ข่าว
ข่าวรอบสัปดาห์ประเทศไทย 25 กุมภาพันธ์ 2555
ฮือฮาพระพูทธรูปปูนเชียงแสน "ยิ้ม" หลังใส่ดวงเนตร

เมื่อ 22 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รับแจ้งจากคณะสงฆ์ วัดป่าดอนมูล หมู่ 1 ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ว่า ผู้ใหญ่บ้านและนายอำเภอสันกำแพง นำนิลสีดำ จำนวน 2 อัน มาใส่ให้กับพระพุทธรูปปูนโบราณ พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ที่ชำรุดดวงเนตรของพระพุทธรูปไม่มี และเมื่อนำดวงเนตร ซึ่งเป็นพลอยสีดำ มาใส่ปรากฏว่าพระพักตร์ของพระพุทธรูปดังกล่าว ที่เศร้าหมองกลับดูสดใส เหมือนกับยิ้มทั้งพระพักตร์ สร้างความฮือฮาทั่วทั้งตำบลทรายมูล จึงเดินทางไปตรวจสอบที่วัดป่าดอนมูล หรือวัดดอนมูล พบกับพระครูสุนทรธรรมวิจิตร เจ้าอาวาสวัดดอนมูล

พระครูสุนทรธรรมวิจิตร เปิดเผยว่า ที่วัดดอนมูลมีการบูรณะวิหารหลังเก่า และรื้อพระพุทธรูปในวิหารหลังเก่าออก ซี่งเดิมมีออยู่ 5 องค์ สมัยเชียงแสน อายุ 200 ปี การรื้อพระพุทธรูปปูนองค์เดิมออก 2 องค์ คงค้างไว้ 3 องค์ และนำพระพุทธรูปปูน 2 องค์ ออกมาไว้ด้านนอกวิหารปรากฏว่า ชำรุดอย่างหนักไป 1 องค์ อาตมาจึงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ศาลาชั่วคราว ในเขตป่าปฏิบัติธรรมวัดที่ใช้ชื่อเรียกว่า "วัดป่าดอนมูล" หน้าตักกว้าง 32 นิ้ว ดวงเนตรกะเทาะออกจนเห็นแต่ปูนขาว ดูเศร้าหมอง

ต่อมา ผู้ใหญ่บ้านและนายโชคดี อมรวิวัฒน์ นายอำเภอสันกำแพงได้ไปขอพลอยสีดำ จากพระอธิการสุรพล วิวัฒนธโน เจ้าอาวาสวัดป่าแดงบ้านสันขวาง อ.สันกำแพงเชียงใหม่ สีดำ 2 เม็ด นำมาทดลองใส่ปรากฏว่าพอดี แต่จะเอาออกเพื่อใส่ในวันทำพิธี กลับเอาออกไม่ได้ พลอยนิลฝังแน่นอย่างถาวรเลย ใบหน้าจากดูเศร้าหมองไม่มีชีวิตชีวา ปรากฏว่าดูสดใส เหมือนกับพระพักตร์ยิ้มขึ้นมาทันใด สร้างความฮือฮาให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก อาตมาจึงทำพิธีเบิกเนตรพระพุทธรูปดังกล่าว ทุกคนมาเห็นก็รู้สึกเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง

"ในหลวง"เสด็จฯ ทอดพระเนตรทัศนียภาพริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2555 เวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรถเข็นพระที่นั่ง การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีนิน ผอ.โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง พร้อม ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา รองคณบดีแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และคณะแพทย์พยาบาล ตามเสด็จฯ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อเปลี่ยนพระอริยาบถและทอดพระเนตรทัศนียภาพริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบาย มีลมพัดโชยเบาๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจูงคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง โดยเสด็จพระราชดำเนินถวายพวงมาลัยสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารศิริราช 100 ปี ถวายพวงมาลัยสักการะ พระรูปหล่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พร้อมทั้งทรงถ่ายรูป จากนั้นเสด็จพระราชดำเนิน อาคารสยามินทร์ ถวายพวงมาลัยสักการะพระรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในเวลา 17.49 น. เสด็จฯ ไปยังท่าน้ำบริเวณลานสระว่ายน้ำสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในขณะเสด็จฯพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพักตร์ที่สดใส แย้มพระโอษฐ์ให้แก่พสกนิกร ประชาชนต่างกู่ร้อง ทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วทั้งโรงพยาบาลศิริราช ประชาชนที่ต่างพร้อมใจกันเพื่อมารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จฯ อยู่ตามสองฟากฝั่งถนนทั้งในและบริเวณด้านนอกของโรงพยาบาลศิริราช อย่างเนืองแน่น ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ในฉลองพระองค์เชิ้ตแขนสั้นลายตารางโทนเขียว สนับเพลาสีดำ ฉลองพระบาทสีดำ

ต่อมาเมื่อเวลา 19.30 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ กลับยังที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช รวมเป็นเวลา 2 ชม.

สำหรับบรรยากาศบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลศิริราช และเส้นทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน มีประชาชนจากทั่วสารทิศต่างพร้อมใจกันคอยต้อนรับเสด็จฯ กันอย่างเนืองแน่น ประชาชนต่างกู่ร้องทรงพระเจริญ ดังกึกก้องไปทั่วโรงพยาบาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉายภาพประชาชนที่มาเฝ้าฯ รอรับเสด็จ พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์และมีพระพักตร์สดใส

รวบเพิ่ม3นายทุนรับซื้อ'งา-จู๋ช้าง'

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 ก.พ. พล.ต.ท.หาญพล นิตยวิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกสร พล.ต.ต.นิพนธ์ ภู่พันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พ.ต.อ.อาคเนย์ แดงด้อมยุทย์ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี ได้แถลงผลการจับกุม 3 ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นกลุ่มนายทุนที่รับซื้องาช้างที่ถูกฆ่าตาย จากกลุ่มผู้ค้าของป่า และเป็นบุคคลที่ขับรถรับอวัยวะช้างจากจังหวัดเพชรบุรีไปขาย ทราบชื่อคือนายมนูญ เรืองวรเศรษฐ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ซอยสมบูรณ์กุล 2 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี นายวิฑูรย์ เรืองวรเศรษฐ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/1 ถ.โนนสูง-มิตรภาพ ต.โนนสูง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โดยทั้งสองคนนั้นเป็นพ่อลูกกัน และนายปัญญา สำราญพิศ อายุ 38 ปี ในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์สงวน อาทิ งาช้าง งวงช้าง ปลายงวง ปลายหาง ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ซึ่งมีสัตว์ป่าที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ร้านยอยัม ถ.สมบูรณ์กุล ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี วันที่ 22 ก.พ. เวลาประมาณ 12.00 น.

สำหรับคดีดังกล่าวนั้นสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ไปพบซากช้างป่าถูกฆ่าตายที่ ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยทำการตัดงา ตัดงวง ตัดหาง รวมทั้งอวัยวะเพศไปด้วย ทำให้พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้สืบสวนหาตัวผู้ทำการฆ่าช้างให้ได้ เนื่องจากช้างนั้นเป็นสัตว์ใหญ่คู่บ้านคู่เมือง รวมทั้งให้เร่งรัดขยายผลถึงผู้บงการและผู้รับซื้อ จนตำรวจภูธรภาค 7 ได้ดำเนินการสืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ที่ลงมือฆ่าช้าง 2 คนได้ คือ นายลูกแก้ว อุปถัมป์ อายุ 28 ปี และนายจันทร์ กัวพู่ อายุ 28 ปี โดยทั้งสองได้ซัดทอดถึงกลุ่มนายทุน

ตร.ไม่ฟันธง"SEJEAL”เอี่ยวก่อการร้าย

วันที่ 22 ก.พ. จากกรณีเจ้าหน้าที่พบสติกเกอร์ตัวอักษร SEJEAL ติดอยู่ตามที่ต่างๆ ตลอดแนวถนนเลียบทางด่วนเพลินจิตฝั่งใต้มุ่งหน้าโรงแรมเจดับบลิวแมริออต จนเลี้ยวซ้ายมาถนนสุขุมวิทหน้าอาคารคิวเฮ้าส์ โดยสติกเกอร์ดังกล่าวได้ติดตามเสาไฟฟ้า เสาป้ายโฆษณา ป้ายบอกทาง ตู้โทรศัพท์ มี 52 แผ่น รวมทั้งสิ้น 27 จุด ซึ่งแต่ละจุดเป็นเส้นทางที่สามารถไปยังสถานทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย ตั้งอยู่บนอาคารโอเชี่ยน ทาวเวอร์ 2 ถนนสุขุมวิท 21 แขวงและเขตวัฒนา กทม.ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ตำรวจได้พบร้านต้องสงสัยที่เป็นผู้ผลิตสติกเกอร์แล้ว ซึ่งได้ประสานขอความร่วมมือกับเจ้าของร้าน เพื่อหาเบาะแสของผู้ว่าจ้างต่อไป คาดว่าอีกไม่เกิน 2 วัน น่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการคลี่คลายประเด็นดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางชุดสืบสวนคดีระเบิด 3 จุด ได้มอบให้ พล.ต.ต. รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บชน. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งสืบสวนติดตามความคืบหน้าหาที่มาของสติกเกอร์ โดยในวันพรุ่งนี้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางในการคลี่คลายคดีระเบิด

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกตร. กล่าวว่า การตรวจสอบสติกเกอร์นั้น พล.ต.อ.ปานศิริ ได้มอบให้ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วยผบ.ตร. ไปร่วมหาต้นตอและเจตนาของผู้ที่นำมาติด แต่ปัจจุบันยังไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับแผนก่อการร้าย ทั้งนี้ขอเวลาให้พนักงานสืบสวนตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน

กลุ่ม สว.ร่วมค้านแก้ รธน.

กลุ่ม 40 สว.และและ สว.ที่มาร่วมอีกประมาณ 40-50 คน ได้มาร่วมกันคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 โดยทางกลุ่มเห็นว่าการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลในครั้งนี้จะนำไปสู่ความแตกแยกทางความคิดในหมู่ประชาชนและขอเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่างแก้ไขทั้ง3ฉบับออกจากการพิจารณาของรัฐสภาทันที

"ธีระ"ปัดเด้งอธิบดีกรมชลฯไม่ใช่แพะ

วันที่ 22 ก.พ. นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการย้ายนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน ว่า ส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี พิจารณาเมื่อเช้าวันที่ 22 ก.พ. ไม่ได้เป็นแพะแต่อย่างใด เพราะเจ้าตัวบ่นว่าเหนื่อยอยากขอพัก เพราะที่ผ่านมาก็ต่ออายุในตำแหน่งไว้ 1 ปี หากสิ้นก.ย.ก็ต้องปรับใหม่ เพราะฉะนั้นขณะนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมจะได้คนใหม่มาเตรียมรู้งานเพื่อรับมือป้องกันอุทกภัยร่วมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารทรัพยากรน้ำ(กยน.) เหมือนนักกีฬา เขาวิ่งมาเหนื่อย ก็ให้เขาพัก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโยกย้ายนายชลิต ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อวางตัวเป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯคนต่อไปแทนนางสาวสุพัตรา ธนเสนียวัฒน์ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ คนปัจจุบันจะเกษียณในปีนี้ ซึ่งที่ผ่านมานายชลิตอยู่ระหว่างต่ออายุในตำแหน่งอธิบดี 1 ปี นับแต่ ต.ค. 2554

แหล่งข่าวกรมชลประทานเปิดเผยว่า นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ รองปลัดกระทรวง ซึ่งจะมาเป็นอธิบดีกรมชลประทานคนใหม่ สนิทกับนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นบุคคลที่ถูกวางตัวจะให้เป็นอธิบดีกรมชลประทานมาตั้งแต่ปี 2554 แต่รมว.เกษตรฯ ได้ขอให้นายชลิตอยู่ช่วยงานกันก่อนจึงได้ต่ออายุในตำแหน่งอธิบดีกรมชลฯให้อีก 1ปี และในช่วงปลายปี 2554 ก็เกิดมหาอุทกภัย

สำหรับนายเลิศวิโรจน์ ปัจจุบันอายุ 54 ปี จบการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ แล้วไปจบวิศวะจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเติบโตเร็วมาก โดยเป็นผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 3 และผอ.สำนักชลประทานที่ 13 ระหว่างปี 2546-2547 จากนั้น เดือนต.ค. 2549 เป็นรองอธิบดีกรมชลประทานฝ่ายบริหาร ดูแลการจัดจ้างของกรมทั้งหมด มิ.ย. 2552 ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ 2553 ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(สปก.)และ 18 พ.ย. 2554 มาดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ ดูแลสำนักงานปลัดกระทรวง ที่ดูแลคลองคลัง กองการเจ้าหน้าที่ กองพัสดุ เป็นต้น

ครม.ไฟเขียวซื้อแท็บเล็ต-ทำระบบไร้สาย 1.9 พันล้านบาท

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี นางฐิติมา ฉายแสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) รวมทั้งจัดทำระบบอินเตอร์เน็ตไร้สายตามมาตรฐานการให้บริการในสถานศึกษาที่กำหนด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย วงเงิน 1,937 ล้านบาท

"ส่วนราคาเครื่องละ 2,500 บาท จากเดิมเครื่องละ 3,000 ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กังวลว่าราคาเครื่องละ 2,500 จะได้ตรงตามสเปกที่กำหนดเอาไว้หรือไม่ จึงขอให้กลับไปดูเทคโนโลยีให้มันมีความคุ้มค่าด้วย โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์สั่งการให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนนั้นยังไม่ได้กำหนดออกมา วันนี้เป็นการพิจารณาแค่กรอบ” นางฐิติมากล่าว

นางฐิติมากล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางในการดำเนินการดังนี้ 1.อนุมัติจัดหาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตแบบรัฐต่อรัฐ โดยมอบผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ให้เจรจากับสาธารณรัฐประชาชนจีน 2.การจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ จะทำให้คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตมีมาตรฐานเดียวกัน 3.การจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ มีรัฐเป็นคู่สัญญา จีนมีความรับผิดชอบให้บริษัทผู้ผลิตที่มอบหมายผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานตามข้อกำหนด

นอกจากนั้น อนุมัติให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นผู้ดำเนินการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต จัดวางระบบเครือข่ายไวไฟ และจัดทำระบบบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับโครงการ

"มาร์ค-กรณ์"น้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน."เพื่อไทย"จี้ขอโทษปชช.

ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การออกพ.ร.ก.กู้เงิน 350,000 ล้านบาท และพ.ร.ก.โอนหนี้ 1.14 ล้านล้านบาทของรัฐบาลไม่ขัดรัฐธรรมนูญว่า เรื่องดังกล่าวฝ่ายค้านได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่แล้วในการชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ จำเป็นต้องผ่านสภาฯ เพื่อให้สมาชิกสภาได้ช่วยกันตรวจสอบ แต่เมื่อศาลมีมติออกมาว่าไม่ขัด ก็เคารพในการตัดสินของศาล และจะไม่ยื่นตีความต่อ

ทั้งนี้กังวลในมาตราฐานของการตัดสิน ที่จะให้อำนาจฝ่ายบริหารมากกว่าฝ่ายนิติบัญญัติ ขณะเดียว รัฐบาลต้องมีความระมัดระวังในการใช้เงินด้วย

ทางด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าตรงนี้จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับรัฐบาล ในการบริหารจัดการแก้ปัญหาน้ำท่วมต่อไป ขอฝากถามไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้าออกมาเรียกร้องว่า ถ้า พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับไม่ผ่าน รัฐบาลต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ ดังนั้น เมื่อ พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็ขอเรียกร้องให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ร่วมลงชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแสดงความรับผิดชอบ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ควรออกมาขอโทษประชาชน สะท้อนให้เห็นว่าฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่โดยใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ว่า ต้องเคารพคำวินิจฉัยของศาล เป็นหน้าที่ฝ่ายค้านที่ต้องตรวจสอบต่อไปในเรื่องของการดำเนินการตาม พ.ร.ก.ให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะเมื่อศาลให้น้ำหนักว่าประเด็นเรื่องน้ำท่วมนั้นจำเป็นเร่งด่วน รัฐบาลก็ต้องโปร่งใสและมีประสิทธิภาพในการทำงานตามกฎหมายเหล่านี้ ซึ่งแม้เราจะเห็นว่าน่าจะออกเป็นกฎหมายตามปกติได้ แต่เมื่อผลเป็นเช่นนี้ ปชป.ก็ต้องตรวจสอบต่อไป และรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการป้องกันจัดการเรื่องน้ำ เพราะถ้ายังช้าอยู่ก็ไม่ตรงกับเจตนารมณ์

"อยากให้รัฐบาลฟังเสียงทุกฝ่ายว่าถ้าใช้ฝ่ายนิติบัญญัติให้เป็นประโยชน์ จะได้ความเห็นประกอบที่รอบคอบ ถ้วนถี่ มีความสมบูรณ์ และมีการยอมรับกว้างขวาง แต่ถ้าคิดว่ามีเสียงข้างมากอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องรับฟังก็ทำได้ แต่จะเกิดท่ามกลางความแคลงใจหลายฝ่าย ขอให้รัฐบาลแสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่าเมื่อกองทุนคุ้มครองเงินฝากมีเงินต่ำกว่าเป้าหมาย รัฐบาลจะมีหลักประกันใดกับผู้ฝากเงิน ปชป.จะติดตามผลกระทบที่อาจเกิดกับประชาชนต่อไป" หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว