นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ถึงผลการเข้าร่วมงาน "โต๊ะอาหารของ TMALL 2018" จัดขึ้นที่เมืองหังโจว เมื่อเร็ วๆ นี้ เพื่อรายงานประเภทสินค้าอาหารสดต่างชาติที่ขายดีบนเว็บไซต์ TMALL GLOBAL ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายสินค้าต่างชาติของ TMALL ปรากฏว่าสินค้าอาหารสดจากต่างประเทศที่ได้รับความนิยมในการนำเข้ามาจำหน่าย 10 อันดับแรก พบว่า ไทยมาเป็นอันดับ 1 ตามด้วยออสเตรเลีย เวียดนาม ชิลี สหรัฐ นิวซีแลนด์ อาร์เจนตินา เดนมาร์ก แคนาดา และเม็กซิโก
สำหรับสินค้าอาหารสดของไทยที่ได้รับความนิยมในการสั่งซื้อผ่าน TMALL GLOBAL คือ ผลไม้สด ซึ่งมีสินค้าที่ขายดีและได้รับความนิยมในการสั่งซื้อมาก เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย ส่วนมะม่วง ชมพู เงาะ ส้มโอ กล้วยไข่ และมะขามหวาน ขายดีในอันดับรอง
"กรมฯ มีแผนที่จะโปรโมทผลไม้ไทยในตลาดจีนตามนโยบายของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียนที่ถือเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในตลาดจีนสูงมาก ล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติผลักดันให้ไทยเป็นมหานครผลไม้เมืองร้อนของโลก และมีแผนในการทำตลาดผลไม้เกรดพรีเมี่ยม ซึ่งทุเรียนและมังคุดถือเป็นหนึ่งในผลไม้นำร่อง ซึ่งกรมฯ จะทำแผนเร่งประชาสัมพันธ์เต็มที่ เพื่อกระตุ้นความต้องการบริโภคในตลาดจีนให้เพิ่มมากขึ้น" นางจันทิรา กล่าว
สำหรับ TMALL GLOBAL ถือเป็นโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ของผู้บริโภคชาวจีน ปัจจุบันมีสินค้าอาหารสดที่ขายอยู่บนแพลตฟอร์มดังกล่าวมากกว่า 13,000 รายการ เป็นสินค้าจาก 150 ประเทศ และภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยหมวดหมู่ของสินค้าอาหาร รวมถึงผลไม้สด อาหารทะเล เนื้อสัตว์ เป็นต้น โดยผลจากความหลากหลายของสินค้า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกสรรได้ เช่น หากต้องการเลือกซื้อกุ้งแช่แข็งสามารถเลือกซื้อกุ้งแดงจากอาร์เจนตินา กุ้งเสือดำจากมาเลเซีย หรือกุ้งขาวจากเอกวาดอร์ได้
ทั้งนี้ ในช่วงปี 2560 ไทยส่งออกสินค้าผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ไปยังตลาดโลกมีมูลค่ากว่า 76,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากปี 2559 มีตลาดหลัก ได้แก่ เวียดนาม ร้อยละ 45 จีน ร้อยละ 30 ฮ่องกง ร้อยละ 8 อินโดนีเซีย ร้อยละ 4 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 3 โดยไทยส่งออกสินค้าผลไม้ไปจีนมีมูลค่าสูงถึง 22,284 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารและ รรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ พร้อมพวก 3 คน และของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ ถูกชำแหละ ก่อนถลกหนัง พร้อมทั้งอาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่งนั้น
เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 9 ก.พ. ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา นายวิเชียร ชิณวงษ์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ได้มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับ พงส.บก.ปปป. ว่า นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารและ กรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ มีการพยายามเสนอผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่แลกกับการปล่อยตัววันเกิดเหตุ เบื้องต้นทางบก.ปปป. ทำการรับแจ้งความ และสอบปากคำนายวิเชียร พร้อมนำหลักฐานซีดี 1 แผ่นมาให้เจ้าหน้าที่ แต่ยังไม่ได้เปิดดูว่าเป็นหลักฐานอะไร หลังจากนี้จะรายงานไปยัง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้ทราบ เพื่อขออนุมัติให้ทำคดีนี้ตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิเชียร นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ทำหน้าที่ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ บก.ปปป. เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเข้าพบ ร.ต.อ.ปิยพงษ์ เสียมสกุล รองสว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปปป. ให้ดำเนินคดีกับนายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ ข้อหาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่
รายงานข่าวแจ้งอีกด้วยว่า นายวิเชียร ได้แจ้งพนักงานสอบสวน โดยระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.45 น. วันที่ 5 ก.พ. ระหว่างออกตรวจท้องที่ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจบุรี เจอแคมป์ที่พักแรมของนายเปรมชัย ที่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกโดยพบซากสัตว์ อาวุธปืน และกระสุนปืนจำนวนมาก โดยระหว่างควบคุมตัวกลุ่มผู้ต้องหามีการพยายามเจรจาติดสินบนกับเจ้าหน้าที่ โดยพูดว่า มีหนทางที่จะช่วยได้ไหม อยากได้อะไรก็จะให้ จะให้ (นาย น. นามสมมติ) อดีตข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ เกษียณอายุไปแล้ว ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม บมจ.อิตาเลียนไทย โทรมาเจรจา จึงเห็นว่าเป็นการพยายามติดสินบนเจ้าพนักงานหรือไม่ จึงเดินทางมาแจ้งความดังกล่าว
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) - เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงการสืบสวนขยายผลกรณีนายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และพวก คดีลักลอบล่าสัตว์ป่าบนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะการตรวจลายนิ้วมือบนอาวุธปืน ซากเสือ และวัตถุพยานต่างๆในที่เกิดเหตุ ซึ่งต้องเน้นตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องที่ไม่ยากสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว สำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบไม่ใช่เฉพาะ สภ.ทองผาภูมิ เท่านั้น แต่ยังมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงกำกับดูแล ทั้ง พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุก ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่ดูแลงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ลงไปควบคุมดูแลอีกด้วย ยันยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องการแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอน ส่วนจะมีการโอนสำนวนคดีมาไว้ที่ส่วนกลางหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.
"สำหรับงาช้าง 2 คู่ ที่ตรวจค้นได้ในบ้านของนายเปรมชัย จะต้องมีการตรวจสอบว่า มีการแจ้งจดทะเบียนครอบครองงาช้างหรือไม่ ถ้าไม่แจ้งก็ต้องมีความผิดตามกฎหมาย จะเป็นงาช้างของไทย หรืองาช้างต่างประเทศก็ห้ามครอบครอง ขอยืนยันว่า กรณีนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องทำหนังสือรายงานให้ "กรรมการไซเตส" ได้รับทราบ และทางไซเตสก็ไม่ได้ทวงถามในประเด็นนี้ เชื่อว่าน่าจะไม่มีผลในการจัดอันดับไซเตสของไทย "รองผบ.ตร. กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่านายเปรมชัย หลบหนีไปอยู่ที่ เมืองทวาย ประเทศพม่า รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตามขั้นตอนของกฎหมาย หลังจากศาลออกหมายจับ ก็ห้ามเดินทางออกนอกประเทศอยู่แล้ว ถ้าจะประสงค์เดินทางไปต่างประเทศต้องขออนุญาต ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่านายเปรมชัย หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านตามที่เป็นกระแสข่าว ส่วนจะออกไปช่องทางธรรมชาติหรือไม่นั้น ต้องไปตรวจสอบ หลังจากนี้จะต้องมีการประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) ตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) รวมทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง เพื่อเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกไปตามช่องทางธรรมชาติ โดยเจ้าหน้าที่พบความเคลื่อนไหวล่าสุดของนายเปรมชัย ในวันที่ศาลให้ประกันตัวเมื่อวันที่6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
จากกรณี นายปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพมงคลรังษี ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี อ้างว่าตนเองถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 เลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 60 จำนวน 5 ใบ เป็นเงิน 30 ล้านบาท แต่สลากฯ ดังกล่าวหายไป ต่อมาพบว่า ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการเกษียณตำรวจ เป็นผู้นำสลากฯ ไปขึ้นเงินรางวัลที่กองสลาก จนเกิดการแจ้งความดำเนินคดีกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ซื้อและถูกรางวัลที่ 1 จนเป็นข่าวโด่งดัง สร้างความอลเวงและสงสัยไปทั่วประเทศ
ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เข้ามาดูแลคดีดังกล่าวแทนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ พบหลักฐานที่อ้างว่าเป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง นายปรีชา กับ นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น อายุ 58 ปี แม่ค้าที่ขายลอตเตอรี่ที่อ้างว่าขายให้กับนายปรีชา โดยนายปรีชาระบุว่า ตนเองไม่ได้ถูกรางวัลที่ 1 อย่างชัดเจนนั้น
ล่าสุด วันนี้ (8 ก.พ.) ร.ต.ท.จรูญ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่บ้านพักว่า ตนรู้สึกสบายใจขึ้นที่มีคนมาช่วยตนพิสูจน์ความจริง สำหรับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน ซึ่งต้องขอบคุณที่นายอัจฉริยะมาให้ความช่วยเหลือในเรื่องหลักฐานต่างๆ เพราะลำพังตนก็ไม่รู้จะไปเอาหลักฐานนั้นมาจากไหน
โดยหลังจากที่เข้าพบ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอความเป็นธรรม ตนและครอบครัวรู้สึกคลายความวิตกกังวลลงไปได้มาก และเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้
ทั้งนี้ไม่หวั่นกระแสข่าวเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างนายตำรวจระดับสูงเมืองกาญจนบุรีกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่มีต่อกัน เพราะตนคิดว่าผู้ใหญ่สามารถแยกแยะได้ว่า อะไรดี ไม่ดี และตนเชื่อมั่นว่า พล.ต.ท.ฐิติราช รวมทั้งนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เพื่อเยาวชนและสังคม พร้อมทีมงาน จะสามารถค้นหาความจริงให้ปรากฏขึ้นมาได้
“สุดท้ายขอยืนยันว่า ผมเป็นผู้ซื้อลอตเตอรี่มาจริง และเป็นผู้ถูกรางวัลจริง ฉะนั้นผมก็มั่นใจในความบริสุทธิ์ของผมมาโดยตลอดว่าน่าจะเอาชนะทุกสิ่งได้ และเชื่อว่าพยานฝ่ายครูปรีชาที่มาให้การนั้นเป็นพยานเท็จ และปั้นพยานขึ้นมาเพื่อหวังเงินรางวัลอย่างแน่นอน”
ขณะที่ นางปณัญชยา สุขผล หรือ เจ๊เกียว ผู้ค้าสลากรายใหญ่ของจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นพยานคนสำคัญของฝ่าย ครูปรีชา ซึ่งเป็นคนเดียวที่รับคำท้าสาบานของ ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นการสนทนาระหว่างครูปรีชากับแม่ค้าลอตเตอรีจริง แต่เป็นการสนทนาในอดีต ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ โดยตนยังยืนยันเหมือนเดิมว่า เจ้าของลอตเตอรีชุดดังกล่าวเป็นของครูปรีชา ซึ่งสิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าเป็นของครูปรีชา เพราะตนอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และที่ผ่านมาไม่หวั่นไหวว่าจะมีคลิปหรือหลักฐานอื่นๆ ที่จะนำออกมาแสดงอีก โดยพร้อมที่จะเป็นพยานให้ครูปรีชา ไม่เปลี่ยนใจ ส่วนอีกฝ่ายจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ซึ่งตนยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดออกไปเป็นเรื่องจริง และไม่มีเหตุผลที่ตนจะเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะตนไม่มีเรื่องโกรธเคืองส่วนตัวกับใคร
“ไม่หวั่นว่าจะต้องติดคุก เพราะตนเชื่อมั่นในกระบวนการของศาลยุติธรรมว่าจะให้ความยุติธรรมได้ และพร้อมที่จะให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่มาตรวจสอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ทำเป็นขบวนการอย่างที่กล่าวอ้าง หรือมาเป็นพยานเพราะเรื่องของผลประโยชน์ และไม่ได้มีส่วนแบ่งจากเงินก้อนนี้แต่อย่างใด”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันนี้รวมทั้งวานนี้ นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น ซึ่งปกติจะมาตั้งแผงขายประจำอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของธนาคารกสิกรไทย สาขากาญจนบุรี และนางสาวพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช แม่ค้าขายลอตเตอรีที่อ้างว่าขายลอตเตอรีให้กับนางรัตนาพร ซึ่งปกติจะตั้งแผงขายตรงข้ามธนาคารกสิกรไทย สาขากาญจนบุรี ปรากฏว่า แม่ค้าทั้งสองคนไม่ได้มาตั้งแผงขายสลากฯ ขณะที่แม่ค้าขายสลากฯ คนอื่น ต่างก็มาขายตามปกติ แต่ไม่มีใครต้องการให้ข่าวแต่อย่างใด ขณะที่ประชาชนมีการแสดงความคิดเห็นแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือ มีทั้งเชื่อและไม่เชื่อว่าเป็นคลิปเสียงระหว่างครูปรีชากับแม่ค้าขายลอตเตอรี
นอกจากนี้ยังมีการเดิมพันต่อรองราคากันด้วย แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่าลอตเตอรีที่ถูกรางวัลนั้นเป็นของใคร โดยขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสินในเรื่องนี้ พร้อมเอาใจช่วยทั้งสองฝ่าย และอยากให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ เพื่อจะได้รู้ว่าใครคือเจ้าของลอตเตอรีตัวจริง
ด้านนายปรีชา ใคร่ครวญ พบว่า วันนี้ได้ลาหยุดสอนหนังสือ 1 วัน เนื่องจากติดภารกิจเดินทางไปต่างจังหวัด และจะกลับมาทำหน้าที่สอนเด็กนักเรียนตามปกติในวันพรุ่งนี้ (9 ก.พ.) ซึ่งนายปรีชาเองได้ให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์เพียงสั้นๆ ว่า จนถึงขณะนี้ไม่ได้หวั่นกลัวเรื่องคลิปเสียงแต่อย่างใด โดยตนยังไม่ได้ยินคลิปเสียงสนทนาดังกล่าว และหากมีก็ต้องตรวจสอบด้วยว่าเป็นของจริงหรือไม่ หากเจ้าหน้าที่จะนำหลักฐานอะไรออกมาแสดงอีกก็ไม่หวั่นวิตก และไม่กลัวว่าจะต้องติดคุก เพราะของจริงก็คือของจริง และยังยืนยันว่าลอตเตอรีเป็นของตนเอง
วันที่ 9 ก.พ. อิกคิวซัง นักมวยไทยชื่อดังไลฟ์สดให้แฟนคลับในเพจ อิกคิวซัง โหดขั้นเทพ รับชมพร้อมกับแฉว่า เสี่ยโป้ อานนท์ คู่ชกของเขาในวันที่ 12 ก.พ.นี้ ชวนล้มมวยเพื่อหลอกชาวไทยทั้งประเทศ
อีกไม่กี่อึดใจในวันที่ 12 ก.พ. ศึกกำปั้นหยุดโลกระหว่าง 'อิกคิวซัง โหดขั้นเทพ' ซัดกับ เสี่ยโป้ อานนท์ จะฟาดปากกัน หลังจากต้องเลื่อนมารอบหนึ่งแล้วเนื่องจากสถานที่ไม่อำนวย
ล่าสุดอิกคิวซังก็โพสต์โหมโรงก่อนไฟต์ดังกล่าวพร้อมกับแฉ เสี่ยโป้ ต่างๆนาๆทั้งชวนล้มมวยหลอกกินเงินชาวไทยทั้งประเทศ แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่าจะไม่ทรยศอาชีพของตัวเองอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่ต้องการให้ประชาชนถุยน้ำลายใส่หน้า แต่ต้องการให้ชาวไทยชื่นชมเสียมากกว่า
นอกจากนี้ อิกคิวซัง ยังยอมรับว่าตัวเขาเสพยาจริง แต่เป็นเพราะเสี่ยโป้เอามาให้ลอง และตัวเขาก็อยากลองใจกลุ่มของเสี่ยโป้
เปิดใจแชมป์โลก เขาทราย แกแล็คซี่ หรือ สุระ แสงคำ ฮีโร่ผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทย เมื่อปี 2527 จนได้ฉายา ซ้ายทะลวงไส้ บนสังเวียนมวย เขาทรายมีประวัติสวยหรูชนะน็อกตลอด แต่สังเวียนรักกลับไม่สมหวัง ชีวิตรักของเขาทรายจะเป็นอย่างไร วันนี้นักมวยในตำนานได้ควง หนึ่ง วรรณภา ภรรยาสุดที่รักมาเปิดใจเล่าให้ฟัง
“ชีวิตบนสังเวียนมวยของผมคือเป็นแชมป์โลก 19 ครั้งครับ ครองแชมป์อยู่ 7 ปี เคยมีคนมาชวนให้ล้มมวยด้วยเงินประมาณ 5 แสนเหรียญดอลลาร์ สมัยนั้นคิดเป็นเงินไทยก็ตกประมาณ 13 ล้านบาท แต่ผมก็ไม่เอานะ เพราะคนไทยรักเขาทราย เขาทรายต้องชนะเท่านั้น
กับความรักของผมครั้งหนึ่งที่คนไทยทั้งประเทศรู้กันดีเป็นคนญี่ปุ่น ตอนนั้นเราก็ปิ๊งเค้าตั้งแต่แรกเห็นเลย แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ชอบเท่าไรนะ แต่ไหนๆ ผู้ใหญ่ก็เชียร์แล้วก็ขัดไม่ได้ แต่หลังจากแต่งงานกันแล้ว ชีวิตก็ไม่เหมือนตอนก่อนแต่งงานเลย ก็ใช้ชีวิตด้วยกันแค่ 1 ปีครึ่งก็หย่า
แล้วก็มามีความรักครั้งใหม่กับคนไทย อยู่กันมานานมาก 20 ปี มันก็หวานอมขมกลืน ก็เลยบอกเลิกเขาแต่เขาไม่ยอมเลิก แล้วก็ไม่ยอมหย่าให้ด้วย ทั้งๆ ที่เราก็ห่างกันแล้วนะ จนเรามาปิ๊งคุณหนึ่ง ภรรยาคนปัจจุบันของเรา เมื่อไม่ยอมหย่าเราก็แต่งกับคนนี้ซะเลย
แต่ตอนนั้นภรรยาเก่าเขาไม่รู้นะ เราบอกเขาว่าไปงานอีเวนต์ เตะบอลกับเพื่อนๆ แต่พอเราแต่งงานกับคุณหนึ่งแล้ว เราก็ยกทุกอย่างให้ภรรยาเก่าไปหมดเลย คือมาอยู่กับคุณหนึ่งผมมาแต่ตัวกับหัวใจจริงๆ คุณหนึ่งเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบที่สุด และเป็นแม่ที่น่ารักของลูกๆ ด้วยครับ”
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012