ข่าว
'จีน่า'นักศึกษาเกษตร นางสาวไทยคนที่ 48

ตัวเต็ง 'จีน่า-อัจฉราภรณ์ กนกนทีสวัสดิ์' ผู้เข้าประกวดหมายเลข 18 น้องสาว 'โจอี้ อรวิภา' นางสาวไทยปี 2552 เอาชนะใจกรรมการ คว้ามงกุฎนางสาวไทยคนที่ 48 ไปครอง พร้อมได้โอกาสทำหน้าที่ ทูตการท่องเที่ยว และทูตการค้า คิงส์ พาวเวอร์ คอมเพล็กซ์ ซอยรางน้ำ โดยสาวงามผู้เข้าประกวดหมายเลข 18 จีน่า-อัจฉราภรณ์ กนกนทีสวัสดิ์ อายุ 21 ปี ชาวกรุงเทพฯ กำลังศึกษาชั้นปี 4 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สามารถเอาชนะใจคณะกรรมการ คว้าตำแหน่งนางสาวไทยคนที่ 48 ไปครอง ส่วนรองอันดับ 1 ได้แก่ หมายเลข 15 ฟ้าใส-ปวีสุดา แซ่ตั่น อายุ 20 ปี ชาวกรุงเทพฯ ลูกครึ่งไทย-จีน-แคนนาดา กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว ที่ University of Calgary ประเทศแคนาดา และรองอันดับ 2 ได้แก่ หมายเลข 17 แอม-ดุษฎี อารีย์ทาน อายุ 21 ปี ชาวสงขลา สำเร็จปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

สำหรับ จีน่า เป็นที่ถูกจับตา และเป็นตัวเต็ง ตั้งแต่เริ่มเข้าประกวด เนื่องจากเป็นน้องสาวคนสวยของ โจอี้-อรวิภา กนกนทีสวัสดิ์ นางสาวไทยปี 2552 โดย โจอี้ ออกตัวตรงๆ แทนน้องสาวว่า น้องสาวมีความกดดันตั้งแต่เข้ามาประกวดแล้ว

ทั้งนี้ นางสาวไทยประจำปี 2556 มาในคอนเซปต์ เดอะวันเดอร์ ออฟ มิสไทยแลนด์ The Wonder of Miss Thailand ซึ่งนอกจากได้มงกุฎ พร้อมสายสะพายแล้ว ยังจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 1,000,000 บาท, รถยนต์ ISUZU MU-X 1 คัน และได้โอกาสในการเป็นศิลปิน MCOT Talent รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ "ทูตการท่องเที่ยว" ให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ "ทูตการค้า" ให้กับหอการค้าไทย อีกด้วย.

ปลื้มข่าว"ในหลวง" มากสุดในปี 2556

เมื่อวันที่20 ธ.ค.ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ(กรุงเทพโพล)เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง“ที่สุดแห่งปี 2556”โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศที่มีอายุ18ปีขึ้นไปในทุกสาขาอาชีพ เมื่อวันที่9 -15ธ.ค.ที่ผ่านมาจากกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น1,283 คนพบว่า ข่าว/เหตุการณ์ในประเทศไทยที่ทำให้ปลาบปลื้มใจมากที่สุดในรอบปีนี้คือ ข่าวเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ได้แก่ข่าวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกจากรพ.ศิริราชไปประทับที่พระราชวังไกลกังวลและข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม5 ธ.ค.ที่พระราชวังไกลกังวล)ร้อยละ 64.5รองลงมาร้อยละ 13.6เป็นข่าววอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยได้เป็นแชมป์เอเชียอันดับ 3เป็นข่าวประชาชนมาร่วมชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมร้อยละ 9.3 อันดับ4คือข่าวการประกาศยุบสภาฯของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร ร้อยละ 3.9และอันดับ5ข่าวน้องเมย์รัชนก อินทนนท์ คว้าแชมป์โลกแบดมินตัน ร้อยละ 3.7

2.ข่าว/เหตุการณ์ที่ทำให้เศร้าสลดใจมากที่สุดในรอบปีนี้5อันดับแรกคือ ข่าวการปะทะกันระหว่างกลุ่มนปช.และนักศึกษารามฯจนมีผู้เสียชีวิตที่ ม.รามคำแหงและการใช้แก๊สน้ำตาของรัฐบาลร้อยละ 49.2ข่าวการเมืองไทยร้อยละ 16.9ข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกร้อยละ 7.8ข่าวเหตุการณ์ความไม่สงบใน3จังหวัดชายแดนใต้ร้อยละ 6.0และข่าวการประกาศยุบสภาฯของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร ร้อยละ 3.8

3.บุคคลหรือกลุ่มบุคคลในสังคมไทยที่น่ายกย่องมากที่สุดในรอบปีนี้อันดับ 1คือน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมร้อยละ 22.4อันดับ2นักวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยร้อยละ 20.5อันดับ3 นายสุเทพเทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ร้อยละ14.7อันดับ4มวลมหาปรชาชนที่มาชุมนุมคัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมร้อยละ 8.5และอันดับ5 น้องเมย์รัชนก อินทนนท์ แชมป์แบดมินตันโลกปี2013ร้อยละ5.3

ส่วน10อันดับข่าวที่น่าสนใจติดตามและเกาะติดมากที่สุดในรอบปีนี้คือ ข่าวการชุมนุมที่นำโดยนายสุเทพเทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.ร้อยละ58.7รองลงมาคือข่าวการประกาศยุบสภาฯของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร ร้อยละ 57.8ข่าวพ.ร.บ.นิรโทษกรรมร้อยละ 52.9ข่าวการแข่งขันวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยร้อยละ 48.8ข่าวตัดสินคดีกรณีปราสาทพระวิหาร ร้อยละ38.1ข่าวเหตุการณ์ความไม่สงบใน3จังหวัดชายแดนใต้ร้อยละ 32.3ข่าวการลอบยิงเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ (นักกีฬาแม่นปืน)ร้อยละ32.1 ข่าวทุจริตโครงการรับจำนำข้าวร้อยละ 29.7ข่าวน้ำท่วมภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ร้อยละ 26.0และข่าวพ.ร.บ.เงินกู้2.2ล้านล้านบาทร้อยละ 25.5

สำหรับที่สุดแห่งนวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์ที่นำมาใช้ในการชุมนุมทางการเมืองปี 2556ที่โดนใจมากที่สุดคือ นกหวีด รองลงมาคือสัญลักษณ์คัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมอันดับ 3คือมือตบตีนตบ เมื่อถามถึงการสร้างสรรค์คำพูดใหม่ๆในปี 2556ที่คิดว่าฮอตฮิตและโดนใจมากที่สุด5 คำแรกคือ จุงเบย ร้อยละ 54.6 บ่องตงร้อยละ 33.7 ฟินร้อยละ 33.4 ฝุดฝุดร้อยละ 26.0และสุดซอยร้อยละ 22.4

ส่วนละครในปี2556ที่สร้างสรรค์และสร้างคุณค่าให้กับสังคมมากที่สุดคือ ทองเนื้อเก้า จาก ช่อง3 ร้อยละ67.0รองลงมาคือสุภาพบุรุษจุฑาเทพ จาก ช่อง3 ร้อยละ7.0และเลือดเจ้าพระยาจาก ช่อง 7ร้อยละ3.5 ขณะที่บทบาทในตัวละครไทยที่ชื่นชอบมากที่สุดในรอบปี2556อันดับ1 ลำยองจากละคร ทองเนื้อ 9 (ช่อง3) ร้อยละ42.3รองลงมาคือวันเฉลิมจากละคร ทองเนื้อ 9(ช่อง3) ร้อยละ39.5และอันดับ3คุณชายพุฒิภัทรจากละคร สุภาพบุรุษจุฑาเทพ(ช่อง3) ร้อยละ2.8

‘สงกรานต’ชี้จุดอ่อน กปปส. หนุนเลือกตั้งเลี่ยงทรราช

นายสงกรานต์ กระจ่างเนตร นักธุรกิจชื่อดังของไทยและสามีของ “แหม่ม” คัทลียา แมคอินทอช อดีตนางเอกสาว เขียนบทความชื่อ “Elections are the best way to avoid tyranny.” ลงในหนังสือพิมพ์เดอะสเตรท ไทมส์ ของสิงคโปร์ เมื่อ 18 ธ.ค. 56 ที่ผ่านมา โดยมีใจความสำคัญและเนื้อหาบางส่วนระบุว่า การเลือกตั้งนั้นมิอาจแก้ปัญหาทั้งหมดของประเทศไทยได้ แต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของประชาธิปไตย เพราะหากไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่เป็นประชาธิปไตย พร้อมกับกล่าวว่า ใครก็ตามที่ระบุว่ารัฐบาลที่ชอบธรรมไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง คนพวกนั้นเป็นประชาธิปไตยนอกรีต และยืนยันว่า ระบอบประชาธิปไตยโดยตัวแทนนั้นมิได้มี “แบบไทยๆ” เป็นพิเศษแต่อย่างใด

นายสงกรานต์ยังเขียนด้วยว่า กปปส.ได้แสดงความต้องการที่แท้จริงของตนออกมาเมื่อปฏิเสธที่จะหยุดการประท้วง แม้ว่าจะมีการยุบสภาและประกาศเลือกตั้งใหม่แล้ว โดยข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปโดย “สภาประชาชน” ของตนก่อนมีการเลือกตั้งนั้นแสดงออกถึงความหวาดกลัวที่จะพ่ายแพ้การเลือกตั้งของทั้งพรรคประชาธิปัตย์และชนชั้นนำของสังคมก่อนระบุว่าที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งติดกันมาแล้วถึงห้าครั้ง และจะต้องแพ้อีกในครั้งใหม่นี้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคได้เปลี่ยนโฉมพรรคการเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยมีสง่าราศีให้กลับกลายเป็นแค่ชมรมคนเกลียดทักษิณไปเสียแล้ว

นายสงกรานต์ระบุอีกว่าสภาประชาชนที่กปปส. เสนอนั้นเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลมอบอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินให้กับบุคคลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และไม่มีความรับผิดชอบอย่างใดต่อประชาชน นอกจากนั้น “สภาประชาชนดังกล่าวไม่ได้เป็นตัวแทนของใครเลยนอกจากกองทัพ ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่ครอบงำการจัดสรรอำนาจของประเทศไทย พร้อมกันนั้นยังวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนของ “สภาประชาชน” ว่า หากเกิดขึ้นจริงย่อมมีข้อบกพร่องมากมาย เนื่องจากตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแล้วไม่มีมาตราใดที่เปิดโอกาสให้จัดตั้งสภาเช่นนั้นได้ อีกทั้ง กปปส. มักอ้างถึงมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญในการสร้างความชอบธรรมให้กับแนวคิดที่ไม่ชอบธรรมของตนเอง ด้วยการตีความกฎหมายอย่างผิด

ช่วงท้ายของบทความ นายสงกรานต์ย้ำว่า ระบอบประชาธิปไตยจะน่าเบื่อในบางครั้ง แต่เป็นระบอบที่ดีที่สุดเท่าที่เรามี เพราะหากปราศจากประชาธิปไตยแล้ว สิ่งที่ประเทศไทยต้องเผชิญคือระบอบทรราชย์ ซึ่งย่ำแย่กว่ามาก