ข่าว
“ทรัมป์” สุดจำใจ ลงนาม ก.ม.คว่ำบาตรรัสเซีย

3 ส.ค.60 ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งมีเนื้อหาลงโทษและคว่ำบาตร รัสเซีย อิหร่าน รวมถึงเกาหลีเหนือ ถูกส่งให้ทรัมป์พิจารณาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่ทรัมป์จะตัดสินใจลงนามที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวที่ได้รับการอนุมัติและผ่านการรับรองอย่างท่วมท้นทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการต่อต้านรัสเซีย ตามที่กล่าวหาว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559 และยึดครองดินแดนไครเมีย ขณะที่ประเทศในยุโรปกังวลว่าบริษัทของพวกเขาจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย เพราะอาจส่งผลให้มีการระงับบริษัทของยุโรปทำกิจการภาคพลังงานร่วมกับรัสเซีย นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวมีเนื้อหาคว่ำบาตรและลงโทษอิหร่านตามข้อกล่าวหาสนับสนุนก่อการร้าย และต่อเกาหลีเหนือฐานยิงขีปนาวุธหลายครั้ง

อย่างไรก็ดี รัสเซียได้ดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสั่งให้สหรัฐจะต้องลดจำนวนนักการทูตในรัสเซียลง 775 คน สั่งอายัดบ้านพักฤดูร้อนและโกดังเก็บของสถานทูตสหรัฐ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ก็เอ่ยปากว่า ความสัมพันธ์กับสหรัฐคงไม่ดีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ รัสเซียอาจเพิ่มการกดดันเพื่อตอบโต้สหรัฐในรูปแบบอื่นอีก หากความพยายามกดดันรัสเซียทำให้เกิดความเสียหายบานปลาย แต่ก็หวังว่ายังไม่จำเป็นต้องทำในขณะนี้

ทั้งนี้ รัสเซียปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้มีความพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ทรัมป์ก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องรัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งดังกล่าว

“มีชัย” ชี้โจทย์คดีสลายม็อบยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน

3 ส.ค.60 นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ได้กล่าวถึงผลการพิจารณาคดีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ในปี 2551 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อวานนี้ (2 ส.ค.60) ว่า ฝ่ายโจทก์สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ แม้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะยังไม่ออกมาก็ตาม เพราะนี่เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ทั้งฝ่ายโจทก์ และจำเลย สามารถอุทธรณ์ได้ ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องอุทธรณ์ด้วยตัวเองหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ตรงนี้รัฐธรรมนูญไม่ได้พูดไว้ แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องนั้นก็อุทธรณ์ไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ บอกว่า ต้องยื่นอุทธรณ์ด้วยตัวเองนั้น ตนคิดว่า น่าจะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตมากกว่า

เมื่อถามว่า จะมีช่องทางขยายเวลาให้ยื่นอุทธรณ์ได้มากกว่า 30 วันหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ขยายได้ยากเพราะเรื่องนี้เขียนไว้ในมาตรา 195 ของรัฐธรรมนูญอยู่แล้วว่า ต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน แม้ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยศาลฎีกาฯฉบับเก่า นั้น มีการเขียนว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลจะขยายเวลารับเรื่องอุทธรณ์ก็ได้ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลฎีกาฯ แต่ว่านี่ก็เป็นเรื่องยาก เพราะว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ระบุว่า ภายใน 30 วัน


"เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน" รมว.กต.สหรัฐเยือนไทย 8 ส.ค.นี้ เยี่ยมคาราวะพล.อ.ประยุทธ์ หารือ "ดอน"

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า นายเร็กกซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ มีกำหนดจะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ

น.ส.บุษฎีกล่าวว่า ระหว่างการเยือนนายทิลเลอร์สันมีกำหนดเข้าลงนามถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงหารือกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคีและประเด็นที่อยู่ในความสนใจร่วมกันของทั้งสองฝ่าย


คลังสอบวินัยร้ายแรง “จนท.สรรพากร” คดีหุ้นชิน

3 ส.ค.60 นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร 2 - 3 คน ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและผลสอบออกมาพบว่ามีมูลละเว้นปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว

"การตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงรอบนี้ เป็นระดับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งมีไม่กี่คน ส่วนอดีตผู้บริการระดับสูงของกรมสรรพากรยังไม่การตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เพราะต้องพิจารณาอย่างละเอียดว่ามีเจตนาเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยอาจจะต้องให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีกครั้ง" นายสมชัย กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงพบว่าเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรมีความผิด ก็ต้องพิจารณาว่าจะให้ออกหรือไล่ออกจากราชการ และต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการรับผิดทางแพ่ง เรียกค่าเสียหายจากการเก็บภาษีไม่ได้จากผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

สำหรับการสอบข้อเท็จจริงการละเว้นเก็บภาษีหุ้นดังกล่าว มี นายยุทธนา หยิมการุณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ประธานตรวจสอบ โดยผลสอบแยกเป็น 2 ส่วน ในส่วนแรกเป็นการสอบกรณีที่กรมสรรพากรไม่ยื่นอุทธรณ์ศาลภาษีอากร ให้ นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร ให้เสียภาษีจากการซื้อขายหุ้น ผลสอบระบุชัดเจนว่า ผู้บริหารสรรพากรภาค 3 มีการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนี้ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรง รวมถึงมีระเบียบของกรมสรรพากรว่าต้องทำการยื่นอุทธรณ์ศาลในทุกกรณี

นอกจากนี้ ผลสอบยังตั้งข้อสังเกตว่า ผู้บริหารกรมสรรพากรในขณะนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไม่ยื่นอุทธรณ์เรื่องดังกล่าวด้วย ส่วนจะมีการพิจารณาตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของปลัดกระทรวงการคลัง

สำหรับการสอบในส่วนที่สอง เป็นกรณีที่กรมสรรพากรไม่ทำการประเมินเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นจากนายทักษิณ ผลสอบชี้ว่า ผู้บริหารกรมสรรพากรมีความพยายามที่จะไม่ประเมินภาษี ซึ่งปลัดกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่

ด้านแหล่งข่าวจากกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ทำการตรวจและอายัดทรัพย์นายทักษิณ หลังจากไม่ยอมชำระภาษีจากการซื้อขายหุ้นเมื่อปี 49 รวมภาษีและค่าปรับจำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท ที่กรมสรรพากรทำการประเมินเมื่อเดือน มี.ค.60 ที่ผ่านมา ทำให้ถือเป็นหนี้ภาษี โดยกรมสรรพากรต้องทำตามระเบียบคือ การตรวจและอายัดทรัพย์มาชำระภาษีและค่าปรับให้ครบจำนวน ซึ่งมูลค่าที่ยึดมีเพียงไม่กี่ล้านบาทเท่านั้น


“ศาลอินโด” ตัดสินจำคุยชายปลูก “กัญชา” ใช้บรรเทาปวดภรรยาป่วยมะเร็ง

ศาลบนเกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา ให้จำคุกนายฟิเดลิส อาร์รี เป็นเวลา 8 เดือน หลังจากนายอาร์รี ปลูกกัญชาสำหรับใช้บรรเทาปวดให้ภรรยาที่กำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งและเสียชีวิตลงเพียงไม่นานหลังสามีถูกจับ และปรับเป็นเงิน 1 พันล้านรูเปีย หรือราว 2.5 ล้านบาท โดยทนายความของอาร์รี ระบุว่าศาลเห็นว่าอาร์รีไม่ได้รับอนุญาตให้มีกัญชาในครอบครอง และยังส่งต่อให้ผู้อื่น ซึ่งศาลมีความเห็นยอมรับว่านายอาร์รีไม่ใช่ผู้เสพหรือผู้ขาย

ด้านทนายความระบุว่า นายอาร์รี ผู้ที่เป็นพ่อลูกสอง และถูกควบคุมตัวอยู่ ยังคงพิจารณาว่าจะอุทธรณ์โทษดังกล่าวหรือไม่ ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวทางกฎหมายประณามการตัดสินของศาล โดยระบุว่านาอาร์รี ทำไปเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินและด้วยความรักที่มีต่อภรรยา และว่านายอาร์รี กลายเป็นเหยื่อของนโยบายทำสงครามยาเสพติด


หุ้นสหรัฐพุ่งแตะ 22,000 จุดเป็นครั้งแรก หลังแอปเปิลกำไรพุ่ง

3 ส.ค.60 ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ดัชนีทะยานขึ้นไปอยู่เหนือ 22,000 จุดหลังการซื้อขายได้เพียง 15 นาที และแกว่งตัวในแดนบวกตลอดการซื้อขาย ท่ามกลางแรงซื้อหนาแน่นในหุ้นกลุ่มบลูชิพ นำมาโดยแอปเปิลที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีนี้เป็นไปตามเป้า จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นไป 4.7% ส่งผลให้ดัชนีทำสถิติปิดในแดนบวกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 6 แม้เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลยูโรก็ตาม โดยขยับลงไปอยู่ต่ำกว่า 1.19 ดอลลาร์ต่อยูโรแล้ว

โดยปิดการซื้อขาย ดัชนีหุ้นดาวโจนส์บวกเพิ่ม 52.32 จุด ไปปิดที่ระดับ 22,016.24 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ นาสแด็คปิดที่ระดับ 6,362.65 จุด ลดลง 0.29 จุด และเอสแอนด์พีปิดที่ระดับ 2,477.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.22 จุด ด้านตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป เอฟที-100 ของอังกฤษปิดที่ 7,411.43 จุด ลดลง 12.23 จุด แด็กซ์ของเยอรมนีปิดที่ 12,181.48 จุด ลดลง 69.81 จุด และซีเอซี-40 ของฝรั่งเศส ปิดที่ระดับ 5,107.25 จุด ลดลง 19.78 จุด

ส่วนราคาน้ำมันดิบกลับขึ้นมาปิดในแดนบวกอีกครั้ง จากข้อมูลความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น และตัวเลขที่ชี้ว่า ปริมาณน้ำมันสำรองในสหรัฐไม่ได้ลดลงมากนักในสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างที่หลายฝ่ายกังวล โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 49.59 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ แหล่งทะเลเหนือของอังกฤษ ปิดที่ระดับ 52.36 จุด เพิ่มขึ้น 58 เซนต์

"เจ้าชายฟิลิป" ปฏิบัติพระกรณียกิจสุดท้าย

3 ส.ค.60 เจ้าชายฟิลิป เสด็จทอดพระเนตรขบวนสวนสนาม ของนาวิกโยธิน ที่พระราชวังบักกิงแฮมเป็นงานสุดท้าย หลังจากเสด็จออกงานร่วมกับสมเด็จพระราชินีมานับไม่ถ้วนตลอด 65 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมเด็จพระราชินีเสด็จขึ้นครองราชย์ในปี 2495 ทรงเสด็จออกงานแทนพระองค์ถึง 22,219 งาน เสด็จเยือนต่างประเทศทั้งหมด 637 ครั้ง มีพระราชดำรัสราว 5,500 ครั้ง และทรงเป็นองค์ราชูปถัมป์หรือสมาชิกองค์กรต่างๆ กว่า 780 แห่ง บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟ ถวายคำสรรเสริญพระองค์ว่า ทรงนึกถึงประเทศก่อนเสมอ ถึงเวลาที่พระองค์จะพักผ่อนบ้างแล้ว

สมเด็จพระราชินีพระชนมพรรษา 91 พรรษา ตรัสถึงพระราชสวามีที่ทรงเคียงข้างกันตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ว่า ทรงเป็นทั้งกำลังใจและที่พักพิง ขณะที่เจ้าชายฟิลิปตรัสหยอกว่า ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเปิดป้ายมากที่สุดในโลก พระองค์ทรงประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคม เรื่องจะงดพระราชกรณียกิจนับแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ เนื่องจากทรงมีพระชนมายุถึง 96 พรรษาแล้ว โดยเจ้าชายฟิลิปทรงตัดสินพระทัยในเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง และทรงได้รับการสนับสนุนจากสมเด็จพระราชินีเป็นอย่างดี

โดยนับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าชายฟิลิป จะไม่ทรงรับคํากราบบังคมทูลเชิญให้เสด็จยังงานต่างๆ อีก แต่อาจทรงเลือกเสด็จไปร่วมงานสาธารณะบางงานเป็นบางโอกาสตามพระอัธยาศัยได้