ข่าว
ลุง 68 ควบเก๋งชนคนเดินเท้าดับ 9 ศพ จุดประเด็นถกเถียง‘ผู้สูงอายุควรขับรถหรือไม่’ในเกาหลีใต้

วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอรายงานพิเศษ Too old to drive? Deadly Seoul car crash reignites debate on elderly driving ระบุว่า เหตุการณ์ชายวัย 68 ปี ขับรถชนคนเดินเท้าเสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บ 4 คน ที่กรุงโซลของเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา จุดประเด็นการถกเถียงในสังคมเกาหลีใต้ขึ้นมาว่า ผู้สูงอายุควรขับรถเองหรือไม่

ย้อนกลับไปในเดือน พ.ค. 2567 ทางการเกาหลีใต้ ได้เสนอแนวคิดเรื่องใบอนุญาตขับขี่แบบมีเงื่อนไขซึ่งจะจำกัดการเข้าถึงทางหลวงและการขับรถในเวลากลางคืนสำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป โดยขึ้นอยู่กับความสามารถในการขับขี่ ซึ่งสืบเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางถนนที่เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่อายุ 65 ปีขึ้นไป ได้เพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2563 ทำลายสถิติสูงสุดที่ 39,614 กรณีในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 31,072 ในปี 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.5

ในเวลานั้น กระแสต่อต้านอย่างรุนแรงเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติด้านอายุทำให้ทางการต้องชี้แจงว่านโยบายดังกล่าวไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ “ผู้ขับขี่อาวุโส” ในกลุ่มอายุใดโดยเฉพาะ แต่มุ่งเป้าไปที่ “ผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูง” ซึ่งถือว่าก่อให้เกิดอันตรายจากการจราจรที่มากขึ้นเนื่องจาก ไปสู่สภาวะทางสติปัญญาและทางกายภาพที่ลดลง ซึ่งทางการให้คำมั่นที่จะทำการสำรวจสาธารณะอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจว่าจะดำเนินการตามแผนในปี 2568 หรือไม่

เนื่องจากเกาหลีใต้เข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว จึงคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ขับขี่อาวุโสจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 4.74 ล้านคนเป็น 7.25 ล้านคนภายในปี 2573 และอุบัติเหตุสะเทือนขวัญในวันที่ 1 ก.ค. 2567 เรื่องผู้สูงอายุกับการขับรถก็ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอีกครั้ง บางคนเรียกร้องให้มีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดสำหรับผู้ขับขี่ที่มีอายุเกินกำหนด เพื่อพิจารณาความสามารถในการขับขี่ของพวกเขา ในขณะที่คนอื่นๆ กล่าวว่ามีความจำเป็นต้องเข้มงวดแนวทางการตรวจสอบใบอนุญาตสำหรับผู้ขับขี่อาวุโส

ซุง ฮเย-จิน (Sung Hye-jin) หญิงวัย 36 ปี ซึ่งทำงานอยู่ใกล้ศาลาว่าการกรุงโซล กล่าวว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ตนเห็นด้วยอย่างหนักแน่นขึ้นว่าควรมีแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่อาวุโส โดยยกความเป็นห่วงพ่อของตนเอง ซึ่งมีอายุ 73 ปีแล้ว แต่ยังเดินทางด้วยการขับรถเองบนทางหลวงเป็นเวลา 40 นาที ซึ่งเกาหลีใต้เป็นประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว จึงต้องระมัดระวังกับผู้ที่ความสามารถในการขับขี่ลดลงตามอายุ นอกจากความปลอดภัยของผู้สูงอายุที่ขับรถเองแล้ว ตนก็ไม่อยากให้ใครได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

บง ฮวา-จา (Bong Hwa-ja) หญิงชราวัย 80 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานล้างจานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในบริเวณศาลาว่าการกรุงโซล กล่าวว่า บริเวณนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่พนักงานออฟฟิศในช่วงเวลาอาหารกลางวันและอาหารเย็น แทนที่จะชี้นิ้ว ลองคิดดูว่าโชคดีแค่ไหนที่รถไม่ชนร้านอาหาร หากเป็นเช่นนั้น อาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น

แต่ในทางกลับกัน ฝ่ายที่คัดค้านก็ให้เหตุผลว่า ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ผู้สูงวัยมีสุขภาพที่ดีขึ้น และอายุเป็นเพียงตัวเลข พวกเขาตั้งคำถามว่าผู้ที่มีอายุ 68 ปีถือเป็นผู้สูงอายุและทำอะไรไม่ถูกหรือไม่ อีกทั้งยังอ้างถึง ฮัน ด็อก-ซู (Han Duck-soo) นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ในปี 2565 ที่เข้ารับตำแหน่งก็มีอายุ 72 ปีแล้ว และกำลังจะมีอายุครบ 75 ปี ในปี 2567 นี้ ทำให้กลายเป็นบุคคลที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ ที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว

ในพื้นที่ออนไลน์ของเกาหลีใต้ ผู้ใช้ชื่อว่า แบ็ก ยอง-ดัม (Baek Yong-dam) แสดงความคิดเห็นว่า แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ปฏิกิริยาตอบสนองอาจลดลงตามอายุ แต่ก็ไม่ยุติธรรมที่จะกล่าวหาผู้ขับขี่สูงอายุว่าขับรถไม่ดี และเสนอแนะให้บังคับใช้การตรวจสุขภาพโดยละเอียดสำหรับผู้ขับขี่ที่มีอายุมากกว่าที่กำหนด ขณะที่ ศ.ลี แจ-มิน (Prof.Lee Jae-min) นักวิชาการด้านกฎหมาย มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล กล่าวว่า 65 ปีถือเป็นสัญลักษณ์ตามธรรมเนียมในบริบทของสังคมเกาหลี

“เป็นเวลานานที่สุดแล้วที่คนเราจะถูกพิจารณาว่าเป็นผู้อาวุโส โดยสามารถนั่งรถไฟใต้ดินได้ฟรีและมีสิทธิได้รับเงินบำนาญ แต่ทุกวันนี้ เมื่อพิจารณาจากสภาวะสุขภาพที่ดีขึ้นของผู้สูงอายุแล้ว จึงมีการอภิปรายอย่างต่อเนื่องว่าควรจะเก็บ 65 ไว้เป็นเส้นแบ่ง หรือจะขยับขึ้นเป็น 70 หรือแม้แต่ 75 ทั้งนี้ การสอบสวนอุบัติเหตุดังกล่าวยังอยู่ระหว่างดำเนินการ หากอายุของผู้ขับขี่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่แท้จริง ก็มีแนวโน้มว่าจะเร่งความคืบหน้าในการจัดเตรียมใบอนุญาตขับขี่แบบมีเงื่อนไขสำหรับผู้ขับขี่ในช่วงอายุที่กำหนด” ศ.ลี กล่าว

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ภายใต้หลักเกณฑ์ปัจจุบันของเกาหลีใต้ ผู้ขับขี่ที่มีอายุเกิน 75 ปีจะต้องผ่านรอบการต่ออายุใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 3 ปี และจะต้องผ่านการทดสอบความสามารถทางปัญญาและการศึกษาด้านความปลอดภัยในการจราจร ณ เวลาที่ต่ออายุ นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปยังได้รับการสนับสนุนให้ได้รับการศึกษาด้านความปลอดภัยในการจราจรอีกด้วย สิ่งจูงใจที่เป็นเงินสดมูลค่า 100,000-300,000 วอน (2,670-8,010 บาท) จะถูกห้อยไว้เหมือนแครอท เพื่อส่งเสริมให้ผู้ขับขี่สูงอายุคืนใบอนุญาตโดยสมัครใจ อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ไม่ได้รับความนิยม โดยมีผู้ขับขี่เพียงประมาณร้อยละ 2 เท่านั้นที่ทำเช่นนั้นในแต่ละปี

ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพและได้รับการรับรองความพร้อมในการขับขี่โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ ก่อนจึงจะสามารถตรวจสอบใบขับขี่ของสิงคโปร์อีกครั้งได้ รอบการตรวจสอบซ้ำคือทุกๆ 3 ปี โดยไม่จำกัดอายุสูงสุด

'คลัง'ไปต่อ!! เตรียมเปิดลงทะเบียน'ดิจิทัลวอลเล็ต'ส.ค.นี้ พร้อมกัน 50 ล้านคน

3 ก.ค.67 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังไม่กังวลเกี่ยวกับการประชุมในชั้นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณเกี่ยวกับแหล่งเงิน โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินจาก 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 175,000 ล้านบาท 2.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วงเงิน 152,700 ล้านบาท และ 3.การใช้เงินจากมาตรา 28 ของ ธ.ก.ส. วงเงิน 172,300 ล้านบาท นับว่าเป็นเรื่องปกติของการประชุม กมธ.งบประมาณฯ หากชี้แจงแล้วยังไม่เป็นที่พอใจ เอกสารไม่ครบถ้วน หรือมีข้อสงสัย จะให้กลับมาชี้แจงใหม่ จึงไม่เกี่ยวกับงบประมาณไม่ผ่านสภาฯ จึงอยากให้ประชาชนคลายความสงสัย

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet วันศุกร์นี้ เตรียมเชิญกระทรวงพาณิชย์หารือเกี่ยวกับความพร้อมของร้านค้าเข้าร่วมโครงการ และรายการสินค้า เพื่อให้ประชาชนใช้จ่าย เน้นสินค้าประเภทใดบ้าง เพราะเป็นหัวใจหลักกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นสินค้าผลิตและใช้วัตถุดิบในประเทศ ไม่ใช่สินค้านำเข้าเป็นหลัก เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ดูแล ยอมรับร้านค้ามักจะขายสินค้าผสมกันหลากหลายชนิดภายในร้าน จึงต้องมีกลไกกำกับดูแลให้ชัดเจน ขณะนี้ร้านค้านับล้านรายสนใจเข้าร่วมโครงการ

"จากนั้นจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนพร้อมกัน 50 ล้านคน ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2567 และมีกลไกให้ยืนยันการใช้สิทธิ์ จากนั้นจะปิดระบบเพื่อทำการตรวจสอบสิทธิ์ จากหลายหน่วยงานร่วมกันในช่วงสิ้นเดือนกันยายน 2567 คาดว่าการพัฒนาระบบแอปฯ จะพร้อมในช่วงไตรมาส 3 ยืนยันเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ถึงมือประชาชนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน"นายจุลพันธ์ กล่าว

ข่าวแจ้งว่า รัฐบาลหวังใช้แอปฯ ในโครงการเงินเติม 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet รองรับสวัสดิการของรัฐอีกหลายด้าน ทั้งการโอนเงินสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อใช้สิทธิเรื่องค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส การเดินทาง การดูแลกลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ การดูแลด้านรักษาพยาบาล หวังเชื่อมโยงข้อมูลสวัสดิการรัฐครอบคลุมทุกด้าน ให้อยู่ในฐานระบบเดียวกัน นับเป็นแอปฯ แรกของไทยที่มีข้อมูลของประชาชน 50 ล้านคน เพื่อใช้ดูแลสวัสดิการของประชาชน โดยกระทรวงดีอี เป็นผู้ดูแลแอปพลิเคชันดังกล่าว


'สุนารี'น้ำตาคลอประกาศขายบ้าน กลับโคราชดูแลแม่ป่วยช่วงสุดท้าย

เรียกว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของนักร้องลูกทุ่งสาว "สุนารี ราชสีมา" ที่ล่าสุดประกาศขายบ้าน 2 หลังใน จ.นนทบุรี โดยให้เหตุผลว่าเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่จะทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด เพราะคุณแม่ป่วย เลยจะย้ายไปอยู่กับคุณแม่ที่โคราช เพื่อดูแลท่านช่วงสุดท้ายของชีวิต

"ประกาศขายบ้านที่จังหวัดนนทบุรี 2 หลัง เป็นช่วงสุดท้ายที่จะทำหน้าที่ลูก อยากมีเวลาได้ดูแลท่านในช่วงเวลาสุดท้าย ฝากทุกคนช่วยแชร์คลิปนี้ด้วย หากใครสนใจติดต่อได้เลย เพื่อส่งโอกาสให้ได้ทำบุญใหญ่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำได้นานแค่ไหน แต่อยากทำ เวลามีงานก็จะวิ่งมาทำงาน ถ้ามีงาน 2-3 วันติดก็จะนอนบ้านลูกชาย"

ท่ามกลางคนบันเทิงและแฟนคลับที่เข้ามาให้กำลังใจล้นหลาม


คุณยายวัย 91 เก็บเศษ'เชือกมัดฟาง'ถักเปลญวนขายปากละ 50 บาท เป็นรายได้เสริม

3 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมู่ 5 บ้านวังสมบูรณ์ ต.นาขุนไกร อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย มีคุณยายอายุ 91 ปี ชื่อว่าคุณยายไข่ ได้ใช้เวลาว่างมานั่งถักเปลญวนขายหารายได้เสริม ด้วยวัสดุเหลือใช้ที่มีความแข็งแรงทนทานอย่าง “เชือกมัดฟาง” ที่ชาวบ้านโยนทิ้งและเตรียมจุดไฟเผาไปแบบไร้ประโยชน์

คุณยายไข่ บอกว่า นั่งๆนอนๆอยู่ในบ้านเฉยๆแล้วมันเหงา ก็เลยให้หลานๆไปขอเศษเชือกมัดก้อนฟางที่คนเลี้ยงวัวในหมู่บ้านเขาทิ้งแล้ว เพื่อเอามาถักเป็นเปลญวนขายปากละ 50 บาท ทำแบบนี้มานานร่วม 2 ปีแล้ว เมื่อก่อนถักเปลไม่เป็นแต่เคยเห็นเพื่อนบ้านทำ จึงลองฝึกถักเองบ้าง ไม่นานก็ทำได้

ส่วนเรื่องการขายเป็นหน้าที่ของหลานๆ ในการหาตลาด หาลูกค้า ถ้าอยู่ใกล้ๆก็จะวิ่งส่งให้ถึงบ้าน ใครสนใจก็สอบถามได้ที่เบอร์โทร 099-1685930 (หลานสาว)


บริษัทหุ่นยนต์จีนจับมือ FAW-Volkswagen สร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไร้มนุษย์

3 ก.ค.67 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยูบีเทค (UBTECH) บริษัทวิจัยและผลิตหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ในนครเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีน และเอฟเอดับเบิลยู-โฟล์กสวาเกน (FAW-Volkswagen) หนึ่งในกิจการร่วมค้าผลิตยานยนต์เก่าแก่ที่สุดของจีน ประกาศแผนการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสายการผลิตอัจฉริยะและคล่องตัวสูง รวมถึงโรงงานผลิตรถยนต์ไร้มนุษย์

ความร่วมมือนี้มุ่งบูรณาการหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เข้าสู่การดำเนินงานในโรงงานของเอฟเอดับเบิลยู-โฟล์กสวาเกน ในเมืองชิงเต่าทางตะวันออกของจีน โดยเอฟเอดับเบิลยูฯ จะให้ยูบีเทคเข้าถึงสายการผลิตของโรงงานในเมืองชิงเต่า เพื่อใช้วอล์กเกอร์ เอส (Walker S) หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ของยูบีเทค ทำงานต่างๆ เช่น ขันสลักเกลียว ประกอบชิ้นส่วน และจัดการชิ้นส่วนยานยนต์

ยูบีเทคจะจัดสรรทรัพยากรเพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์สำหรับการประยุกต์ใช้งานทางอุตสาหกรรม ซึ่งสนับสนุนความพยายามของเอฟเอดับเบิลยู-โฟล์กสวาเกน ในการยกระดับความอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติในโรงงานแห่งต่างๆ

ทั้งนี้ วอล์กเกอร์ เอส หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เชิงอุตสาหกรรมของยูบีเทค ถูกใช้ในการฝึกฝนบนพื้นที่จริงที่โรงงานของนีโอ (NIO) ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของจีน และโรงงานประกอบเครื่องยนต์ของตงเฟิง หลิ่วโจว (Dongfeng Liuzhou) แล้ว

ชาวเกาหลีวางดอกไม้อาลัยเหยื่อเก๋งพุ่งชนคนรอข้ามถนน ด้านคนขับอ้างคันเร่งค้าง

3 กรกฎาคม 2567 จากกรณีที่ชายสูงวัยขับรถเก๋งพุ่งชนกลุ่มคนที่กำลังยืนรอสัญญาณไฟจราจร เพื่อรอการข้ามถนนใจกลางกรุงโซล บริเวณสี่แยกใกล้ศาลาว่าการกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน บาดเจ็บอีก 6 คน รายงานพบว่ารถคันนี้แล่นสวนเลนมาก่อนที่จะพุ่งชนรถอีก 2 คันก่อนพุ่งเข้าจนคนที่ยืนรอข้ามถนนจนเป็นเหตุสลด ก่อนที่จะจับกุมคนขับได้ในเวลาต่อมา เขาอ้างว่ารถเกิดปัญหาคันเร่งค้าง

โดยจากสถานที่เกิดเหตุพบว่าชาวเกาหลีใต้ต่างเข้ามาวางดอกไม้ไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตด้วยความเศร้าสลด ซึ่งพลเมืองหลายคนใช้เส้นทางนี้เป็นประจำจึงรู้สึกหวาดกลัว ร้านค้าในบริเวณนั้นต่างรู้สึกหัวใจสลายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ทางการยังคงปิดกันพื้นที่ที่เกิดเหตุและทำการสืบสวนเพื่อหาสาเหตุต่อไป