ข่าว
"เฉลิม"ชี้ "ประสงค์"มากเกินไป เหยียบย่ำหัวใจ ปชช.ไม่ให้ราคา

เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 26 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์คณะกรรมการแห่งภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นแห่งชาติ (ภตช.) ร่วมการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์กรพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ โดย น.ต.ประสงค์ระบุว่า จะสามารถล้มรัฐบาลเป็นแบบม้วนเดียวด้วยแผนบันได 2 ขั้น ว่ารัฐบาลจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลความสงบเรียบร้อย อย่าให้มีมือที่สาม และตนยังคิดว่าประชาชนเข้าใจสถานการณ์บ้านเมือง ตัวอย่างเช่น กรณีข่าวที่ว่ามีการไซฟ่อนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท ที่เกาะฮ่องกง ก็สรุปออกมาว่าเป็นเท็จ และที่การระบุว่ามีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวนั้น เมื่อตรวจสอบพบการทุจริต รัฐบาลก็ได้จับกุมหมดแล้ว อีกทั้งรัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น การที่ น.ต.ประสงค์พูดว่า จะใช้แผนบันได 2 ขั้นนั้นมันมากเกินไป ไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย เขาเป็นเจ้าของประเทศหรือ เหยียบย่ำหัวใจประชาชน และตนอยากรู้ว่าที่ น.ต.ประสงค์จะทำอย่างไร แต่ตนเชื่อว่าประชาชนไม่ร่วมด้วยแน่นอน ทั้งนี้ ตนคิดว่าคนที่จะมาร่วมการชุมนุมดังกล่าวก็เป็นพวกเดิมๆ ในช่วงก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า เราจะไม่ปล่อยให้การชุมนุมดังกล่าวเกิดความรุนแรง ซึ่ง พล.อ.บุญเลิศบอกแล้วว่าได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล และจะยุติการชุมนุมในเวลา 17.30 น. ซึ่งตนได้สั่งการให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ว่าให้ดูแลการชุมนุมนี้แล้ว น.ต.ประสงค์จะชุมนุมที่ไหนสองม้วนจบ ส่วนการที่ตนไปพบกับ พล.อ.บุญเลิศ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา เพราะตนมีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับ พล.อ.บุญเลิศ แต่ถ้าเป็น น.ต.ประสงค์ ชาติหน้าตนก็ไม่ไปพบ เพราะตนไม่ให้ราคา ทั้งนี้ ตนจะไม่อยู่กรุงเทพฯในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ เพราะจะเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 และ 6

ขึ้นทูลเกล้าฯ'ครม.ปู3' จารุพงศ์ผงาด มท.1

ทูลเกล้าฯโผปรับ ครม.แล้ว หลัง “ยิ่งลักษณ์” เรียกว่าที่รัฐมนตรีไปกรอกประวัติที่ทำเนียบรัฐบาล “จารุพงศ์” โยกไปเป็น มท.1 “ปึ้ง-ปลอด” ผลงานเข้าตาได้โบนัสควบรองนายกฯ “พงษ์ศักดิ์” เป็น รมว.พลังงาน “พงศ์เทพ” คุมกระทรวงศึกษาฯ “ณัฐวุฒิ” สลับไปเป็น รมช.พาณิชย์ “เสริมศักดิ์” เสียบ รมช.เกษตรฯแทน “ชัชชาติ” ผงาดขึ้น รมว.คมนาคม มี “พฤณฑ์ สุวรรณทัต-ประเสริฐ จันทรรวงทอง” มาเป็นรัฐมนตรีช่วย “ยุคล” นั่ง รมว.เกษตรฯ “สนธยา” สลับมาแทนเมียนั่ง รมว.วัฒนธรรม “ประเสริฐ บุญชัยสุข” เป็น รมว.อุตสาหกรรม ส่วนรัฐมนตรีที่หลุดเก้าอี้มี 7 คน “สุชาติ-อารักษ์-ชัจจ์-ภูมิ-ธีระ-สุกุมล-หม่อมพงษ์สวัสดิ์”

เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 24 ต.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกรัฐมนตรีบางคน และผู้ที่มีชื่อคาดว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี เข้ามาที่ตึกไทยคู่ฟ้า ประกอบด้วย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ นายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และในส่วนของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 มีนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายภูมิธรรม เวชชยชัย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายวราเทพ รัตนากร ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลมีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา น้องชายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา ทั้งหมดไปยังห้องทำงานของนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อกรอกประวัติและคุณสมบัติส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ขณะเดียวกันนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ ครม. ได้เดินขึ้นด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า คาดว่าไปรับเอกสารกรอกประวัติไปตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่บรรดารัฐมนตรีและว่าที่รัฐมนตรีทยอยเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปรากฏว่ามีเมฆมืดครึ้มดำทะมึนปกคลุมไปทั่วบริเวณ และมีลมกรรโชกแรง ทำให้พานทองที่ศาลพระภูมิประจำทำเนียบฯล้มคว่ำตกลงมาแตกเป็นเสี่ยง ขวดน้ำแดงที่นำมาสักการะก็หกกระจายไปทั่ว ทำให้สื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่พรรคเพื่อไทยได้ประสานไปยังนายสนธยา คุณปลื้ม ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังชล ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ ให้ดำเนินการกรอกคุณสมบัติและขอให้ส่งกลับภายในวันเดียวกัน รวมทั้งเรียกนายสนธยากลับจากต่างประเทศทันที เพื่อเตรียมมาดำรงตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรมแทนนางสุกุมล คุณปลื้ม

จนกระทั่งในช่วงเย็น ทางสำนักเลขาธิการ ครม. ได้นำรายชื่อการปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 เข้าสู่ขั้นตอนการทูลเกล้าฯ โดยโผปรับ ครม.ครั้งนี้ประกอบด้วย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม โยกไปเป็น รมว.มหาดไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ได้ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ได้ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็น รมว.ศึกษาธิการ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็น รมว.พลังงาน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ โยกไปเป็น รมช.พาณิชย์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็น รมช.เกษตรฯ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม ขยับขึ้นเป็น รมว.คมนาคม พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต อดีตผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ตท.10) เป็น รมช.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เป็น รมช.คมนาคม นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็น รมว.เกษตรฯ นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรคพลังชล เป็น รมว.วัฒนธรรม และนายประเสริฐ บุญชัยสุข ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา เป็น รมว.อุตสาหกรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้มีรัฐมนตรีที่หลุดจากตำแหน่ง 7 คน ประกอบด้วย นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ นางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม และ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม สำหรับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ที่มีข่าวว่าจะมาเป็นรัฐมนตรีในโควตาคนเสื้อแดงแทนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อนั้น ปรากฏว่าทางแกนนำพรรคเพื่อไทยได้วางตัวนายจตุพรเป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย เป็นการปลอบใจ.

จำคุก2เดือน ปรับ1หมื่น แท็กซี่ป่วนขบวนนายกฯ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม ที่ศาลแขวงดุสิต ถ.บรมราชชนนี พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ควบคุมตัว นายพงษ์พิชาญ ธนาถิรพงษ์ อายุ 49 ปี ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ สีชมพู ผู้ต้องหาขับขี่รถประมาทแทรกขบวนรถยนต์นายกรัฐมนตรี มาส่งให้พนักงานอัยการศาลแขวง 3 (ดุสิต) เพื่อนำตัวไปยื่นฟ้องคดีต่อศาล ในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522

คำฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 ต.ค.55 เวลากลางวัน จำเลยได้ขับรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทย 9522 กรุงเทพมหานคร ไปตาม ถ.พิษณุโลก ด้วยความเร็วสูง เพื่อตามขบวนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้นมีรถยนต์ของกลุ่มผู้สื่อข่าว และรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคันติดตามขบวนอยู่ด้วย แต่จำเลยกลับขับรถยนต์สวนทางจราจรแล้วไปจอดหน้าโรงเรียนมัธยมราชวินิต ในลักษณะกีดขวางทางจราจร ซึ่งผิดวินัยการขับรถปกติทั่วไปและเป็นการขับรถประมาทหวาดเสียว อันอาจก่อให้เกิดอันตรายกับบุคคลอื่น และขับรถในลักษณะกีดขวางทางจราจร อันเป็นเหตุให้ขบวนรถของนายกฯ ต้องหยุด โดยจำเลยพยายามขับรถยนต์เบียดเข้าไปในขบวนรถของนายกฯ แล้วเป็นเหตุให้รถยนต์ของผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ และโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 สี ได้รับความเสียหาย อันเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย และมีคำสั่งพักใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของจำเลยด้วย

ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องแล้วสอบคำให้การ จำเลยให้การรับสารภาพและไม่ต้องการทนายความ ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์คำฟ้องประกอบคำรับสารภาพ แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องพิพากษาให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 เดือน และปรับ 10,000 บาท คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 เดือน และปรับ 5,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี และคุมประพฤติ 1 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง และให้ทำงานบริการสังคมเป็นเวลา 20 ชั่วโมง รวมทั้งมีคำสั่งให้พักใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยเป็นเวลา 6 เดือนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ได้รออายัดตัวเพื่อดำเนินคดีข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ และพยายามวางเพลิง กรณีที่นายพงษ์พิชาญ ได้ขับรถแท็กซี่ที่มีถังก๊าซบรรจุอยู่ด้วย บุกรัฐสภาเพื่อเรียกร้องค่าเยียวยารัฐบาลจากเหตุชุมนุมปี 2553 ด้วย