28 ก.ย.65 สำนักข่าวเอสพีเอ (SPA) ของทางการซาอุดีอาระเบียรายงานอ้างพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันอังคารว่า สมเด็จพระราชาธิบดี พระชนมพรรษา 86 พรรษา ทรงปรับคณะรัฐมนตรีด้วยการแต่งตั้งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร พระชนมายุ 37พรรษาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากก่อนหน้านี้ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 และรัฐมนตรีกลาโหม และทรงแต่งตั้งเจ้าชายคาลิด บิน ซัลมาน พระชันษา 33-34 ปี เป็นรัฐมนตรีกลาโหม จากก่อนหน้าที่ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกลาโหม ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีการลงทุน และรัฐมนตรีพลังงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน หรือที่ทรงเป็นที่รู้จักในชื่อเอ็มบีเอส (MbS) และและเจ้าชายคาลิด บิน ซัลมาน ทรงเป็นพระโอรสองค์โตและองค์ที่ 2 ของพระชายาองค์ที่ 3 ของสมเด็จพระราชาธิบดี เอ็มบีเอสทรงเป็นผู้ปกครองซาอุดีอาระเบียโดยพฤตินัยตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากพระราชบิดาที่เสด็จขึ้นปกครองประเทศในปี 2558 เสด็จเข้าโรงพยาบาลหลายครั้งในช่วงหลายปีมานี้ เอ็มบีเอสทรงเปลี่ยนแปลงประเทศขนานใหญ่ ด้วยการสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจจากเดิมที่พึ่งพาแต่รายได้จากการส่งออกน้ำมัน อนุญาตให้สตรีขับรถยนต์ได้ และจำกัดอำนาจทางสังคมของฝ่ายศาสนา
วันที่ 28 กันยายน 2565 ด่าน ตม.เชียงแสน ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.มณุวัฒน์ กอสนานผกก.ตม.เชียงแสน ร่วมกันกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ได้รับตัวคนไทย จำนวน 1 คน ซึ่งถูกหลอกไปทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว
จากการสอบถามทราบว่า ได้เดินทางออกจากประเทศไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อไปท่องเที่ยว แขวงนครหลวงเวียงจันทร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จนได้พบกับชายคนจีนคนหนึ่ง จึงชักชวนให้ไปทำงานเป็น Admin เว็บไซต์พนันออนไลน์ ที่ เมืองหลวงน้ำทาแขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว
ต่อมาได้ชักชวนให้ย้ายมาทำงานในเขตเศรฐกิจพิเศษ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว แต่เมื่อมาถึงกลับถูกบังคับให้ทำงานในลักษณะชวนให้คนมาเล่นการพนันและบังคับให้ทำยอดเงินให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยให้ทานข้าววันละ 1 มื้อ และกักขังอยู่กับคนลาว
ผู้ถูกหลอกเห็นว่าไม่ตรงตามที่ตกลงกันไว้ จึงอยากเดินทางกลับประเทศไทยโดยได้ติดต่อประสานของความช่วยเหลือจากสถานฑูตไทย โดยได้ให้ประสานเจ้าหน้าที่ ตม.ลาว เพื่อให้การช่วยเหลือให้พาผู้ถูกหลอกลวงเดินทางกลับประเทศไทย จากการสัมภาษณ์ พบว่าไม่เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ประกอบกับมีการเดินทางออกราชอาณาจักรอย่างถูกต้อง หลังการสัมภาษณ์ จึงได้ให้เดินทางกลับบ้านไป
ทาง ด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน ถือปฏิบัติตามนโยบายของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 ในการป้องปรามการถูกล่อลวงไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน ได้ดำเนินการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานยังประเทศ สปป.ลาวตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2564 กลับมายังภูมิลำเนา จนถึงปัจจุบันแล้ว จำนวน 113 คน โดยมีการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้เดินทางผ่านเข้า-ออก ราชอาณาจักร ณ จุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ(สบรวก) ทุกราย รวมถึงมีการคัดแยกเหยื่อของกลุ่มผู้สุ่มเสี่ยงจะตกเป็นเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 09-30185958 (เชียงของ) , 06-1279-8777 (เชียงแสน)
เมื่อวันที่ 28 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ศรีสะเกษได้รับผลกระทบจากพายุโนรูทำให้เกิดฝนตกตั้งแต่เช้าตกตลอดทั้งวัน ซึ่งสถานีอุตุนิยมวิทยาศรีสะเกษวัดปริมาณน้ำฝนตั้งแต่เช้าวันนี้จนถึงเวลา 21.00 น.วัดได้ 99.2 มม. ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายจุด ต้นไม้หักโค่นขวางถนนก็มีมากหลายจุด ซึ่งในตอนเย็นเจ้าหน้าที่ สภ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษได้รับแจ้งเหตุรถยนต์ถูกต้นไม้หักโค่นทับที่ถนนสาย ห้วยทับทัน-ปรางค์กู่ บริเวณใกล้ห้วยยางรีบไปตรวจสอบ
พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูสุรุ่นดีแมคแบบแค็บสีขาว ทะเบียน บม 9971 สุรินร์ จอดอยู่ฝั่งเข้าห้วยทับทัน มีต้นไม้ต้นใหญ่ทับรถอยู่ สภาพต้นไม้ขวางถนน รถคันอื่นไม่สามารถผ่านไปมาได้ ในรถพบร่าง นายบัวสอน พิมดา อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 6 ต.กล้วยกว้าง อ.ห้วยทับทัน นั่งอยู่เบาะหน้าคู่คนขับติดอยู่ภายในรถไม่สามารถนำร่างออกมาได้ มีนายลาชันย์ ครุฑแก้ว อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 6 ต.กล้วยกว้าง แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่รถและไม่ได้รับบาดเจ็บ มีคนเจ็บอีกสองคนที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลห้วยทับทันไปก่อนหน้าแล้ว คือ นายประภาพงษ์ ยอดนุ่น อายุ 38 ปี และ นายสมหมาย โพงพิมาย อายุ 58 ปี ที่นั่งอยู่ในแค็ป ทั้งสองได้รับบาดเจ็บรับการรักษาที่โรงพยาบาลห้วยทับทัน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างงัดรถนำร่างนายบัวสอนฯ ซึ่งเสียชีวิตคารถส่งไปชันสูตรพลิกศพ
เบื้องต้น นำรถมาเก็บรักษาที่ สภ.ห้วยทับทัน และจะได้ทำการสอบสวนหารายละเอียดการเกิดอุบัติเหตุเพื่อดำเนินการต่อไป
ขณะที่ในตัวเมืองศรีสะเกษ น้ำจากลำห้วยสำราญได้เอ่อล้นลำห้วยขึ้นท่วมถนน ท่วมบ้านเรือนประชาชนทั้งหมด 10 ชุมชน จนต้องอพยพขึ้นไปอยู่บ้านที่สูงซึ่งเทศบาลเมืองศรีสะเกษได้นำเต็นท์มากางไว้ให้ที่บนถนนเฉลิมราชย์ 60 ปี ถนนเทพาต่อกับถนนเฉลิมราชย์ 60 ปี่ที่ชุมชนหนองอุทัยถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ถนนถูกตัดขาดรถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ต้องนำแผงเครื่องกั้นมาปิดถนนเฉลิมราชย์บริเวณสามแยกซอยประชาราชย์เนื่องจากน้ำท่วมสูง 50-60 ซม.เป็นระยะทางยาวประมาณ 1 กม.
สื่อออนไลน์"ชนกลุ่มน้อย"อ้างคลิปยิงปะทะทหารเมียนมาเสียชีวิตกว่า 10 ศพ ยึดอาวุธปืน พร้อมกระสุนเพียบ
วันนี้ 28 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.134 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.หนองลู และชุด ชรบ.ร่วมกันเฝ้าระวังช่องทางธรรมชาติรวมทั้งจุดผ่อนปรนชั่วคราวด่านพรมแดนชั่วคราวบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เนื่องจากช่วงเวลาประมาณ 04.40 น.เกิดการยิงปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารประเทศเมียนมาและชนกลุ่มน้อย ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากชายแดนไทยเข้าไปยังฝั่งประเทศเมียนมาประมาณ 5-10 กิโลเมตร และนอกจากนี้เหตุการณ์ยิงปะทะยังเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในช่วงเวลาประมาณ 09.30 น.วันนี้ ( 28 ก.ย.65)ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ร.อ.ซอก กะรี ผู้บังคับหมวด KNLA พัน.16 กล่าวต่อสื่อออนไลน์ของชนกลุ่มน้อย KIC (Karen information center)ว่า การเข้าโจมฐานพญาด่อง พัน.ร.283 ของสภาทหารในพื้นที่ อ.พญาตองซู นั้น สืบเนื่องมาจากประชาชนเกิดปัญหาความไม่สะดวกในการสัญจรไปมา KNLA พัน.16 ร้อย 2 จึงทำการเข้าโจมตีฐาน โดยใช้เวลาในการโจมตีประมาณ 1 ชั่วโมง โดยฝ่ายกำลังสภาทหารเสียชีวิต จำนวน 13 นาย รวมทั้ง รอง ผบ.พัน. ยึดอาวุธปืนได้ จำนวน 7 กระบอก และยึดกระสุนได้จำนวนมาก
จากเผยแพร่ภาพของ Karen Information Center –KIC ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ของชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเผยให้เห็นภาพบรรยากาศการต่อสู้ และภาพของทหารเมียนมาที่เสียชีวิต รวมทั้งอาวุธจำนวนหนึ่ง ที่KNLA ยึดได้จากการต่อสู้ในวันนี้ ซึ่งคาดว่าภายใน1-2 วันนี้ทหารเมียนมาอาจมีการเสริมกำลังเพื่อยึดฐานคืน ซึ่งอาจส่งให้เกิดการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้น และจากการรายงานข่าวพบว่าชาวบ้านในพื้นที่การปะทะและพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งชาวบ้านในเมืองพญาตองซู เริ่มมีการเก็บสิ่งของมีค่า เพื่อเตรียมรับสถานการณ์และอาจจะอพยพเข้ามาในประเทศไทย
28 ก.ย.65 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูก โดยถูกยิงจากสนามบินซูนันในกรุงเปียงยาง ระยาวทาง 360 กิโลเมตร ในระดับความสูงประมาณ 30 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 6 มัค ทั้งนี้ การยิงขีปนาวุธดังกล่าว เชื่อว่าเป็นการข่มขวัญการมาเยือนเกาหลีใต้ของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ขณะเดียวกันหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ เผยว่า เกาหลีเหนือเสร็จสิ้นการเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบนิวเคลียร์แล้ว และน่าจะดำเนินการทดสอบระหว่างวันที่ 16 ตุลาคม ถึง 7 พฤศจิกายนนี้ โดยอุโมงค์ทดสอบนิวเคลียร์พุงเก-รีที่เกาหลีเหนือใช้ทดสอบนิวเคลียร์ใต้ดินมาแล้ว 6 ครั้งนับจากปี 2549 โดยทดสอบครั้งหลังสุดไปเมื่อปี 2560 ช่วงเวลาที่จะทดสอบน่าจะเป็นช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญ เช่น การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กำหนดเริ่มขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคม หรือการเลือกตั้งกลางสมัยในสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน
28 ก.ย.65 หลังจากดินแดน 4 แห่งของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครองได้เสร็จสิ้นการลงประชามติเพื่อเข้าร่วมกับรัสเซียแล้ว โดยอ้างว่าประชาชนเกือบทั้งหมดเห็นด้วยกับการผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ขณะที่สำนักข่าวหลายแห่งที่เป็นฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลรัสเซียในแคว้นโดเนตสก์กับแคว้นลูฮันสก์รายงานว่า ประชาชนร้อยละ 99.23 ลงประชามติเห็นด้วยกับการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เป็นตัวเลขสูงมากที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในการจัดทำประชามติ
ล่าสุด กระทรวงต่างประเทศของยูเครน ระบุในแถลงการณ์เรียกร้องให้ชาติพันธมิตรของยูเครนใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นต่อรัสเซีย และส่งความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนมากขึ้น ทั้งยังระบุว่ายูเครนจะไม่มีวันเห็นด้วยกับผลประชามติของรัสเซียที่ยูเครนมองว่าเป็นการใช้กระบอกปืนบังคับให้ประชาชนในดินแดน 4 แห่งของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครอง ได้แก่ แคว้นลูฮันสก์ โดเนตสก์ เคอร์ซอน และซาปอริชเชีย ไปลงคะแนนเสียง การกระทำเช่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งอาชญากรรมที่รัสเซียก่อขึ้นในขณะรุกรานยูเครน
กระทรวงต่างประเทศของยูเครนยังระบุว่า การทำประชามติของรัสเซียในดินแดนทั้ง 4 แห่ง เป็นเรื่องหลอกลวง เพราะไม่ใช่เจตนารมณ์ของประชาชน และไม่มีความหมายใดๆ ต่อการปกครองของยูเครนและดินแดนที่ได้รับการรับรองจากประชาคมโลก ยูเครนและประชาคมโลกขอประณามการกระทำดังกล่าวของรัสเซีย โดยถือว่าเป็นโมฆะและไร้ค่า ยูเครนมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะยึดดินแดนเหล่านี้กลับคืนมาด้วยวิธีทางทหารและการทูต และจะยังคงเดินหน้าปลดแอกดินแดนของยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่ในขณะนี้
ด้านบีบีซี รายงานว่า การลงประชามติใน 4 ดินแดงไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมนานาชาติ เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างอิสระ
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012