ข่าว
'มิสอินเตอร์ฯควีน'สวยกว่าหญิง! ปินส์คว้ามงกุฎ ใบหม่อน ได้ที่ 3

หนุ่มหน้าสวยหุ่นเป๊ะจากฟิลิปปินส์ คว้ามงกุฎ Miss International Queen 2015 ไปครอง ส่วนตัวแทนประเทศไทย "น้องใบหม่อน" ได้รองชนะเลิศอันดับ 2...

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 58 ที่โรงละครทิฟฟานี่โชว์พัทยา จ.ชลบุรี ได้จัดให้มีการประกวด Miss International Queen 2015 รอบตัดสิน เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยมีสาวประเภทจากทั่วโลกเข้าร่วมชิงชัย ซึ่งพบว่าบรรยากาศของการประกวดเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีกองเชียร์สาวประเภทสองเข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง ซึ่งการจัดการประกวดดังกล่าวมี รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ระดับประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยาน ท่ามกลางผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมเป็นกรรมการลงคะแนนหาสาวประเภทสองเจ้าของมงกุฎแห่งความฝันประจำปีนี้

ทั้งนี้ ปรากฏว่าผู้ชนะเลิศที่สามารถคว้าตำแหน่ง Miss International Queen 2015 ไปครองได้แก่ หมายเลข 14 คือ Trixie Maristela (ทริดซี่ มาริสเทล่า) จากประเทศฟิลิปปินส์ อายุ 29 ปี ได้รับรางวัลเป็นเงินรางวัลรวมกว่า 400,000บาท พร้อมมงกุฎและสายสะพายถ้วยรางวัลเกียรติยศ และรางวัลต่าง ๆ ในระหว่างดำรงตำแหน่ง รวมถึงสิทธิพิเศษสำหรับเข้าชมการแสดงทิฟฟานี่โชว์พัทยา

ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ หมายเลข 20 ชื่อ Valesca Dominik Ferraz (วาเลสก้า โดมินิค เฟอร์ราส) จากประเทศบราซิล อายุ 23 ปี ได้รับรางวัลเงินสด 100,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ หมายเลข โสภิดา ศิริวัฒนานุกูล หรือ น้องใบหม่อน อายุ 23 ปี จากประเทศไทย ได้รับรางวัลเงินสด 75,000 บาท.

"ประยุทธ" ขอโทษที่พูด "ปิดประเทศ"ทำตกใจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวในรายการคืนความสุขให้ประชาชนช่วงหนึ่งระบุถึง กรณีการพูดเรื่องปิดประเทศ ในการประชุมแม่น้ำห้าสาย โดยระบุว่า

"ผมเคยพูดไปแล้วในที่ประชุมร่วม 5 ฝ่าย นะครับ เรื่องปิดประเทศอะไรต่างๆ เหล่านั้นผมเพียงแต่พูดให้ฟังเท่านั้นเอง ว่าถ้าเรายังไม่ร่วมมือกัน จะไปสู่ตรงจุดนั้นนะครับ ซึ่งไม่ใช่เป็นเพราะผม ก็ขอโทษนะครับที่ทำให้ตกใจ เจตนาคือต้องการเตือนทุกคนว่า หากมีการต่อต้าน บิดเบือนข้อมูล สร้างความขัดแย้ง บ้านเมืองไม่สงบขึ้นมาอีก เราก็จะไม่สามารถหลุดพ้นเหตุการณ์เดิม ๆได้ เลือกตั้งก็ไม่ได้นะครับ เดินหน้าประเทศก็ไม่ได้ เพราะงั้น อันนั้นแหละครับ ที่ผมเป็นห่วง ผมอยากจะทำให้ทุกอย่างเคลื่อนที่ไปได้ อย่างรวดเร็วนะครับ ตามโร้ดแม๊ป ที่เรามีอยู่นะครับ เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ แล้วก็เตรียมการเดินหน้าประเทศไปให้ได้ ในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่จะไม่กลับไปสู่ที่เก่านะครับ เพราะงั้นการเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบของไทยนั้น วันนี้เราต้องให้ประชาชนเข้าใจนะครับ อย่างถ่องแท้ รู้ปัญหา รู้วิธีการแก้ปัญหารู้ถึงความร่วมมือ ว่าจะทำได้อย่างไรนะครับ ไม่งั้นเราจะปฏิรูปอะไรไม่ได้เลย สิ่งสำคัญประการแรกก็คือการปฏิรูปการเมืองของเราก่อนนะครับ เราจะต้องรีบดำเนินการให้รวดเร็วที่สุด เพื่อจะไปสู่การปฏิรูปในเรื่องอื่นๆ ด้วยนะครับ "


หลวงปู่เผยเรื่องเหม็น'สังฆมณฑล' ชี้'เสี่ยอู๊ด'กตัญญูติดคุกแทน'พระ'

3 พ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" ระบุถึงนายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด นักสร้างพระชื่อดัง ที่กินยานอนหลับฆ่าตัวตายภายในโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ว่า เห็นข่าวการฆ่าตัวตายของเสี่ยอู๊ดในโรงแรมที่พิษณุโลก ทั้งยังเขียนจดหมายตัดพ้อว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี พร้อมกับเขียนพรรณนาความทุกข์ในใจ

ทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งหนึ่งนายอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม เป็นอดีตศิษย์คนสนิทของเจ้าอาวาสวัดดัง เป็นมือสร้างมือขายพระกริ่งนเรศวร ทำเงินให้เป็นร้อยๆ ล้าน แม้มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็ยังได้เคยพึ่งใบบุญเสี่ยอู๊ดช่วยสร้างหอฉัน สูง 4 ชั้น 85 ล้านบาท แต่ขณะที่ธุรกิจซื้อพระ ขายพระของวัดชื่อดัง และวัดในเครือกำลังรุ่งเรืองถึงขีดสุด จนทำให้มัวเมาเหิมเกริมกำเริบถึงขนาดอ้างเบื้องสูง นำเอาพระมหาพิชัยมงกุฎมาประทับอยู่หลังสมเด็จเหนือหัว ทั้งยังแอบอ้างด้วยว่าได้รับพระราชทานมวลสารสำคัญคือดอกไม้พระราชทาน

สมเด็จเหนือหัววัดชื่อดังและเสี่ยอู๊ดได้จัดสร้างอย่างอลังการ ลงทุนโฆษณาในทุกสื่อ เปิดให้จองล่วงหน้า สามารถระดมเงินได้มหาศาล และแล้วอวสานของเสี่ยอู๊ดก็มาถึง เมื่อสำนักพระราชวังเป็นโจทก์แจ้งความร้องทุกข์แก่เจ้าพนักงานกองปราบ นำมาซึ่งการดำเนินคดีต่อเสี่ยอู๊ดโทษฐานแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ งานนี้เสี่ยอู๊ดทำตัวเป็นศิษย์กตัญญู ยอมรับความผิดทั้งหมดติดคุกแทนครูบาอาจารย์ คดีนี้โดยเนื้อแท้ต้องมีผู้ร่วมกระทำผิดด้วย นั่นก็คือเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว แต่เสี่ยอู๊ดยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

ใครจะมองว่าเสี่ยอู๊ดเลวร้ายยังไง แต่สำหรับฉัน กลับมองว่าเสี่ยอู๊ดเป็นคนกตัญญู ยอมติดคุกแทนอาจารย์ อีกทั้งยังเป็นคนที่มีจิตสาธารณะ ช่วยเหลือสังคมตลอด ส่วนเรื่องการกระทำที่ไม่บังควรต่อสถาบัน เด็กไม่จบ ป.4 อย่างเสี่ยอู๊ด หากไม่มีผู้ชักนำอยู่เบื้องหลัง คงจะทำไม่ได้ขนาดนี้ อีกทั้งวัดดังกล่าว ก็เคยมีภิกษุนักเทศน์ชื่อดังโดนสำนักราชวังเบรกเรื่องชอบอ้างเบื้องสูง เป็นเหตุทำให้นักพูดปากเสียสงบปากสงบคำไปพักหนึ่ง

วันนี้เสี่ยอู๊ดในอดีตผู้เคยเป็นคนดีที่พึ่งของบรรดาภิกษุผู้ต้องการลาภ แต่มาวันนี้เขากลับต้องมาฆ่าตัวตายเพราะหมดตัว มีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้นยากลำบาก ทั้งหมดล้วนมาจากจิตที่กตัญญูต่อคนแล้งน้ำใจ ไร้คุณธรรม กรรมจึงต้องตกมาอยู่ที่เขา ช่างน่าอนาถนัก เรื่องเหม็นๆ ในสังฆมณฑลเหล่านี้ยังมีอยู่อีกมากที่รอวันเปิดเผย หากมีเวลาจะนำมาเล่าสู่กันฟังเป็นระยะๆ


"บินไทย"หั่นเงินเดือนผู้บริหาร "ระดับ8-13"จ๊าก! โดน1-10%

ผู้บริหารบินไทยประชุมภายในขอหั่นเงินเดือนพนักงานระดับ 8-13 ลง1-10% แก้วิกฤต คาดมีคนได้รับผลกระทบ 2 พันคน ด้านซีเอฟโอชี้เป็นแค่ข้อเสนอยังไม่ได้สรุปว่าจะมีผล 30 พ.ย.นี้หรือไม่ สหภาพชี้แค่เชิงสัญลักษณ์

นายดำรงค์ ไวยคณี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายการบินไทย (อีเอ็มเอ็ม) เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีมติเสนอขอความร่วมมือให้ปรับลดเงินเดือนผู้บริหารตั้งแต่ระดับ 8-13 หรือตั้งแต่ผู้จัดการแผนกจนถึงรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ลง 1-10% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนเป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้บริษัท หลังการดำเนินงานตามแผนลดรายจ่ายของการบินไทยช่วง 1 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยการปรับลดครั้งนี้จะมีพนักงานที่เข้าข่ายได้รับผลกระทบกว่า 2,000 คน

นายดำรงค์กล่าวว่า การขอปรับลดเงินเดือนจะเป็นการขอความร่วมมือโดยสมัครใจ แต่หากพนักงานไม่ยินยอมจะไม่สามารถบังคับให้ลดเงินเดือนได้ เนื่องจากไม่มีข้อกฎหมายรองรับยกเว้นจะเป็นคำสั่งจากศาล โดยรายละเอียดอัตราเงินเดือนที่ปรับลดลง ประกอบด้วย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ขอลดลง 10% ผู้อำนวยการใหญ่ลดลง 5% ผู้อำนวยการลด 3% ผู้จัดการกองลด 2% และผู้จัดการแผนกลด 1% โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าจะช่วยลดรายจ่ายได้เพียงเล็กน้อยและไม่ช่วยแก้วิกฤตการบินไทย โดยมองว่าเป็นการทำเชิงสัญลักษณ์เพื่อให้นายกรัฐมนตรีเห็นมากกว่า ดังนั้นจึงต้องการให้ผู้บริหารนโยบายการบินไทย ตั้งแต่ประธานคณะกรรมการ กรรมการ (บอร์ด) ทุกคน โดยเฉพาะนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) รวมถึงที่ปรึกษาต่างๆ ที่จ้างมาแสดงความรับผิดชอบปัญหานี้ เพราะบริหารงานไม่ได้ตามแผนแล้วมาผลักภาระให้พนักงานผู้น้อยรับผิดชอบแทน โดยไม่มีการพูดถึงการปรับลดเงินเดือนฝ่ายนโยบาย

"ที่ผ่านมาพนักงานและกลุ่มสหภาพพยายามเสนอความเห็นเพื่อแก้วิกฤตการบินไทยหลายเรื่องแต่ไม่ได้รับความสนใจ บอร์ดจะรับฟังกันแค่บอร์ดหรือที่ปรึกษาที่จ้างมาเท่านั้น และก็ไม่สามารถตอบคำถามพนักงานได้ทั้งเรื่องการยกเลิกเที่ยวบิน รวมทั้งการที่ดีดีการบินไทยจ้างที่ปรึกษาส่วนตัวมาช่วยงานอีกเดือนละ 1.5 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับต้องเสียเงินจ้างดีดีถึง 2 คน หากเป็นแบบนี้ทำไม ไม่จ้างที่ปรึกษามาทำงานแทนดีดีซะเลย" นายดำรงค์กล่าว

นายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีอี) สายการเงินและการบัญชี (ซีเอฟโอ) การบินไทย กล่าวว่า การขอความร่วมมือปรับลดเงินเดือนพนักงานครั้งนี้เป็นเพียงข้อเสนอหนึ่งในการลดรายจ่ายเท่านั้น และยังมีอีกหลายแผนที่ต้องจัดทำเพื่อลดรายจ่ายของการบินไทยเพิ่มเติม และยังไม่ได้สรุปชัดว่ามีผลวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การบินไทยอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดแผนปฏิรูปบริษัทเพิ่มเติม เพื่อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับทราบภายใน 30 วัน โดยจะมีการรายงานความคืบหน้าในด้านต่างๆ ทั้งการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ซึ่งยอมรับว่าปีนี้ไม่สามารถทำได้เข้าเป้าหมายที่วางไว้


'ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์'พระอาการดีขึ้น เสด็จออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

6 พ.ย.58 แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 9 เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปประทับ ณ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ

ตามที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปประทับ ณ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ เนื่องด้วยมีพระอาการปวดพระนาภี (ท้อง) ร่วมกับพระอาการคลื่นไส้ อาเจียน เป็นระยะ โดยที่ทรงรับการตรวจรักษาพระอาการประชวรพระอามาสัย (กระเพาะอาหาร) อักเสบ และตับอ่อนอักเสบ อันเกิดจากการแพ้ภูมิต้านทานตนเอง (SLE) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนั้นคณะแพทย์ผู้ถวายการตรวจรักษาได้ถวายการตรวจพระโลหิต พบค่าสารบ่งชี้โอกาสเกิดโรคมะเร็ง (Carcinoembryonic Antigen : CEA) ค่อนข้างสูงกว่าระดับปรกติ และถวายการส่องกล้องพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 พบติ่งเนื้องอก (Polyps) 7 ติ่ง คณะแพทย์ฯ ได้ตัดติ่งเนื้องอกออกทั้งหมดเพื่อตรวจวินิจฉัยและพบว่าเป็นเซลล์ชนิดที่อาจจะสามารถพัฒนากลายเป็นเซลล์มะเร็งในอนาคตได้ ดังที่สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ให้ทราบแล้วนั้น

เนื่องจาก หลังทรงรับการตรวจส่องกล้อง มีพระอาการอ่อนเพลียมาก คณะแพทย์ฯ จึงได้กราบทูลขอพระราชทานให้ประทับ ณ โรงพยาบาล เพื่อทรงรับการถวายการรักษาพยาบาลด้วยพระโอสถ และสารละลายทางหลอดพระโลหิต และการติดตามพระอาการโดยใกล้ชิดมาระยะหนึ่ง

บัดนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มีพระอาการดีขึ้นในระดับหนึ่ง และพระอาการทั่วไปมีความปลอดภัยเพียงพอ คณะแพทย์ฯ จึงมีความเห็นร่วมกันให้สามารถเสด็จออกจากโรงพยาบาลได้ โดยขอพระราชทานพระอนุญาตตรวจติดตามพระอาการอย่างต่อเนื่อง

อนึ่ง หากมีการเปลี่ยนแปลงอื่นใด จะได้แจ้งให้ได้รับทราบเป็นระยะในภายหลัง

จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

ทหารไม่เกี่ยวผิด ม.112 ‘หยอง’ซัดทอดเชื่อไม่ได้

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรก.รองผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า สำนวน คืบหน้าถึงร้อยละ 90 แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่จะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะนำมาประกอบในสำนวนคดีชุดแรก เบื้องต้นมีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง 3 ราย อยู่ในระหว่างฝากขังผัดที่สอง ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ กำลังเร่งติดตามหากพยานหลักฐานมีการพาดพิงหรือมีข้อมูลถึงใครก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่ามีทหาร 40-50 นาย เข้ามาเกี่ยวข้องในคดี 112 นั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งอาจเป็นการลงข่าวคลาดเคลื่อน เนื่องจากเป็นเพียงคำให้การของ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ ซึ่งไม่สามารถรับฟังได้ และต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนก่อน พร้อมทั้งขอยืนยันว่าขณะนี้ในสำนวนคดีดังกล่าวยังไม่มีทหารหรือบุคคลในกองทัพเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่การนำเสนอข่าวของสื่อบางสำนักทำให้กองทัพ ชาติ บ้านเมืองเสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาว่าเข้าข่ายทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายแตกแยกหรือไม่ หากเข้าข่าย ก็จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายทันที

ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีการเรียก นางจีราภา อริยวงศ์โสภณ น้องสาวของหมอหยอง มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีนั้น ยังไม่ได้รับรายงาน สำหรับนายศุกร์โข ตามเสรี คนสนิทของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อดีต สว.กก.1บก.ปอท. หรือสารวัตรเอี๊ยด ที่ถูกจับกุมในข้อหาครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย ขณะนี้ยังไม่พบความผิดที่เกี่ยวข้องกับคดี 112 แต่ยังถือเป็นบุคคลสำคัญที่จะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวถึงกรณีที่มีการลักลอบนำเสาสัญญาณและอุปกรณ์ระบบวิทยุดีทีอาร์เอส จากสถานีตำรวจนครบาลบึ่งกุ่ม ไปติดตั้งบนอาคารใบหยกทาวเวอร์ 2 เพื่อให้การรับส่งสัญญาณดีขึ้นนั้น ยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดี 112 ซึ่งบริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่น มหาชน ดำเนินการตามคำสั่งของหน่วยงานราชการถูกต้อง แต่อาจมีบางขั้นตอนที่มีการปฎิบัติโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งในเรื่องนี้จะต้องให้ต้นสังกัดตรวจสอบการใช้งบประมาณที่ผิดวัตถุประสงค์

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวว่า นายทหารยศพันเอกที่มีข่าวพัวพันกับความผิดคดี ม.112 ได้เขียนใบลาออกจากราชการแล้ว แต่ไม่ได้ยื่นต่อต้นสังกัดว่า ต้องว่ากันไปตามระเบียบว่าขาดราชการเกินกี่วันถึงจะต้องให้ออกจากราชการ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรกำกวม ตนพูดไปแล้วว่าไม่ได้เป็นอย่างในข่าว ซึ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ก็ออกมาพูดแล้วว่าไม่มีทหารเกี่ยวข้อง

“ตอนนี้ยังไม่มีการออกหมายจับทหาร ตอนนี้อาจเป็นเรื่องของการขาดราชการ ยังไม่เชิงบอกว่าหนี แต่ถ้าจะลาออกก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัว ซึ่งมีระเบียบอยู่แล้ว”พล.อ.ประวิตร กล่าว

ต่อข้อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีคนของกองทัพมาเกี่ยวข้องกับคดี 112 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยืนยัน การที่เราจะเกี่ยวข้องกับคดี 112 คนที่พิจารณาต้องเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องเอาวิธีการดำเนินการเขามาดูมาทำเสียก่อน เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่

วันเดียวกัน มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมา จ.เมียวดี ตรงข้าม ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ได้รับคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมียนมา ให้ตรวจสอบเพื่อค้นหาตัวนายทหารยศ“พันเอก”ที่มีข่าวพัวพันกับการกระทำผิดตาม ม.112 ซึ่งได้หอบเงินนับร้อยล้านบาท ลักลอบเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ที่เชื่อมระหว่าง อ.แม่สอด จ.ตาก-เมียวดี ของประเทศเมียนมาร์ ในช่วงเวลาประมาณ 06.00 น.วันที่ 31 ตุลาคม และมีกองกำลังไม่ทราบฝ่าย พร้อมอาวุธครบมือ มารับตัวไปแบบวีไอพี

เจ้าหน้าที่ทางการเมียนมาร์ ระบุว่า นายทหารยศพันเอกรายนี้เข้าไปในเขตเมียนมา ทาง จ.เมียวดี โดยผ่านด่านพรมแดนไทย-เมียนมาร์ (แม่สอด-เมียวดี) อย่างถูกต้อง แต่ไม่มีสิทธิ์ค้างคืนในฝั่งเมียนมา ต้องเดินทางกลับประเทศไทยตามกฎหมายกำหนด และถ้าหนีเข้าเมียนมาจริง และไม่กลับออกไป ถือว่าลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ต้องถูกจับดำเนินคดี โดยขณะนี้ทางการเมียนมาได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือให้ตรวจสอบว่า นายทหารไทยรายนี้ไปอยู่กับชนกลุ่มน้อยกลุ่มใด เพราะในพื้นที่ จ.เมียวดี มีชนกลุ่มน้อยอยู่ 4 กลุ่ม

ทั้งนี้ มีรายงานว่าหน่วยข่าวกรองฝ่ายไทย ได้ตรวจสอบจนทราบแล้วว่าพันเอกรายนี้ไปอยู่กับชนกลุ่มน้อยกลุ่มใด ขณะที่บางกระแสข่าวระบุว่าไปอาศัยอยู่กับกองกำลังกะเหรี่ยงดีเคบีเอ