนดา เกลนน์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ และนายวิลเลียม เลิฟ ผู้ป่วยในโรงพยาบาล ก่อนที่มือปืนจะฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบจดหมายของมือปืนซึ่งทำให้รู้เป้าหมายในการก่อเหตุอย่างแน่ชัด
ด้านตำรวจระบุว่า มือปืนซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองมัสโคกี รัฐโอคลาโฮมา ห่างจากเมืองทัลซา 80 กิโลเมตร เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม จากการผ่าตัดหลัง และหลังจากนั้นได้มีการร้องเรียนเรื่องอาการปวดหลังหลายครั้ง
นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้เป็นประธานในพิธีทำบุญถวายพระราชกุศล พิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2565 สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี ณ อุโบสถ วัดไทยลอสแองเจลิส โดยมีหัวหน้าสำนักงานทีมประเทศไทย และข้าราชการ พร้อมทั้งผู้แทนสมาคม ชมรม และองค์กรจากชุมชนไทยได้เข้าร่วมพิธีดังกล่าวด้วย
อดีตทหารเรือสหรัฐฯ เผย มีทหารนับ 200 นายบนเรือบรรทุกเครื่องบิน เห็นวัตถุปริศนา เป็นดวงไฟเจิดจ้า เชื่อคือ จานบิน UFO บินได้รวดเร็วมาก ชนิดที่อากาศยานทุกอย่างที่มีอยู่บนโลกไม่สามารถทำได้
เมื่อ 3 มิ.ย.65 เดอะ ซันรายงาน แพตทริก โกคีย์ อดีตทหารเรือหนุ่มแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ เปิดเผยเหตุการณ์ระทึกเมื่อหลายปีก่อนที่เขายังจำติดตาตรึงใจมาจนถึงวันนี้ เมื่อเป็นหนึ่งในทหารเรือราว 200 คน บนเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ของสหรัฐฯ ที่ได้เห็นวัตถุปริศนา และคาดกันว่ามันน่าจะเป็นวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ได้ หรือจานบิน UFO เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืน ในปี 2547
แพตทริก โกคีย์ เปิดเผยกับเดอะ ซัน ออนไลน์ อ้างว่า เขาได้เห็นวัตถุปริศนามีลักษณะเป็นลูกไฟ กว้างขนาด 40 ฟุต ซึ่งมันสามารถบินได้เร็วที่สุดกว่าเครื่องบินทุกชนิดที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ขณะเขาอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์โรนัลด์ เรแกน
โกคีย์ คือหนึ่งในพยานที่เห็นวัตถุปริศนานี้ถึง 2 ครั้งในค่ำคืนนั้น โดยครั้งแรก เขาเห็นวัตถุปริศนา
บินลอยเหนือจากดาดฟ้าเรือประมาณ 200 ฟุต และเห็นมันเป็นเวลาประมาณ 30 วินาที และบอกว่าทุกคนที่อยู่บนสะพานเรือเห็นวัตถุปริศนานี้ จากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็เห็นมันอีกครั้ง ขณะลอยอยู่บริเวณท้ายเรือบรรทุกเครื่องบิน
ทหารเรือผู้นี้ได้บอกกับ เดอะ ซันออนไลน์ด้วยความตื่นเต้นว่า วัตถุปริศนานี้เคลื่อนที่ในทิศทางและความเร็วที่ดูหมือนอากาศยานทุกอย่างที่มีอยู่บนโลกนี้ไม่สามารถจะทำได้ และเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
“วัตถุปริศนานี้บินในลักษณะครึ่งวงกลม 3 ครั้ง ก่อนมันจะพุ่งไปข้างหน้า” โกคีย์ อธิบายลักษณะการบินของวัตถุปริศนา พร้อมกับบอกว่ามันมีรูปลักษณะคล้ายลูกบอลสีส้ม มีขอบเป็นลอนคลื่น แต่บางทีก็ดูเหมือนเป็นพลาสมา
เดอะ ซัน รายงานว่า โกคีย์ เป็นพยานคนที่ 3 ที่ได้รับการบันทึกว่าเห็นวัตถุปริศนาบนเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน ในค่ำคืนหนึ่งของปี 2547 และนี่ถือเป็นหนึ่งในเรื่องราวแปลกประหลาดที่มีการเห็นวัตถุปริศนาบนท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว รู้จักในชื่อเรียกว่า ปรากฏการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถระบุได้ (Unidentified Aerial Phenomena หรือ UAP)
เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร่วมในพิธีขอบคุณพระเจ้า ที่มหาวิหารเซนต์ปอล นับเป็นการร่วมงานราช พิธีของราชวงศ์อังกฤษครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่เจ้าชายแอนดรูว์ ติดโควิด-19 จึงมาร่วมในพิธีไม่ได้
เมื่อ 3 มิ.ย. 65 เดลี่เมลรายงาน เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ร่วมในพิธีขอบคุณพระเจ้าสำหรับรัชสมัยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่มหาวิหารเซนต์ปอล ในกรุงลอนดอน ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.ของวันนี้ (3 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นการเข้าร่วมในพระราชพิธีครั้งแรกของทั้งคู่ในรอบกว่า 2 ปี
ในขณะที่ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงต้องทอดพระเนตรพิธีการนี้ผ่านทางโทรทัศน์ที่ปราสาทวินด์เซอร์ เนื่องจากทรงงดเข้าร่วมในพิธี เนื่องจากมีพระอาการประชวรจากการเสด็จสีหบัญชรในพิธีสวนสนาม เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร่วมในพิธีขอบคุณพระเจ้าสำหรับรัชสมัยสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ณ มหาวิหารเซนต์ปอล ในกรุงลอนดอน เมื่อ 3 มิ.ย. 65
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษทรงทำหน้าที่เป็นผู้แทนพระองค์ในพิธีขอบคุณพระเจ้า โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ระดับสูงของราชวงศ์อังกฤษ ทั้งเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์, แคเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์, เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งเวสเซกซ์ และโซฟี เคาน์เตสแห่งเวสเซกซ์ พระชายา มาร่วมในพิธี ในขณะที่เจ้าชายแอนดรูว์ ไม่ได้เสด็จฯ มาร่วมในพิธี เนื่องจากผลตรวจออกมาพบว่าติดเชื้อโควิด-19
ส่วนแขกผู้มีเกียติทางการเมืองที่ได้รับเชิญให้มาร่วมในพิธีขอบคุณพระเจ้า รวมทั้งนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน และแคร์รี ภริยา อดีตนายกรัฐมนตรี เซอร์โทนีย์ แบลร์ และเชอรี่ ภริยา รวมทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี อาทิ เซอร์ จอห์น เมเจอร์, กอร์ดอน บราวน์ และเทเรซา เมย์
สำหรับเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ได้นั่งอยู่ในแถวที่สอง เช่นเดียวกับเจ้าหญิงยูเจนี และแจ็ก บรู๊กส์แบงก์ พระสวามี เลดีซาราห์ แซตโท พระธิดาในเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต และครอบครัว
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทอดพระเนตรพิธีการนี้ผ่านทางโทรทัศน์ที่ปราสาทวินด์เซอร์ เนื่องจากต้องทรงงดเข้าร่วมในพิธี เนื่องจากมีพระอาการประชวรจากการเสด็จสีหบัญชร ณ พระราชวังบักกิงแฮม เพื่อทอดพระเนตรพิธีสวนสนาม เมื่อวันที่ 2 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของพิธีเฉลิมฉลองการครองราชย์ 70 ปี (แพลทินัม จูบิลี)
BBC, Aljazeera: 3 มิถุนายน 2565 : กองกำลังรัสเซียบุกยูเครน ครบ 100 วัน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประกาศใช้ ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ส่งกำลังทหารรัสเซียเรือนแสนบุกยูเครน เมื่อ 24 ก.พ. 65 เพื่อตอบโต้การขยายอิทธิพลของนาโต
Amin Awad ผู้ประสานงานด้านวิกฤตการณ์ยูเครนของสหประชาชาติ (UN) เตือนว่า สงครามในยูเครนใครจะได้รับชัยชนะ และกองกำลังรัสเซียกำลังกดดัน บุกเข้าไปในภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของยูเครน ลึกมากขึ้น
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เตือนชาติตะวันตกว่าเตรียมรับมือกับสงครามที่ยืดเยื้อ และการต่อสู้ที่จะกลายเป็น ‘สงครามพร่ากำลัง’ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางทหารอยางหนึ่ง ซึ่งคู่สงครามจะก่อปฏิบัติการบั่นทอนกำลังของศัตรูอย่างต่อเนื่อง
หน่วยข่าวกรองทางทหารของสหราชอาณาจักร เผยว่า ขณะนี้รัสเซียกำลังประสบความสำเร็จด้านกลยุทธ์ในภูมิภาคดอนบาส แต่ก็มีค่าใช้จ่ายมหาศาล
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน ยอมรับว่ารัสเซียสามารถยึดครองพื้นที่ของยูเครนได้แล้ว 20% หรือเกือบ 125,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งรวมถึงคาบสมุทรไครเมียและพื้นที่ทางภาคตะวันออกของยูเครนซึ่งรัสเซียได้ทำสงครามตัวแทน ยึดครองได้ในปี 2557 ซึ่งคิดเป็น 7% ของพื้นที่ทั้งประเทศ
การสู้รบระหว่างกองกำลังรัสเซียกับยูเครน กำลังเกิดขึ้นที่เมืองเซเวโรโดเนตสก์ เมืองสำคัญในจังหวัดฮานสก์ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเซเวโรโดเนตสก์ ตกอยู่ในมือของรัสเซียแล้ว และหากรัสเซียสามารถยึดเมืองเซเวโรโดเนตสก์ได้ทั้งหมด นั่นหมายถึง รัสเซียได้ครอบครองพื้นที่เกือบทั้งหมดของจังหวัดลูฮานสก์
กองทัพยูเครนคาดประมาณว่าได้สังหารทหารรัสเซียไปแล้วกว่า 30,000 ศพ ในขณะที่ทางฝ่ายรัสเซียไม่เคยรายงานข้อมูลใหม่เกี่ยวกับจำนวนทหารรัสเซียที่สิ้นชีพในสงครามยูเครนมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งรัสเซียระบุว่ามีทหารรัสเซียถูกสังหาร 1,351 ศพ
สหประชาชาติ ระบุว่า มีพลเรือนถูกสังหารในยูเครนกว่า 4,000 ศพ และคาดว่าตัวเลขจริงของพลเรือนที่เสียชีวิตจะสูงกว่านี้มาก
ตามรายงานของสหประชาชาติ ระบุว่ามีพลเรือนยูเครนกว่า 6.6 ล้านคนลี้ภัยสงครามออกนอกประเทศ
ในขณะที่ยูเครนกล่าวหารัสเซียว่าบีบบังคับให้พลเรือนยูเครนเกือบ 5 แสนคน ลี้ภัยเข้าไปในรัสเซีย
Serhiy Marchenko รมว.คลังยูเครน เปิดเผยว่า สงครามครั้งนี้ทำให้ยูเครนต้องใช้เงินเพื่อการทหารและค่าใช้จ่ายด้านมนุษยธรรมไปแล้วถึง 8,300 ล้านดอลลาร์ หรือ 8 เท่าของงบประมาณประจำปีของยูเครน ในขณะที่โรงเรียนเศรษฐศาสตร์กรุงเคียฟ รายงานความเสียหายของระบบสาธารณูปโภคในยูเครนที่ถูกรัสเซียโจมตี คิดเป็นมูลค่าราว 100,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่จากการวิเคราะห์บางแห่งระบุว่าความเสียหายอาจสูงกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ยูเครนได้รับความช่วยเหลือทั้งอาวุธยุทโปกรณ์ และความช่วยเหลืออื่นๆ จากสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 53,600 ล้านดอลลาร์ และจากสหภาพยุโรป 4,800 ล้านดอลลาร์
เดลินิวส์ 3 มิถุนายน 2565 : สงครามยูเครนยืดเยื้อครบ 100 วัน ยูเอ็นชี้ “ไม่มีผู้ชนะ”
สหประชาชาติเผยแพร่แถลงการณ์ ในวันที่ 100 ของการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ว่า “ไม่มีใครชนะ”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่า นายอามิน อาวัด ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) และผู้ประสานงานด้านกิจการยูเครนของยูเอ็น เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ ในวันที่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยืดเยื้อครบ 100 วัน ว่า “การสู้รบครั้งนี้ไม่มีผู้ชนะอย่างแท้จริง” สถานการณ์ที่ทุกฝ่ายได้ประจักษ์ตลอดระยะเวลา 100 ที่ผ่านมา “มีแต่ความสูญเสีย” ทั้งที่เกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ขณะที่ทหารรัสเซียและกองกำลังสนับสนุนรุกคืบเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ในเขตลูฮันสก์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ขัดแย้งทางตะวันออกของยูเครนได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และใกล้เข้าสู่ใจกลางเมืองมากขึ้น โดยทางการเขตลูฮันสก์ยอมรับว่า พื้นที่ของเมืองซีวีโรโดเนตสก์มากกว่า 70% อยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายรัสเซียแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ยูเอ็นยังคงพยายามหารือกับทั้งรัสเซียและยูเครน เกี่ยวกับสถานการณ์ตามท่าเรือสำคัญหลายแห่งในทะเลดำและทะเลอาซอฟ ซึ่งยังคงอยู่ท่ามกลางการปิดล้อมของทหารรัสเซีย ส่งผลให้เรือบรรทุกธัญพืชหลายสิบล้านตัน ยังคงไม่สามารถเดินทางออกจากท่าเรือ ไปยังจุดหมายปลายทางหลายแห่ง โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา.... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/1112838/
เมื่อ 3 มิ.ย. เอพีรายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นอยู่ระหว่างเตรียมแผนรองรับและจับตาความเคลื่อนไหวของทางการเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด หลังพบความเคลื่อนไหวการเตรียมทดสอบระเบิดนิวเคลียร์รอบใหม่ของเกาหลีเหนือ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งหากเกิดขึ้นจะถือเป็นการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์รอบที่ 7 ต่อจากครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย. 2560
นายซุง คิม ผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ ต่อปัญหาเกาหลีเหนือ กล่าวว่า สหรัฐฯ ประเมินว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ที่ฐานทดสอบปุงยี-รี ขณะที่นายฟุนะโคชิ ทาเคฮิโระ ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานกิจการเอเชียและโอชีเนีย ระบุว่า การเดินหน้าทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปและระเบิดนิวเคลียร์อย่างดุเดือดในปีนี้ของเกาหลีเหนือทำให้เป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการเจรจาถอดชนวนความตึงเครียดของคาบสมุทรเกาหลี
ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซีนั้นก็ไม่สามารถออกมาตรการและแถลงการณ์ใดๆ เพราะความขัดแย้งรุนแรงภายในระหว่างขั้วสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรกับขั้วของรัสเซียและจีน พันธมิตรใกล้ชิดของเกาหลีเหนือ
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012