ข่าว
กต.เตือนคนไทย หลีกเลี่ยงเดินทางไป 'เฮติ' โดยเฉพาะกรุงปอร์โตแปรงซ์ ที่มีการชุมนุม

วันที่ 13 มีนาคม 2567 กระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า ตามที่มีรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศเฮติในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสถานการณ์ความรุนแรงมีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลง นั้น

กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโกว่า ตามฐานข้อมูลของสถานเอกอัครราชทูตฯไม่มีคนไทยพำนักอาศัยระยะยาวหรือทำงานในเฮติ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเฮติ และสำหรับคนไทยที่พำนักระยะสั้นหรือท่องเที่ยวอยู่ในเฮติ ( หากมี) โดยเฉพาะที่กรุงปอร์โตแปรงซ์ ให้เพิ่มความระมัดระวังในการดำรงชีวิตและการเดินทาง หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุมประท้วงและพื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ ตรวจสอบเส้นทางการเดินทาง รวมถึงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการเฮติ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดต่อทางการเฮติ ผ่านสถานเอกอัครราชทูตเฮติประจำเม็กซิโกขอให้แจ้งฝ่ายไทยทราบในทันที หากมีกรณีคนไทยในเฮติที่ต้องการการดูแลช่วยเหลือ

ทั้งนี้ ในกรณีที่คนไทยประสบเหตุฉุกเฉิน สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก ได้ทางหมายเลขฉุกเฉิน (+ 52 55) 2564 2662 หรือ Facebook “สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก” ได้ตลอดเวลา สำหรับญาติในประเทศไทย สามารถติดต่อกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล ได้ที่หมายเลข 02 575 1048 ในเวลาราชการ หรืออีเมล์ consular02@mfa.go.th

ขนลุก!! นักวิชาการดังวิเคราะห์แนวโน้มยุบพรรคก้าวไกล ชี้เปรี้ยง'99.99%' รอดยาก

13 มี.ค.67 เว็บไซต์สำนักข่าวไทย ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของนายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งกล่าวถึงแนวทางการพิจารณากรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคก้าวไกล กรณีเสนอแก้ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ว่า คำวินิจฉัยมีโอกาสออกมา 2 ทางคือ ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ซึ่งตรงนี้จะทำให้พรรคก้าวไกลไม่ถูกยุบ กับอีกทางคือหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง คำวินิจฉัยก็ออกมาได้เพียง 2 ทางเช่นเดียวกัน คือยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค กับยกคำร้อง

นายยุทธพร กล่าวว่า แต่ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบนั้นมีถึง 99.99% อีก 0.01 คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ถูกยุบไปก่อนเท่านั้นเอง ดังนั้นโอกาสเป็นอย่างอื่นจึงเป็นไปได้ยาก เพราะตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 เขียนเอาไว้ชัดว่า หาก กกต.เห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อ ว่าพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การยุบพรรค ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 92 (1)คือการล้มล้างการปกครอง และ 92 (2) คือการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์กับ ระบอบการปกครอง ซึ่งกกต. ยื่นไปทั้ง 2 กรณีดังนั้นโอกาสที่จะ พ้นจากมาตรา 92 จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก และอย่าลืมว่าฐานความผิดตามมาตรา 92 ในกฎหมายพรรคการเมือง ก็คือความผิดฐานเดียวกันกับมาตรา 49 แนวรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัย ออกมาแล้วในเรื่องของการล้มล้างการปกครอง ทั้งในเรื่องของพฤติการณ์ ข้อเท็จจริง แม้กระทั่งการสืบพยานผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นในคดีนี้จึงมีโอกาสสูงมากที่จะนำไปสู่การยุบพรรคด้วย

"เหตุผล 2 อย่างคือข้อกฎหมายฐานความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 กลับมาตรา 49 ในรัฐธรรมนูญนั้นฐานความผิดเดียวกัน เพราะฉะนั้นอย่างไรก็ตาม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ บอกว่าการกระทำดังกล่าวผิดมาตรา 49 ในรัฐธรรมนูญ ก็คงจะตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากมาตรา 92(1) และ(2) กับกรณีที่ 2 คือเรื่องพฤติการณ์ข้อเท็จจริง เรื่องการสืบพยานผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งในคดีนี้ กกต. เอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นคดีล้มล้างการปกครองฯ มาเป็นพยานหลักฐาน ดังนั้นการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่จำเป็นต้องไปสืบพยานหรือ แสวงหาพยานหลักฐานอะไรเพิ่มเติมอีก ก็สามารถตัดสินได้เลยโดยอาศัยแค่คำวินิจฉัยและต่อบทกฎหมาย” นายยุทธพร กล่าว

นายยุทธพร กล่าวว่า ส่วนในแง่ของการโต้แย้ง ก็คงเป็นไปตามกระบวนการพิจารณาคดี โดยศาลรัฐธรรมนูญอาจจะให้พรรคก้าวไกลทำคำโต้แย้ง ซึ่งก็โต้แย้งได้เพียงประเด็นเดียวคือ คำวินิจฉัยนั้นเกิดขึ้นภายหลังการกระทำ ดังนั้นแม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะผูกพันทุกองค์กรก็จริง แต่ก็ต้องผูกพันหลังมีคำวินิจฉัย โดยก่อนคำวินิจฉัยแม้ศาลจะบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวคือความผิดตามมาตรา 49 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ แต่เป็นสิ่งที่ศาลมาชี้ภายหลัง จึงอาจไม่สามารถเอาผิดได้ แต่แนวโน้มส่วนตัวก็ยังมองว่า ถูกยุบ 99.99% และจะส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคในขณะนั้นถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วย เพราะในกฎหมายเขียนไว้ว่า ถ้ามีเหตุแห่งการยุบพรรคให้ศาลตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคด้วย ส่วนจะตัดสิทธิ์กี่ปีนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลเพราะในกฎหมายไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าจะตัดสิทธิ์กี่ปี โดยไม่มีเพดานกำหนดเอาไว้


ด่วน!!! 'น้องแคร์'ถูกจับที่มาเลย์ แจ้งขอความช่วยเหลือจากคนไทย โดนยึดโทรศัพท์

จากกรณี น.ส.ชุติมณฑน์ หรือน้องแคร์ อายุ 26 ปี ชาว อ.ด่านซ้าย จ.เลย ได้หายตัวออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.67 โดยแจ้งให้กับทางครอบครัวว่าจะเดินทางไปทำงานในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ แต่ได้เปลี่ยนใจมุ่งหน้ามาทำงานในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีแทน ซึ่งทางญาติไม่สามารถติดต่อได้จึงประสานขอความช่วยเหลือจากนายขวัญชัย ถิรศิลป์ คณะกรรมการมูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี ช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านเฟสบุ๊กเพื่อให้สังคมช่วยกันออกติดตามหา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 20.21 น.วันนี้ 13 มีนาคม 2567 นายขวัญชัย ถิรศิลป์ คณะกรรมการมูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี กล่าวว่า ผมเพิ่งได้รับข้อมูลล่าสุดจากนักธุรกิจชาวไทย ซึ่งไปเปิดร้านอาหารอยู่ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แจ้งว่าน้องได้โทรศัพท์ทาง messenger ขอความช่วยเหลือว่า ถูกตำรวจมาเลเซียจับอยู่ที่รัฐกวนตัน ซึ่งตามระเบียบของประเทศมาเลเซีย เมื่อถูกจับจะทำการยึดโทรศัพท์ทั้งหมด และทำการตรวจสอบประวัตินานประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงให้นายจ้างทำการยื่นประกันตัว นักธุรกิจชาวไทยชื่อนายยอดแจ้งว่าน้องปลอดภัยดี เพียงแต่อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถติดต่อกับทางญาติพี่น้องได้


‘อิตาเลียนไทย’รับขาดสภาพคล่องจริง จ่ายเงินเดือนพนักงานไม่ครบ เร่งสรุปสินเชื่อ

13 มีนาคม 2567 จากกรณีพนักงานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD รวมตัวเรียกร้องให้บริษัทฯ จ่ายเงินค่าจ้างค้างจ่ายนั้น ล่าสุดบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่อง ดังนี้

1.ข้อเท็จจริงจากข่าวที่ปรากฏในสื่อข้างต้น

ข้อมูลเรื่องการจ่ายเงินเดือนพนักงานไม่ครบถ้วน ซึ่งปรากฏตามสื่อนั้นเป็นเรื่องจริง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ ยังขาดสภาพคล่องทางการเงิน

2.แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

เนื่องจากรายรับโครงการยังน้อยกว่าค่าใช้จ่ายบริษัทฯ บริษัทฯ จึงขอกู้ยืมเงินจากธนาคารเพิ่มเติม เพื่อนำเงินมาบริหารกิจการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอสินเชื่อและเจรจากับธนาคารที่เกี่ยวข้อง

3.ผลกระทบที่เกิดขึ้น

เกิดผลกระทบที่จะมีแรงงานบางส่วนลาออก บางส่วนหยุดงาน ซึ่งบริษัทฯ ได้เจรจากับพนักงานเหล่านั้นทำความเข้าใจและจ่ายเงินบางส่วนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายไปก่อน และธนาคารที่สนับสนุนโครงการต่างๆ ก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือบ้างแล้ว

4.กรอบระยะเวลาในการดำเนินงานการแก้ไขปัญหา

บริษัทฯ ใช้เวลาแก้ไขปัญหาระยะสั้นประมาณ 2-3 เดือน สำหรับการเจรจาหาข้อสรุปกับธนาคารผู้ให้สินเชื่อใหม่ และคาดว่าภายหลังจากที่ได้รับสินเชื่อใหม่แล้ว อีกประมาณ 2-3 เดือน สถานการณ์ของบริษัทฯ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ


เจรจา‘เกาหลี’สำเร็จ! ‘5 เอกชนยักษ์ใหญ่อู่ต่อเรือ’ต้องการ‘แรงงานไทย’อย่างน้อย 3 พันคน

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2567 ที่โรงแรม LOTTE HOTEL SEOUL สาธารณรัฐเกาหลี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน พร้อมด้วย นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้แทนสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย และสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ หารือร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบกิจการอู่ต่อเรือภาคเอกชน เพิ่มการจ้างงาน 3,000 อัตรา พร้อมเตรียม MOU ฝึกทักษะแรงงานไทยส่งทำงานอู่ต่อเรือเกาหลีใต้ โดยมี นายบัญชา ยืนยงจงเจริญ อัครราชทูต ณ กรุงโซล ประเทศ สาธารณรัฐเกาหลี นายนิธิพัฒน์ วัฒนสุวกุล อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบกิจการอู่ต่อเรือจำนวน 5 บริษัท ซึ่งประกอบด้วย บริษัท HD Hyundai Heavy Industry บริษัท Hyundai Mipo Dockyard บริษัท Hyundai Samho บริษัท Samsung Heavy Industries และบริษัท Hanwha Ocean ที่ได้พบในวันนี้เป็นภาคเอกชนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง และศักยภาพในการจ้างงานของสาธารณรัฐเกาหลีอย่างยิ่ง ซึ่งทั้งหมดชื่นชมแรงงานไทยว่าฝีมือดี และแจ้งว่ามีความต้องการจ้างแรงงานอย่างน้อย 3,000 อัตรา ในตำแหน่งช่างเชื่อม ช่างเครื่องกล และเครือบริษัทฮุนไดทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท HD Hyundai Heavy Industry บริษัท Hyundai Mipo Dockyard บริษัท Hyundai Samho ยังต้องการให้เกิดการลงนามความร่วมมือกับกระทรวงแรงงาน เพื่อรับแรงงานไทยทุกคนที่ผ่านการอบรมทักษะช่างเชื่อม จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและการอบรมทักษะภาษาเกาหลี เพื่อทำงานในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ ณ สาธารณรัฐเกาหลี โดยฝ่ายไทยได้เสนอจัดส่งแรงงานทักษะในสาขาวิศกรรมอู่ต่อเรือ วิศกรรมสมุทรศาสตร์ วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์สื่อสาร ที่มีความพร้อมในเรื่องทักษะภาษาอังกฤษ และสามารถเรียนรู้ทักษะภาษาเกาหลีเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังได้รับฟังปัญหาและอุปสรรคในกระบวนการจัดส่งแรงงาน ซึ่งหลังจากชี้แจง แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันแล้ว กลุ่มผู้ประกอบการเกาหลีรู้สึกมีความเชื่อมั่นในกระบวนการจัดส่งแรงงานมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความต้องการจ้างแรงงานไทยที่เพิ่มขึ้นด้วย

ด้าน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า การเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีในครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญคือการเพิ่มโอกาสการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ตามนโยบายที่ท่านรัฐมนตรีฯ พิพัฒน์มอบไว้ให้กรมการจัดหางาน ซึ่งตลาดแรงงาน E-7 เป็นตลาดที่จะเติบโตขึ้น และดึงดูดแรงงานต่างชาติ สาขางานช่างจากหลายประเทศ เนื่องจากให้ค่าตอบแทนสูงและมีความต้องการแรงงานจำนวนมาก และเป็นตลาดเดียวของเกาหลีใต้ที่เปิดโอกาสให้มีบริษัทจัดหางานมาเป็นตัวกลางในการจัดส่ง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นระบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งกรมการจัดหางานพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยได้ไปทำงานในเกาหลีใต้มากขึ้น โดยจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามภารกิจการจัดส่งแรงงานไทย และทำงานร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในการพัฒนาฝึกอบรมฝีมือก่อนการเดินทาง เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดส่งแรงงานไทยวีซ่าทักษะฝีมือ (E- 7) ไปทำงานในอุตสาหกรรมต่อเรือตามความต้องการของเกาหลีใต้ต่อไป

อย่าจับเจ้าเหมียว! พนักงานพบ'แมวจร'ตกถังสารเคมีอันตราย วิ่งหนีออกจากโรงงานชุบโลหะ

13 มีนาคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์เตือน ประชาชนในพื้นที่ทางตะวันตก หลังคนงานในโรงงานโนมุระ เพลททิง ฟุกุยามะ ซึ่งเป็นโรงงานชุบโลหะในตัวจังหวัดฟุกุยามะ ได้พบรอยเท้าแมว ที่เหมือนเดินออกมาจากถังบรรจุสารเคมี เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็พบแมวตัวหนึ่งกำลังวิ่งหนีไปในทิศทางตรงกันข้ามจากถังบรรจุสารเคมีดังกล่าว และทิ้งรอยอุ้งเท้าเอาไว้

คณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมของเมืองฟุกุยามะ ออกมาเตือนประชาชนไม่ให้จับหรือสัมผัสแมวที่มีพฤติกรรมผิดปกติและให้รีบแจ้งตำรวจในทันที แต่ก็ได้ตั้งข้อสงสัยว่าตอนนี้แมวอาจตายไปแล้วก็ได้ จากการปนเปื้อนสารเคมีร้ายแรงที่มันตกลงไปก่อนที่จะวิ่งหนีหายไป