ข่าว
จิตลดาร่วมศูนย์ส่งเสริมฯ สร้างแคมเปญ "We Care"

ศูนย์ส่งเสริมชาวไทยร่วมกับร้านอาหารจิตลดา บนถนนซันเซ็ท สร้างแคมเปญ "We Care" ในการบริจาคสมทบทุนโครงการต่างๆ เพื่อชุมชนไทย โดยทางร้านจิตลดาบริจาค 15% ของยอดขายในวันอังคารที่ 2 และ 4 ของเดือนให้กับทางศูนย์ฯ เรียกว่า "Jitlada Cares"

แคมเปญดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันอังคารที 8 เมษายนที่ผ่าน เจ้าของร้านจิตลดา เชฟตุ๋ย สุทธิพร สังขมี มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในแคมเปญนี้ เขาเปิดเผยว่า "ศูนย์ส่งเสริมชาวไทยได้รับการก่อตั้งเพื่อช่วยเหลือชุมชนไทยโดยเฉพาะ และเราต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการแบ่งเบาภาระของศูนย์ฯ เราอยากเชิญชวนร้านไทย ที่ประสบความสำเร็จร่วมด้วยเช่นกัน ทุกท่านสามารถช่วยบรรเทาทุกข์และความยากเข็ญของคนไทยในสหรัฐฯ"

แคมเปญ " Jitlada Cares" เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปในการบริจาคเงินสมทบทุนโครงการต่างๆ ของศูนย์ส่งเสริมชาวไทยด้วยวิธีที่สะดวกและเป็นที่ถูกใจได้ไม่ยาก นั่นคือการรับประทานอาหารกับครอบครัว เพื่อนๆ หรือคนรัก รายได้จากแคมเปญ จะสนับสนุนการทำงานของศูนย์ส่งเสริมชาวไทย เพื่อมอบบริการด้านต่างๆ สำหรับคนไทยในแคลิฟอร์เนียภาคใต้ เช่นการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน การช่วยเหลือทางกฎหมายและภาษา


วิจัย พิษ "กัญชา" ร้าย หัวใจแทรกซ้อนถึงตาย

วารสารสมาคมหัวใจอเมริกาตีพิมพ์งานศึกษาฝรั่งเศสระบุการใช้กัญชาอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจแทรกซ้อน และเสียชีวิตได้ สำหรับคนหนุ่มสาวและวัยกลางคนการใช้กัญชาอาจนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดหัวใจแทรกซ้อน ตามการศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสารของสมาคมหัวใจสหรัฐอเมริกา

การใช้ข้อมูลในปี 2006-2010 จาก Addictovigilance Network ประเทศฝรั่งเศส นักวิจัยระบุว่ามี 35 กรณีของภาวะหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ สมองและแขนขา ที่เกิดขึ้นหลังจากใช้กัญชา พวกเขาพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 34.3 ปี

กรณีเหล่านี้ คิดเป็นร้อยละ 2 ของภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับกัญชา รวม 20 กรณีของโรคหัวใจและ 9 กรณีเสียชีวิต

ตาทที่นักวิจัยศึกษาการใช้กัญชาและภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ มีแนวโน้มการจดบันทึกน้อยมาก ประเทศฝรั่งเศสมี 1.2 ล้านรายของผู้ใช้กัญชาเป็นประจำ และมีจำนวนมากของภาวะแทรกซ้อนที่อาจไม่ได้รับการบันทึกโดยระบบ Addictovigilance ของฝรั่งเศส

"ประชาชนทั่วไปคิดว่ากัญชาไม่เป็นอันตราย แต่ข้อมูลได้เผยให้เห็นถึงอันตรายของการใช้กัญชาที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพ จะต้องมีการเผยแพร่ให้ประชาชน ผู้กำหนดนโยบายและผู้บริหารด้านสุขภาพ" หัวหน้างานศึกษา Milie Jouanjus สมาชิกของคณะแพทย์ที่ศูนย์ Hospitalier Universitaire de Toulouse ในตูลูส ประเทศฝรั่งเศส กล่าวในงานแถลงข่าว

นักวิจัยได้ตั้งข้อสังเกตว่า คนที่มีความอ่อนแอของหัวใจและหลอดเลือดแต่เดิมอยู่แล้ว อาจจะมีแนวโน้มที่จะได้สัมผัสกับผลกระทบที่เป็นอันตรายของกัญชา "ขณะที่มีหลักฐานที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของกัญชามีผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนหนุ่มสาว" Jouanjus กล่าว "มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่แพทย์รวมถึงผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ จะต้องตระหนักถึงเรื่องนี้และพิจารณาการใช้กัญชาเป็นหนึ่งในสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด"

จัดนิทรรศการ 10 ศิลปินไทย แสดงที่สถานกงสุลใหญ่แอล.เอ.

“โครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2557” (10 Thai Contemporary Artists Award 2014)

จัดแสดงผลงานของศิลปินชาวไทย จำนวน 10 ท่านที่ได้รับการคัดเลือกจากศิลปินแห่งชาติของไทย ประกอบด้วย 1. นางสาวหทัยรัตน์ มณีรัตน์ 2. นางสาวสุริวัลย์ สุธรรม 3. นายชัยพร ระวีศิริ 4. นางสาวกมลชนก ผลงาม 5. นายวิสุทธิ์ ยิ้มประเสริฐ 6. นายทรงฤทธิ์ เหมือยพรม 7. นายภาณุ สรวยสุวรรณ 8. นายสุวัฒน์ บุญธรรม 9. นางสาวจิรัชยา พริบไหว 10. นางสาวพรสวรรค์ จันทร์สุข

นิทรรศการดังกล่าว จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 พฤษภาคม 2557 เวลา 18.00 – 19.00 น. ณ บริเวณชั้น 2 อาคารสถานกงสุลใหญ่ฯ 611 N. Larchmont Blvd. 2nd Floor, Los Angeles, CA 90004 โดยมีนายเจษฎา กตเวทิน กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการดังกล่าว

การจัดนิทรรศการครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสถานกงสุลใหญ่ฯ กระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสภาศิลปกรรมไทยแห่งสหรัฐอเมริกา โดยจะจัดแสดง ระหว่างวันที่ 6 – 16 พฤษภาคม 2557 เวลา 9.00 – 16.00 น. (ยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)


สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เปิดโลก “ธุรกิจนวัตกรรม ”

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช)ดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของ “คณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ” กระทรวงวิทยาศาสตร์ มีหน้าที่หลักคือ สนับสนุนเอกชนทำธุรกิจใหม่ โดยใช้นวัตกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง สนช.ช่วยเรื่องการเงินและความรู้เพื่อให้เกิดเป็นตัวเงิน เพิ่มเม็ดเงินเข้าประเทศซึ่งมีการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สมุนไพร

งานสัมมนาจัดขึ้นที่โรงแรม Double Tree เมื่อวันเสาร์ที่ 12 เมษายน 2557โดย รศ. ดร. นพ. กำพล ศรีวัฒนกุล ที่ปรึกษา สนช. ศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวการสนช. นาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ที่ปรึกษา สนช.และนายกสมาพันธ์สุขภาพและความงาม อุกฤช กิจศิริเจริญชัย Project ManagerInnovation Strategy Department. กฤษกร รอดช้างเผื่อน Section Manager Innovation Culture Promotion Department

ผู้อำนวยการล่าวถึง สนช. มีโครงการกว่า 1,000 โครงการ เน้นสนับสนุนภาคเอกชนเป็นหลัก เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ภาคเอกชนอย่างเต็มที่ โดยเน้นการพัฒนาโครงการนวัตกรรม ให้คำปรึกษาแนะนำตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจ การวางระบบบริหารภายในองค์กร การตลาด การวางระบบเครือข่าย งานการเงินและประเมินผล

ภาพรวมของการสร้างธุรกิจใหม่ ที่สอดคล้องกับนวัตกรรมตัวอย่างเช่น การขายข้าวสาร สนช. ไม่ได้ขายข้าวสารเป็นเกวียน แต่ขายข้าวสารเป็นกรัมเพื่อสร้างเม็ดเงินที่มหาศาลกว่า แต่ควรจะมีการจัดการที่ดี ด้วยการนำข้าวสารมาแปรรูปเป็นอาหารเสริม เช่น ปลายข้าว มาทำเป็น filler (คือเป็นสารเพิ่มปริมาตรในเม็ดยา) จากปลายข้าวที่ราคา 10 บาท ต่อกิโลกรัม กลายเป็น 300 บาทนั่นก็คือเป็นการเพิ่มมูลค่า หรือ นำข้าวมาทำเป็นแป้งเด็ก หรือ แป้งพัฟ เหมือนที่อเมริกามีขายแป้ง Talcum Free ทำจากข้าวโพด

เรื่องของโมเดลข้าว เช่นจัดการส่วนของข้าวที่มีมูลค่าต่ำที่สุด นำมาสกัดเอารำข้าว นำรำข้าวทำเป็นเม็ดเป็นอาหารเสริม ซึ่งมีไฟเบอร์สูง, เศษข้าว สามารถทำเป็นรูปแบบเส้นพาสต้า สุดท้ายฟางข้าว หรือแกลบ ก็สามารถนำมาอัดเม็ด เป็น เชื้อเพลิง ซึ่งถ้าเราสามารถทำได้อย่างนี้นาข้าว 1 ไร่ ก็สามารถมีค่าถึง 80,000 บาท ในอุตสาหกรรมอื่นทางสนช.กำลังพัฒนาส่วนนี้อยู่เช่น เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง ซึ่งทางนวัตกรรมก็มีโครงการที่จะนำข้าว มาทำเป็นรูปแบบ serum ที่เหมือน SK2 เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า

ความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมโดยหันมาเลือกใช้และจำหน่ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นสำหรับประเทศไทยในอนาคตไม่สามารถหลีกเลี่ยงแนวทางด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อม การนำวัตถุดิบที่เหลือจากการเกษตรเช่นชานอ้อยมาเพิ่มมูลค่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและยังสามารถใช้ทดแทนบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกและโฟมได้เป็นต้น

โครงการ “Thai Delicious”เกิดขึ้นเพราะอาหารไทยได้รับความนิยมในระดับโลกมีร้านอาหารไทยทั่วโลกกว่า 10,000 แห่งแต่ปรากฎว่าอาหารไทยถูกนำไปประยุกต์จนรสชาติผิดเพี้ยนไปจากตำรับดั้งเดิมของไทย มูลค่าการส่งออกอาหารไทยน้อยลง แต่วัตถุดิบที่นำมาประกอบเป็นอาหารกลับล้นตลาด พืชผลทางเกษตร ราคาตก จึงเกิดโครงการเพื่อรักษามาตรฐานและเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจอาหารได้เติบโตอย่างยั่งยืนและรวดเร็ว

โครงการนี้เริ่มต้นโดยให้เชพอาหารไทยจากสมาคมพ่อครัวไทยและเชพจากที่อื่นอีกหลายสิบท่านมาทำอาหารไทย ชิมว่ารสชาติใดที่ตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐานด้านรสชาติ สีสันอาหาร กลิ่นของอาหาร (Markers) แล้วกำหนดเอกลักษณ์ของอาหารชนิดนั้น ๆ เช่น ต้มยำกุ้ง ผัดไทย แกงเหลืองปักษ์ใต้ อาหารทุกชนิดมี สี กลิ่น รส เฉพาะตัว

สนช. ได้คิดเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เรียก “เครื่องตรวจวัดรสชาติอาหาร” หรือ “e-delicious” สามารถวัดรสชาติอาหารที่ลิ้นสัมผัส ได้แก่ ความเปรี้ยว ความเค็ม ความหวาน ความเผ็ด พร้อมทั้งวัดกลิ่น ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารได้ โดยกำหนดค่า สี กลิ่น รส ที่ได้ผ่านการทดลองแล้วว่าอร่อยคงความอร่อยแบบไทย คงมาตรฐานอาหารไทยความคลาดเคลื่อนของเครื่อง ไม่เกิน 5 %

เครื่องชิมอาหารสำหรับ Thai Delicious ไม่สามารถบอกส่วนผสมในอาหารทั้งหมดได้ โดยพื้นฐานของการที่ตรวจสอบหาส่วนประกอบในอาหาร หรือหาสูตรอาหารนั้น เราจะตั้งสมมติฐานขึ้นมาก่อนว่าในอาหารชนิดนั้น เราคิดว่ามีส่วนประกอบของวัตถุดิบอะไรบ้าง เช่น ถ้าเราตั้งสมมุติฐานว่าอาหารชนิดนั้นมีกะเพราเป็นส่วนประกอบหรือเปล่า ในเครื่องตรวจสอบ จะบอกได้ว่ามีหรือไม่มีกะเพรา

ร้านอาหารไทยที่ขาดเชพ หรือเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ ก็สามารถทำให้มีมาตรฐานอาหารไทยใด้เหมือนกันได้ทั่วโลกในแบบเดียวกันหมด ทำให้ชื่อเสียงรสชาติของอาหารไทยไม่ต้องผิดเพี้ยนไป ซึ่งแต่ละร้านสามารถมี “เครื่องตรวจวัดรสชาติอาหาร” ไว้ประจำร้านได้เลย

ในวันสัมมนา ท่านผู้อำนวยการสนช. ได้นำ “น้ำพริกหนุ่ม” ผลิตโดย สนช.มาสาธิตเพียงแค่เติมน้ำเปล่าลงในน้ำพริกที่ผ่านขบวนการผลิตด้วยระบบดูดความชื้นออกหมด ก็ได้น้ำพริกหนุ่มที่เหมือนสดจริง ๆ ให้ชิม รสชาติกลมกล่อมจริง ๆ ติดใจถามหาซื้อได้ที่ไหน

สนช.ผลิตอาหารออกมาแล้วประมาณ 15 รายการ ผัดไทย ต้มยำกุ้ง แกงต่าง ๆ รวมทั้งอาหารเด่นของแต่ละภาค ในประเทศไทยมีผู้ลงทุนทำร้านต้นแบบแล้วชื่อ Thai Delicious Global

นอกจากนี้ยังมีโครงการนวัตกรรมด้าน สมุนไพรไทย โดย คุณนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ นายกสมาพันธ์สุขภาพและความงามไทย กล่าวถึงแนวโน้มของการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สมุนไพรจะถูกปรับเปลี่ยนจากการใช้พืชสมุนไพรโดยตรง มาเป็นการสกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพเพื่อนำมาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจโมเลกุลในอนาคต เช่น เครื่องสำอางจากสารสกัดลำไยเกรทเตอร์กลูโคซามีน สบู่ออร์กานิค สเปรย์กำจัดกลิ่นโดยเอนไซม์จากแบคทีเรียและน้ำมันหอมระเหยจากไพลและคามินออยคามินเจล เพื่อให้เหมาะสมสำหรับการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ ที่ผู้บริโภคสนใจดูแลสุขภาพและความงาม พร้อมกับการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดกับร่างกาย

การจัดการประชุมทางวีดีโอ ได้เชิญเจ้าของบริษัท 5 แห่งที่เป็นผู้ผลิตในประเทศไทย และผลิตภัณฑ์ได้รับรางวัลชนะการประกวดสินค้าดีเด่นจากสนช. ได้อธิบายสินค้าเด่นของตนให้ผู้ร่วมสัมมนาได้ฟัง เช่น สมุนไพรเพื่อการชะลอวัย สมุนไพรเกี่ยวกับวัยทอง สมุนไพรแก้ผมร่วง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางการนำเข้ามาขายในอเมริกาต่อไป

ในด้านเกี่ยวกับโครงการนวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โดย Mr. Kerry Bates CEO ของบริษัท Vita Longa International ประเทศไทยมีรายได้แสนล้านบาทต่อปี จากการที่มีชาวต่างประเทศเข้ามาใช้บริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ไทยมีความพร้อมบริการดูแลสุขภาพ โดยนำวิทยาการของตะวันออก ผสมผสานกับตะวันตกร่วมกับการรักษาด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมทางการแพทย์ เช่น การใช้สเต็มเซลล์ชะลอวัย รักษาโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน เข่าเสื่อม อัมพฤกษ์ ไมเกรน ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ มีพันธมิตรอยู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก 8 ประเทศ และเป้าหมายภายในปีหน้าบริษัทฯ จะเพิ่มให้ครบ 20 ประเทศ ด้วยสาเหตุหลังจากที่รักษาในประเทศไทยแล้ว คนไข้เดินทางกลับประเทศของตนขาดการติดตามผล เราจึงต้องสร้างพันธมิตรในต่างประเทศเพิ่มเพื่อการติดตามผลการรักษา โดยใช้เทคโนโลยี่ด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ในการติดตามผล

ผู้สนใจขอรับการสนับสนุนจากสนช.ได้ โดยเขียนแผนงานของธุรกิจ สนช.จะให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การตลาด และใช้แผนเทคโนโลยีเป็นตัวประกอบ นวัตกรรมที่นำมาเสนอจะต้องใหม่ เช่น สมุนไพรกระชายดำต้องมี creative thinking คือ การคิดต่างจากคนอื่นเพื่อเป็นการสร้างแบรนสำหรับผลิตภัณฑ์ของตนเอง

"บิ๊กแอส" เปิดโชว์ แอล.เอ. 22 พ.ค.

Hollywood Pros ผู้จัดคอนเสิร์ต นำวงร็อคชื่อดังของเมืองไทย "บิ๊กแอส" โชว์ที่ ซานฟรานซิสโก 20 พฤษภาคม และแอล.เอ. 22 พฤษภาคมนี้

ที่ห้องอาหารนารียาไทย ฮอลลีวูด เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2557 บริษัท Hollywood Pros ได้เปิดแถลงข่าวนำวงร็อคชื่อดังของเมืองไทย "บิ๊กแอส" มาแสดงที่สหรัฐอเมริกา โดยมีประชาสัมพันธ์สาว ชมมาดา กิลมอล์ ได้แนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับวงดนตรีวงนี้ให้ผู้เข้าร่วมฟังแถลงข่าวได้ทราบรายละเอียด

ทั้งนี้บริษัท Hollywood Pros จะจัดคอนเสิร์ต "Big Ass Live in USA" 2 แห่งให้คนไทยได้ร่วมสนุกกัน โดยในวันอังคารที่ 20 พฤษภาคม จะเปิดการแสดงที่ Club Mighty เลขที่ 119 Utah St., San Francisco, CA 94103 และในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม เปิดการแสดงที่ Circus Disco Night Club เลขที่ 6655 Santa Monica Blvd., LA, CA 90038

วิลลี่ วัฒนวงษ์คีรี ผู้บริหารบริษัทฯ กล่าวถึงจุดประสงค์การจัดครั้งนี้ว่าบริษัทนี้ได้รวมตัวกันขึ้นมาจากที่เคยทำงานบันเทิงมานาน แยกกันหลายบริษัท จึงตัดสินใจรวมกันเป็น Corporation อย่างถูกกฎหมาย ประกอบกับอดีตที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการนำวง Body Slam มาเปิดแสดงที่สหรัฐฯ 2 ครั้ง

ครั้งนี้คาดว่าจะประสบความสำเร็จเช่นกัน เพราะวงบิ๊กแอสมีชื่อเสียงเทียบได้กับวงบอดี้สแลม อีกทั้งยังมีการครีเอทงานให้กับบอดี้สแลมด้วย "วันที่ 10 พ.ค.นี้ วงบิ๊กแอสจะร่วมเล่นคอนเสิร์ตกับวงบอดี้สแลมที่อิมแพค เมืองทองธานี บัตร 4 หมื่นใบขายเกลี้ยงแล้ว" นายวิลลี่กล่าว

เมื่อปีที่แล้วบริษัท Hollywood Pros ไม่ได้จัดคอนเสิร์ตมากนัก เนื่องจาก แกรมมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล ยุบตัวไป เราจึงได้ไปติดต่อกับทางแกรมมี่ที่เมืองไทยโดยตรง โดยทางแกรมมี่เองสนับสนุนและเซ็นข้อตกลงกันว่าหากมีการส่งวงดนตรีหรืออะไรก็ตามที่สังกัดแกรมมี่เดินทางมาเล่นที่สหรัฐ จะต้องมีสปอนเซอร์ส่งด้วยไม่งั้นโปรโมเตอร์ที่นี่คงไปไม่ได้

"เราได้เบียร์สิงห์เป็นสปอนเซอร์ประจำ" วิลลี่กล่าว พร้อมกับแนะนำผู้จัดการอาวุโสของบริษัทสิงห์ นอร์ท อเมริกา อริสา ลิ้ม ที่มาร่วมฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

สำหรับเมืองต่างรัฐที่ต้องการนจะนำศิลปินวงนี้ไปเปิดแสดงต่อสามารถติดต่อบริษัท Hollywood Pros ได้ที่โทร. 909-575-7256

การแสดงที่ซานฟรานซิสโกจุคนได้ 600-700 ที่นั่ง โดยบริษัทขึ้นไปจัดเอง บัตรมี 2 ราคาคือ 65 และ 100 ดอลลาร์ ทางด้านแอล.เอ. เปิดที่นั่งไว้ 1,600 ที่ แต่สามารถเพิ่มได้สูงสุด 3,000 ที่นั่ง ประตูเริ่มเปิดเวลา 21.00 น. โดยจะมีวง 2 วงไปเล่นก่อน จากนั้นเวลา 23.00 น. - 01.00 น. จะเป็นการแสดงของวงบิ๊กแอส ที่แอล.เอ. บัตรจองล่วงหน้าราคา 65 และ 80 ดอลลาร์สำหรับ Meet & Greet และ VIP 100 ดอลลาร์ และบัตรหน้างาน 80 ดอลลาร์ หาซื้อบัตรได้ตามร้านต่างๆ เช่น นารียาไทย ร้านหนังสือดอกหญ้า ร้านติดลม ร้านแบมบู เฮาส์ ร้านปานวิมาน ลองบีช หรือจะซื้อผ่านระบบออนไลน์ที่ www.bigass.eventbrite.com สอบถามรายละเอียดติดต่อได้ที่ 909-575-7256, 323-868-9493

โดยภายในงานเปิดโอกาสให้ร้านค้าเปิดขายอาหารแบบฟาสฟู๊ด โดยเสียค่าบูท 200 ดอลลาร์ให้กับทาง Cirus Disco พร้อมมีเบียร์สิงห์จำหน่ายตลอดทั้งงาน