ข่าว
วัดไทยพร้อมเปิดตลาดอาหารครั้งใหม่ 9 พ.ค. นี้

คณะกรรมการวัดไทยฯ ลงมติเปิดตลาดอาหารครั้งใหม่ หลังจากที่ปิดตัวไปเมื่อปี 2007 จัดแข่งขันคัดเลือกร้านส้มตำ และก๋วยเตี๋ยว ในวันเสาร์ที่ 2 พ.ค. เวลาบ่ายโมง และจะเปิดบริการเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 9-10 พ.ค. เป็นต้นไป

พระครูสิริกิตติญาณวิเทศ ท่านเริ่ม ครูใหญ่โรงเรียนวัดไทยฯ ประชาสัมพันธ์ของวัด ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ตลาดอาหารวัดไทยฯ ฝ่ายสงฆ์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการอำนวยการวัดไทยฯ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2557 โดยมี พระครูสุมณฑ์ธรรมวงศ์ หรือท่านสุมนะ เป็นหัวหน้า พระครูสังฆรักษ์เยือนศรัณย์ จันทโชโต และพระมหาบุญลือ วชิรเมธี เป็นผู้ช่วย พร้อมทั้งมีพระสงฆ์อีก 10 รูป เป็นกรรมการ

คณะกรรมการชุดนี้ได้จัดประชุมเพื่อเตรียมการเปิดบริการตลาดอาหาร เป็นนัดสุดท้ายเมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา ท่านสุมนะได้แจ้งที่ประชุมว่าได้ดำเนินการติดต่อกับทางซิตี้ พร้อมทั้งปรับพื้นที่จอดรถและวัสดุสำหรับเปิดบริการอาหาร ตามที่ซี้ตี้กำหนดไว้ และได้รับไฟเขียวจากทางซิตี้เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะเปิดบริการอาหารไทยในราคาและคุณภาพ มาตรฐาน โดยจะเริ่มเปิดตั้งแต่วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 9-10 พฤษภาคม ศกนี้ เป็นต้นไป

สำหรับรายการอาหารไทยที่จะบริการ ยังคงเป็นรายการอาหารเดิมๆ ก่อนที่จะปิดไปเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2007 ซึ่งประกอบด้วย 1. ร้านส้มตำ (มี หมูปิ้ง ใส้กรอก ลูกชิ้น และยำต่างๆ อยู่ในชุดเดียวกัน) 2 ร้าน 2. ร้าน ข้าวแกง (มี ข้าวขา หมู ข้าวมันไก่ ห่อหมก เป็นชุดเดียวกัน) 1 ร้าน 3. ร้านกล้วยแขก (มีเผือกทอด มันทอด อยู่ในชุดเดียว กัน) 1 ร้าน 4. ร้านก๋วยเตี๋ยว (มี ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู เป็นชุดเดียวกัน) 1 ร้าน 5. ร้านข้าว เหนียวมะม่วง 1 ร้าน 6. ร้านผัดไทย (มีหอยทอด ก๋วยจั๊บ เย็นตาโฟ เป็นชุดเดียวกัน) 1 ร้าน 7. ร้าน ข้าวเกรียบ ปาก หม้อ (มีข้าวเหนียวปิ้ง หมูปิ้ง กระเพาะปลา กุ๊ยช่าย อยู่ในชุดเดียวกัน) 1 ร้าน และ 9. ร้านขนม หวานไทย อีก 1 ร้าน

ท่านสุมนะแจ้งต่อไปว่า ในวันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคมนี้ จะจัดให้มีการแข่งขันประกวดส้มตำไทยและลาว เพื่อคัดเลือกผู้ชนะอันดับ 1-4 เข้ามาขายในตลาดอาหารวัดไทย พร้อมทั้งจัดแข่งขันประกวดก๋วยเตี๋ยวเนื้ออีกด้วย โดยผู้เข้าแข่งขันต้องโชว์การทำเครื่องปรุงต่อหน้าคณะกรรมการ โดยในวันเสาร์ที่ 2 พ.ค. นั้น ตอน 9 โมงเช้า จะเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันตำส้มตำและก๋วยเตี๋ยว แล้วประกวดเวลาบ่ายโมงเป็นต้นไป โดยทางวัดจะเชิญ บุคคลภายนอกที่เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย และผู้แทนจากหนังสือพิมพ์เป็นกรรมการให้คะแนนในการประกวด ส้มตำลาวและไทย

ส่วนรายการอาหารอื่นๆ เช่น ข้าวแกง ผัดไทย กล้วยแขกเป็นต้น ก็เปิดรับสมัครในตอนเช้าวันเดียวกัน รายการอาหารที่มีผู้ขายมากกว่าหนึ่งเจ้า ก็จะใช้วิธีจับสลากหมุนเวียนกันขาย

“คือในที่ประชุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็คุยกันว่าเราต้องการเห็นญาติโยมที่มาทำบุญไหว้พระที่วัดได้ทั้ง “อิ่มบุญและอิ่มท้อง” มีสถานที่พบปะสังสรรค์ทานอาหารพร้อมกันไปด้วย ซึ่งเป็นบรรยกาศที่อบอุ่นมากที่ได้ เห็นคนไทยมาพบปะพูดคุยกันที่วัด ช่วงเจ็ดแปดปีที่ผ่านมาเราขาดบรรยกาศเช่นนี้ไป เหมือนความเป็น “วัดไทย” มันไม่สมบูรณ์ ก็อยากจะรื้อฟื้นบรรยากาศเก่าๆ ขึ้นมีอีกครั้งหนึ่ง และอาจจะมีประเด็นให้ต้องปรึกษาหารือกันใน โอกาสต่อๆ ไป ซึ่งอาตมาขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย....” ท่านเริ่มกล่าว

ขอเชิญบรรดาพ่อค้าแม่ขายที่มีฝีมือ ต้องการหารายได้เสริม ต้องการข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ ได้ที่ ท่านพระครูสุมณฑ์ธรรมวงศ์ (ท่านสุมนะ) โทร. 818-942-4054 หรือที่ ท่านเริ่ม โทร. 818-445-6366

ในหลวงพระพักตร์สดใส ทอดพระเนตรเจ้าพระยา

เมื่อเวลา 14.08 น. วันที่ 24 เม.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถเข็นพระที่นั่ง ลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยมี ศ.คลินิก นพ.ประดิษฐ์ ปัณจวีนิน ผอ.โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถเข็นพระที่นั่ง โดยมีคณะแพทย์และพยาบาลผู้ถวายการรักษาตามรับเสด็จฯ ท่ามกลางประชาชนที่ทราบข่าวต่างพากันเฝ้ารับเสด็จฯตลอดทั้งสองเส้นทางที่ขบวนผ่าน โดยพสกนิกรเมื่อได้เห็นพระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงต่างพากันเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

ต่อมาเวลา 14.18 น. ขบวนรถตู้พระที่นั่งถึงยังอาคารชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ภายในหอประชุมกองทัพเรือ โดยมีพล.ร.อ.พจนา เผือกผ่อง รอง ผบ.ทร.พล.ร.ท.พลเดช เจริญพูล รองเสนาธิการทหารเรือ พล.ร.ท.ลือชัย รุดดิษฐ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ พร้อมด้วยนายทหารและเจ้าหน้าที่รอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ลายรูปแพะม่วง พระสนับเพลาสีดำ รองพระบาทหนังสีดำ ทรงมีพระพักตร์สดใส

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯยังห้องชมชลธี ชั้น 3 ทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถและทอดพระเนตรทัศนียภาพแม่น้ำเจ้าพระยา พระบรมมหาราราชวัง วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร เสวยพระสุธารส ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับยังที่ประทับ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 15.28 น. รวมเวลาเสด็จ 1 ชั่วโมง 10 นาที


‘จตุพร’โพสต์‘อย่ากลัวการเลือกตั้งช้า จงกลัวเลือกตั้งเร็วแต่กติกาไม่เป็นปชต.’

เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 24 เม.ย.2558 นายจตุพร พรหมพันธุ์ โพสต์เฟซบุ๊ค “Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์ความโดยสรุปว่า "ผมขอส่งเสียงบอกไปยังนักเลือกตั้งทั้งหลายว่า พอกันเสียเถอะ อย่าเรียกร้องการเลือกตั้งโดยไม่สนใจใยดีกติกา เพราะเราต่างแลเห็นชัดเจนว่า ถ้าเลือกตั้งภายใต้กติกาที่มีอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของ สปช.อยู่นั้น มันไม่ใช่เฉพาะที่มาของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เฉพาะที่มาของวุฒิสภา ที่มาของสมาชิกผู้แทนราษฎร แต่กลไกแวดล้อมอื่นๆ ซึ่งแต่ละฝ่ายก็ได้แสดงความรู้สึกออกมา ไม่ว่าศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ตำรวจ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และฝ่ายประชาชนส่วนต่างๆ ต่างได้เห็นภัยของรัฐธรรมนูญในแง่มุมต่างๆ

ขอบอกไปยังนักเลือกตั้ง บอกตนเอง บอกเพื่อนๆและประชาชนว่า เราอย่าโหยหาการเลือกตั้ง ที่อำนาจไม่ได้เป็นของประชาชน เพราะกลไกในรัฐธรรมนูญปี 58 นั้น นอกจากที่มานายกฯ ส.ส. สว.แล้ว เรายังมีองค์กรอิสระอีก 11 องค์กร ซึ่งมีอำนาจมากกว่าที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 50 ในเมื่อรัฐธรรมนูญปี 50 ได้สร้างความเสียหายตามความที่ปรากฎได้แลเห็นในความทรงจำของคนไทยกันอยู่แล้ว รัฐธรรมนูญ 58 นั้นรุนแรงกว่าหลายเท่า

เราอย่าได้กลัวว่าการเลือกตั้งช้าแล้วประเทศจะเสียหาย แต่จงกลัวว่าการเลือกตั้งเร็วภายใต้กติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนั้น จะสร้างความเสียหายมากกว่าชนิดที่เรียกว่า “เทียบกันไม่ได้เลย”

เราเองต่างปรารถนาให้มีรัฐธรรมนูญที่ดี ที่ถูกต้อง เป็นธรรม สิทธิ เสรีภาพอันจะนำไปสู่ความเสมอภาคและภราดรภาพ จะได้บังเกิดให้สังคมนี้ได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ให้ประเทศไทยได้พลิกฟื้นสถานการณ์ของบ้านเมือง ได้ยืนหยัดอยู่ในสภาพการณ์ปกติ เพื่อที่ประเทศไทยจะได้ทายท้า ยืนอยู่ในเวทีของอาเซี่ยน ในเอเซียและในเวทีโลกได้"


“กิตติพล เวชชบูล” แกนนำพันธมิตรฯ USA ถึงแก่กรรม

“กิตติพล เวชชบูล” ผู้จุดประกาย “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในสหรัฐอเมริกา” เมื่อเกือบสิบปีก่อน สิ้นลมอย่างสงบเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2558 ครอบครัวญาติมิตรจึงได้จัดพิธีทางศาสนาที่วัดภูริทัตฯ ในวันที่ 29 เมษายนถึง 1 พฤษภาคม และฌาปนกิจ ที่ สุสานฮอลลีวูดย์ฟอร์เอฟเวอร์ ในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้

เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2558 ว่าเมื่อเวลาประมาณ 03.00น. นายกิตติพล เวชชบูล ซึ่งเป็น “พี่ใหญ่” ของวงการต่อสู้เพื่อบ้านเมือง เป็นผู้ริเริ่มจุดประกายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยสหรัฐอเมริกา (PAD-USA) ได้เสียชีวิตอย่างสงบ ซึ่งข่าวนี้ได้สร้างความเสียใจให้กับกลุ่มผู้มีแนวคิดและอุดมการณ์ตรงกันอย่างมาก

การก่อตั้งกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของชาวไทยในนครลอสแองเจลิส เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2549 ซึ่งในวันดังกล่าว นายกิตติพล เวชชบูล ได้เป็นแกนนำในการรวบรวมคนไทยจำนวนกว่าสองร้อยคน ไปชุมนุมที่หน้าสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส เพื่อชูป้ายประท้วงขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนั้น

การชุมนุมเพื่อขับไล่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ครั้งนั้น ถือเป็นการชุมนุมครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกมีขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549 โดยการชุมนุมทั้งสองครั้ง มีขึ้นพร้อมๆ กับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในประเทศไทย ที่นัดชุมนุมกันที่สนามหลวง

เมื่อเสร็จการชุมนุมที่ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงแล้ว ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้จัดประชุมกันที่ร้านไทยคิทเช่น เมืองเบอร์แบงก์ และได้มีมติให้นายกิตติพล เวชชบูล ชาวเมืองเวสมินเตอร์ ซึ่งเป็นแกนนำของการชุมนุมมาตั้งแต่ครั้งแรก ทำหน้าที่เป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ในลอสแองเจลิส อย่างเป็นทางการ ก่อนที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะขยายเครือข่ายออกไปอีกหลายรัฐ และเปลี่ยนชื่อเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสหรัฐ หรือ PAD-USA ในเวลาต่อมา

นายกิตติพล เวชชบูล อดีตนักกิจกรรมระดับหัวแถวของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เดินทางมาเรียนหนังสือและทำงานในอเมริกาเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว

“โดยปกติแล้ว ผมไปเมืองไทยปีละประมาณสามครั้ง มีครั้งหนึ่ง ผมนั่งดูทีวีที่บ้านในกรุงเทพฯ ดูช่องเก้า ฟังรายการคุณสนธิ ก็ฟังมาเรื่อยๆ ตอนหลังเขาเปลี่ยนมาเป็นชุมนุมกันที่สวนลุมฯ กัน ผมก็ไป กลับมาอเมริกานี่ นั่งดูเอเอสทีวีตลอด เห็นว่ากลุ่มที่เข้าร่วม มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากไม่กี่ร้อยคน เพิ่มเป็นหมื่นเป็นแสน ก็เห็นอีกอันหนึ่งว่า คนที่ไปเยอะๆ นี่ วันที่ผมไปฟังที่สวนลุมฯ เห็นว่าที่ขาดคือน้ำ พวกท่านเหล่านั้นไม่มีน้ำดื่มกัน ก็มีความตั้งใจว่าจะส่งเงินไปช่วย นั่นเป็นจุดแรกๆ เลย” และว่า “จริงๆ ก็ไม่ได้ติดต่อใคร คือที่บ้านผมนี่ วันหยุดมักมีเพื่อนๆ มาทานข้าวด้วยกัน คุยกัน ก็เกิดไอเดียว่าควรทำอะไรบางอย่าง”

กิจกรรมที่เริ่มจากการรวบรวมเงินส่งไปช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรฯ ระหว่างการชุมนุมในประเทศไทย ได้ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณของผู้มีแนวคิดตรงกัน จนกลายมาเป็นกลุ่มพันธมิตรฯ ในสหรัฐฯ ที่ถือว่าเป็นกลุ่มคนไทยนอกประเทศ ที่เคลื่อนไหวอย่างแข็งแรง และต่อเนื่องมากที่สุด ดังที่ทราบกัน

อย่างไรก็ตาม นายกิตติพล เวชชบูล ทำหน้าที่เป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯ อยู่เพียงระยะหนึ่ง ก็ถอยออกมาเป็นผู้สนับสนุน เพราะปัญหาเรื่องวัยและปัญหาสุขภาพ เขามีอาการเบาหวานที่รุนแรงมาก

ส่วนกำหนดการทำพิธีทางศาสนาเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับนายกิตติพล เวชชบูล นั้น จะทำพิธีรดน้ำศพและสวดพระอภิธรรมในวันที่ 29 เมษายน 2015 ตั้งแต่เวลา 18.30 น. โดยกลุ่มพันธมิตรฯ จะเป็นเจ้าภาพ ณ วัดภูริทัตตวนาราม เมืองออนทาริโอ จากนั้นจะสวดพระอภิธรรมต่ออีกสองคืน คือวันที่ 30 เมษายน และ 1 พฤษภาคม 2558 ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจ ณ สุสานฮอลลีวูด ฟอร์เอฟเวอร์ ถนนซานตามอนิกา ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2558 ในเวลา 13.00 น. เป็นต้นไป

นายกิตติพล เวชชบูล เกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2485 สิริรวมอายุ 73 ปี โดยเขาเสียชีวิตในช่วงเช้ามืดของวันที่ 14 เมษายน 2558 ที่โรงพยาบาลฟาวน์เทน แวลเลย์ รีจินัล เมดิเคิลเซ็นเตอร์ ในเมืองฟาวน์เทน แวลเลย์


ผู้ใหญ่บ้านคนสวย 'แม่หลวงกุ้ง'ลาออก

"แม่หลวงกุ้ง" ผู้ใหญ่บ้านคนสวย โด่งดังจากโลกออนไลน์ ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง อ้างถูกกดดันจากการเมืองท้องถิ่น โดยจะขอไปทำธุรกิจส่วนตัว ...

น.ส.สุพัตรวี อยู่แพทย์ หรือ "แม่หลวงกุ้ง" ผู้ใหญ่บ้าน ที่โด่งดังในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศไทย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน โดยจะหันไปทำธุรกิจส่วนตัว โดยอ้างว่าการลาออกในครั้งนี้ เนื่องจากถูกกดดันจากการเมืองท้องถิ่น ที่หลายฝ่ายไม่ร่วมมือพัฒนาพื้นที่ รวมถึงเรื่องปัญหาขยะในพื้นที่ ที่ชาวบ้านทุกคนเดือดร้อนจากปัญหาที่ไม่ค่อยมีหน่วยงานไหนเข้ามาจัดเก็บ และเคยมีการทักท้วงไปยังหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ ก็กลับไม่ค่อยได้รับการเหลียวแล จึงตัดสินใจลาออก ปิดตำนานผู้ใหญ่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศไทยในที่สุด.

(23 เม.ย.) นายประจวบ กันธิยะ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้เชิญนางสาวสุพัตรวี อยู่แพทย์ หรือแม่หลวงกุ้ง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 หมู่บ้านศิริวัฒนานิเวศน์ ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านสวยที่สุดในประเทศไทย มาพบ ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฯ เพื่อสอบถามถึงสาเหตุที่ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เมื่อบ่ายวานนี้ (22 เม.ย.)

ทั้งนี้ “แม่หลวงกุ้ง” ได้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ฮอนด้า ซีบี 300 เดินทางมาที่ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ ก่อนเดินทางเข้าพบนายประจวบ โดยมีนายชัชพงศ์ เอมะสุวรรณ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง มาติดตามปัญหา และให้กำลังใจด้วย โดยใช้เวลาพูดคุยหารือกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนานประมาณ 30 นาที

ระหว่างการหารือ แม่หลวงกุ้งถึงกับน้ำตาซึมในความห่วงใย ที่ทางฝ่ายปกครองไม่ทอดทิ้ง หรือปล่อยให้แก้ปัญหาในหมู่บ้านตามลำพัง ที่มีทั้งเรื่องความไม่เข้าใจของชาวบ้านในชุมชน จนเกิดความคิดเห็นเรื่องการบริหารจัดการภายในหมู่บ้านไม่ตรงกัน

รวมถึงเรื่องระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา ที่หมู่บ้านยังใช้บ่อน้ำบาดาลอยู่ ที่เกิดปัญหาเก็บเงินไม่ได้ จนบางเดือนไม่มีเงินจ่ายค่ากระแสไฟฟ้า กระทั่งถูกตัดน้ำตัดไฟบางโซน ตลอดจนระบบการจัดเก็บขยะ ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาจัดเก็บ ทำให้มีถุงขยะกองเต็มข้างถนนภายในหมู่บ้าน จนถูกชาวบ้านในชุมชนต่อว่าในที่ประชุม ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ จนเกิดความน้อยใจ และท้อใจจนเป็นสาเหตุการตัดสินใจลาออก

อย่างไรก็ตาม แม่หลวงกุ้งบอกว่า ล่าสุดได้มีรถขนขยะเข้าไปจัดเก็บขยะที่กองไว้ตามหน้าบ้านภายในหมู่บ้านศิริวัฒนานิเวศน์แล้ว

ทั้งนี้ หลังการหารือได้ข้อสรุปทางนายอำเภอเมืองเชียงใหม่ได้ระงับการลาออกไปก่อน โดยให้เวลาแม่หลวงกุ้งไปทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น และให้เวลาคิดทบทวนอีก 7 วัน หากยังยืนยันลาออกอีกก็จะเซ็นอนุมัติให้ และรายงานให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ทราบ เพื่อที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน

แต่หากแม่หลวงกุ้งนึกถึงชาวบ้าน ต้องการจะทำงานเพื่อส่วนรวมต่อ และมีความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหา ทางนายอำเภอฯ ก็จะลงพื้นที่เพื่อเข้าไปร่วมแก้ปัญหา และทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านต่อไป


โอ๊คโพสต์ท้าเขียน รธน. ห้ามชินฯ เล่นการเมือง

"โอ๊ค-พานทองแท้" โพสต์เฟซบุ๊ก ท้าเขียน รธน.ห้าม "คนตระกูลชินวัตร-คนหนุนพ่อแม้ว" ลงเล่นการเมือง

เมื่อเวลา 21.45 น. นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐนตรี ได้โพส์ตเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความเห็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญในขณะนี้ โดยระบุตอนหนึ่งว่า "การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้โปร่งใสเป็นธรรม ไม่มีธงหรือร่างทรงของใครทั้งสิ้น" ถือเป็นคำมั่นสัญญา ของผู้มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ จะมีธงหรือไม่มีธง? เป็นร่างทรงของใครหรือไม่? คณะกรรมการร่างฯทุกคน ต่างรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองพูดจริง หรือกำลังโกหกคนทั้งประเทศ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้เราก็จะได้เห็นกัน ว่าสิ่งที่ท่านจะได้รับ คือ ดอกไม้หรือก้อนอิฐ และคนที่ยกมือสนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะถูกถอนหงอกจากคนไทยทั้งประเทศหรือไม่

นายพานทองแท้ ระบุด้วยว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังพิจารณากันอยู่นี้ ถูกครหาจากสื่อแทบทุกแขนง ตั้งแต่ก่อนตั้งคณะกรรมการยกร่างฯ ลือกันมานานว่าจะมีรัฐธรรมนูญที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อขจัดคนกลุ่มหนึ่งออกจากการเมือง และสืบทอดอำนาจให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง เพื่อรับไม้ต่อจากการรัฐประหารจริงหรือไม่จริงจะได้เห็นกัน ในอนาคตอันใกล้นี้

นายพานทองแท้ ระบุตอนหนึ่งว่า หากการเขียนกฏหมายสูงสุดของประเทศ กลับกลายเป็นการชักแม่น้ำทั้ง 5 เพียงเพื่อต้องการขจัดคน ที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเขาอยากเลือก และช่วยเหลือเข้าข้างคนของตัวให้ได้เปรียบ จนกระทั่งกระบวนการยุติธรรมเอนเอียง เสียหลักการในการเป็นนิติรัฐ จนประเทศอื่นทั่วโลกหัวเราะเยาะ ในความเป็นประชาธิปไตย 99.99% แบบไทยๆ แบบนี้ประเทศเสียหายเสียเวลาเปล่าๆ

"ทำอย่างที่คุณพ่อผมเคยแนะนำไปตั้งแต่รัฐประหารครั้งที่แล้วจะชัดเจนดีกว่ามั๊ยครับ เขียนรัฐธรรมนูญแบบปกติที่เป็นมาตรฐาน อย่างที่ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกเขาทำกัน อย่าเขียนให้หลักการเสียหาย แล้วเพิ่มเข้าไปเพียงข้อเดียวในรัฐธรรมนูญก็พอ...ว่า "ห้ามคนในตระกูลชินวัตร หรือคนที่ทักษิณฯสนับสนุน เข้ามาเล่นการเมือง" ว่ากันตรงๆ อย่างนี้ไปเลยครับ" นายพานทองแท้ ระบุ

บัตรชม ฟลอยด์-ปาเกียว เปิดขายนาทีเดียวเกลี้ยง

ตั๋วเข้าชมคู่ "ดรีมไฟต์" ระหว่าง แมนนี ปาเกียว กำปั้นขวัญใจชาวเอเชีย กับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ คู่ชกชาวอเมริกัน ที่จะดวลกันวันที่ 2 พฤษภาคม 2015 ขายหมดในระยะเวลา 1 นาที ชั่วพริบตาเดียวมีพ่อค้าหัวใสนำไปปล่อยต่อในราคา 47,000 ปอนด์ (ประมาณ 2.35 ล้านบาท) จากที่ซื้อมาในเว็บเพียง 1,000 ปอนด์ (ประมาณ 50,000 บาท)

มวยคู่หยุดโลก ระหว่าง เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กับ ปาเกียว จะเกิดขึ้นที่ ณ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ โฮเตล ลาสเวกัส ประเทศ สหรัฐอเมริกา โดยไฟต์นี้จะมีมวยค่ามากกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9 พันล้านบาท )

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ทาง เว็บไซต์ "ทิคเก็ตมาสเตอร์" ได้เปิดจำหน่าย ตั๋ว "ดรีมไฟต์" แมตช์นี้จำนวน 1,000 ใบ และเป็นไปตามความคาดหมายเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น ตั๋วก็ขายหมดเกลี้ยง

สำหรับ เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ โฮเตล ลาสเวกัส สังเวียนชกของคู่นี้ มีความจุ 16,500 ที่นั่ง ซึ่ง 15,500 ที่นั่งก็เตรียมไว้ให้กับ นักมวย , สปอนเซอร์ และ เหล่าโปรโมเตอร์ ที่จะมีแขกระดับวีไอพี เข้ามาชมตามสัญญาที่ร่างไว้

อย่างไรก็ตามชั่วพริบตาเดียว มีตั๋วผีไปโผล่ตามเว็บต่างๆ จากที่ซื้อใน "ทิคเก็ตมาสเตอร์" 1,000 ปอนด์ (ประมาณ 50,000 บาท) พุ่งสูงถึง 5,000 ปอนด์ (ประมาณ 250,000 บาท) ถึง 47,000 ปอนด์ (ประมาณ 2.35 ล้านบาท) เลยทีเดียว