ข่าว
มะกันผวาซ้ำ! คนร้ายกราดยิง ร.พ.ในรัฐเนวาดาดับ 1 เจ็บ 2

โศกนาฏกรรมจากอาวุธปืนครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นที่อาคารซึ่งเชื่อมกับสถาบันการแพทย์ Renown Regional Medical Center ในเมืองเรโน ซึ่งเป็นสถานพยาบาลขนาดใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของรัฐเนวาดา

“เราได้รับรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วแน่นอน 2 รายภายในอาคาร... หนึ่งในนั้นคือมือปืน และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน” ทอม โรบินสัน รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจเมืองเรโน ให้สัมภาษณ์ พร้อมระบุว่า จากหลักฐานที่พบบ่งชี้ว่าคนร้ายยิงตัวตาย

เกล เพาเวลล์ โฆษกสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะแห่งรัฐเนวาดา เปิดเผยว่าจุดเกิดเหตุคือศูนย์อายุรกรรมและประสาทวิทยาขั้นสูงแห่งรัฐเนวาดา โดยเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ 2 รายเข้ารับการผ่าตัดแล้ว และหนึ่งในนั้นเป็นแพทย์หญิง

ทั้งนี้ เพาเวลล์ยังไม่ทราบชื่อของมือปืนและเหยื่อทั้ง 3 คน และไม่ทราบชนิดของปืน รวมไปถึงเหตุจูงใจของคนร้ายด้วย

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สถาบันการแพทย์ Renown Regional Medical Center ตกอยู่ในภาวะสับสนอลหม่าน โดยตำรวจและหน่วย SWAT ได้ระดมกำลังกว่า 30 คันรถไปยังจุดเกิดเหตุ และทำการปิดกั้นพื้นที่รอบโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองเรโน

เดบบี สมิธ ส.ว.จากรัฐเนวาดา เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุเธออยู่ที่โรงพยาบาลเพราะมีนัดกับแพทย์ และกำลังจะเดินทางออกมาเมื่อเวลา 14.45 น.ตามเวลาท้องถิ่น แต่ก็เกิดเหตุกราดยิงขึ้นเสียก่อน

“ดิฉันพบเจ้าหน้าที่หน่วย SWAT ซึ่งเขาบอกว่ายังออกไปจากที่นี่ไม่ได้... ที่ประตูก็มีตำรวจอยู่อีกนายหนึ่ง ซึ่งห้ามไม่ให้ดิฉันออกไปเช่นกัน”

ไบรอัน แซนโดวัล ผู้ว่าการรัฐเนวาดา ได้มีถ้อยแถลงผ่านทวิตเตอร์ว่าเจ้าหน้าที่กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอแสดงความห่วงใยไปยังประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้

วันเสาร์ที่ผ่านมา (14) เพิ่งจะเป็นวันครบรอบ 1 ปีเหตุกราดยิงโรงเรียนประถมแซนดีฮุคในเมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเน็ตทิคัต ซึ่งมีครูและนักเรียนเด็กเล็กสังเวยคมกระสุนไปถึง 26 ราย และเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจที่ทำให้สังคมอเมริกันต้องหันมาถกเถียงเรื่องความรัดกุมของกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

นศ.ฮาร์วาร์ดขู่ “วางระเบิด” เพราะ “ไม่อยากเข้าสอบ”

นักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งถูกตั้งข้อหาขู่วางระเบิดเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องเข้าสอบ มีกำหนดขึ้นศาลสหรัฐฯ ในเมืองบอสตันวันที่18ธ.ค. สำนักงานอัยการเขตระบุ เอลโด คิม วัย 20 ปีอาจถูกตัดสินจำคุกสูงสุด 5 ปี, คุมประพฤติ 3 ปี และปรับเป็นเงิน 250,000 ดอลลาร์ (ราว 8,050,000 บาท) หากศาลตัดสินว่าเขามีความผิดจริง ในข้อหาแกล้งขู่วางระเบิด ซึ่งสร้างความอกสั่นขวัญแขวนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เขาถูกกล่าวหาว่าทำให้เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ตำรวจ และอาสาสมัครกู้ภัยฝ่ายพลเรือนรวมหลายสิบคนต้องเสียเวลา หลังส่งอีเมลฉบับเดียวกันนี้ไปถึงตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย และหนังสือพิมพ์ซึ่งจัดทำโดยนักศึกษา

เจ้าหน้าที่ได้รับอีเมลฉบับนี้ ในเวลา 8.30 น. หรือราวๆ ครึ่งชั่วโมงก่อนที่ คิม จะต้องเข้าห้องสอบ โดยอีเมลมีหัวข้อว่า “ระเบิดถูกวางไว้ทั่วมหาวิทยาลัย” อีกทั้งเตือนว่ามีระเบิดลูกปรายซุกซ่อนอยู่ในอาคาร 4 หลัง และระบุเพิ่มเติมว่า “รีบๆ หน่อย ใกล้จะระเบิดแล้ว”

ตำรวจโทรศัพท์ตามเจ้าหน้าที่หน่วยเอฟบีไอ และเร่งอพยพทุกคนที่อยู่ในอาคารทั้ง 4 หลังออกมาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้หลายวิชาต้องยกเลิกการสอบ ทว่าหลังจากตรวจค้นอยู่นานหลายชั่วโมง ก็ไม่พบระเบิด

คิมส่งอีเมลฉบับดังกล่าวโดยไม่เปิดเผยชื่อ แต่บันทึกคำให้การของเอฟบีไอระบุว่า เขาสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่าที่ทำลงไปเพราะไม่อยากเข้าห้องสอบปลายภาคในช่วงเช้า

คาร์เมน ออร์ทิซ อัยการสหรัฐฯ ระบุว่า คิม มีกำหนดขึ้นศาลแขวงแมสซาชูเซตส์ ในเมืองบอสตันวันที่18ธ.ค. ด้าน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแถลงว่า ได้รับแจ้งว่า มีนักศึกษาคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยถูกจับ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขู่วางระเบิด แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับการสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่


ชุมชนไทยรวมกลุ่มสัมมนา ถกปัญหานวด-สปาไทย

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2556 ที่ ไทยแลนด์พลาซ่า สถานกงสุลใหญ่แอล.เอ. ร่วมมือกับหอการค้าไทยอเมริกัน จัดสัมมนาเรื่อง "การพัฒนาธุรกิจสปาและนวดไทย" โดยได้รับเกียรติจาก ผู้บริหารระดังสูงของ CAMTC 2 ท่าน คือ Mr.Almos Netanel (CEO) และ Ms.Beverly May (Director) ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับ Massage License โดยเฉพาะ Ms.Beverly เป็นผู้ผลักดันการเทียบโอนใบรับรองการเรียนนวดของสาธารณสุขไทย ให้สามารถใช้ได้ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ภายในงานมี วราภรณ์ เกษมศิลป์ นายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ สมคะแน ยอดพราหมณ์ และ วิษณุ ชมศิลป์ ผู้แทนจาก Thai Trade Center รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิในวงการนวด มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความรู้ความสามารถ

การประชุมครั้งนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมประชุมกว่า 30 ท่านและได้แลกเปลี่ยนความรู้ ในการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบต่างๆ ของ CAMTC โดยทั้ง 2 ท่านได้ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเพื่ออธิบายอย่างละเอียดชัดเจนให้ที่ประชุมได้รับทราบว่า State Board ยินดีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับคนไทยที่ติดขัดเรื่องการขอ Massage Licence โดยสามารถอีเมล์ถึง Board โดยตรง พร้อมแจ้ง Case Number

อีกทั้งยังให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่ต้องการขอเปิดกิจการ เจ้าของร้าน พนักงานนวด การขอเปิดโรงเรียนสอนนวด และกฎระเบียบอื่นๆ อีกมากมาย ต้องขอขอบคุณ มยุรี ไทยบุญเรือง ในการช่วยแปลภาษา และ กนิษฐา พิไรดา แห่ง Massage Plus Company ที่เป็นแม่งานพลักดันให้งานนี้เกิดขึ้น

สำหรับคนที่สนใจอยากทราบรายละเอียดการประชุม และต้องการประกอบอาชีพนวด ทางกลุ่มเพื่อนสปาพร้อมที่จะช่วยเหลือให้คำปรึกษาต่างๆ กับทุกคน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ติดต่อผ่านหอการค้าไทยฯ ที่ 626-571-8222 หรืออีเมล์ info@thaichamber.org


เตือนเจ้าของกิจการไทย หวั่นตรวจสอบจากภาครัฐ

มิเชลล์ ปาร์ค สตีล รองประธานคณะกรรมาธิการภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนีย เตือนให้เจ้าของธุรกิจในเขตเมืองด้านล่างนี้ ซึ่งมีธุรกิจไทยถึงการเข้าตรวจสอบใบอนุญาตต่างๆ และการเสียภาษีจากหน่วยเฉพาะกิจ (S.C.O.P. – Statewide Compliance and Outreach Program) ของเสตทบอร์ดออฟอีควอไรเซชั่น (State Board of Equalization) ซึ่งจะเข้าตรวจสอบธุรกิจทุกแห่งจาก 35 Zip Codesดังนี้:

Antelope (95843), Camarillo (93010),Ceres (95307),Denair (95316), Fillmore (93015 and 93016),Fontana (92336), Glendale (91206),Grover Beach (93483),Hughson (95326), Isleton (95641), Laguna Hills (92653),Laguna Woods (92637), Lake Elsinore (92532), Lathrop (95330), Manteca (95336 and 95337), McClellan (95652), Newbury Park (91320), Newman ( 95360), Patterson (95363), Riverbank (95367), Rosemead (91770), Sacramento (95842), Salina ( 95368), San Bernardino ( 92404 and 92407), San Jose (95110), Santa Paula (93060 and 93061), Sonoma (95476), Turlock (95380 and 95382), Union City (94587), and Waterford (95386)

ทั้งนี้ทางสำนักงานเสตทบอร์ดได้ส่งจดหมายแจ้งล่วงหน้าให้ธุรกิจในเขตดังกล่าวกว่า 18,031 ฉบับทราบถึงการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ หน่วยเฉพาะกิจนี้ตั้งขึ้นในเดือนกันยายน 2008 ซึ่งคุณมิเชลล์ไม่เห็นด้วยและได้ลงคะแนนเสียงคัดค้าน ในจุดประสงค์ที่ต้องการเห็นธุรกิจต่างๆ มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง โดยการเข้าตรวจสอบแบบเหวี่ยงแหทุกธุรกิจกว่า 410,800 แห่งและตรวจสอบถึงการชำระภาษีว่า ได้เสียถูกต้องตรงกับความจริงหรือเปล่าและพบว่า 98% ของธุรกิจมีใบอนุญาติที่ถูกต้อง

คุณมิเชลล์จึงอยากจะแจ้งให้เจ้าของธุรกิจในเขตดังกล่าวทราบ เจ้าหน้าที่จะตรวจใบอนุญาตต่างๆ เช่น Seller’s Permit/ABC License/Cigarette License ซึ่งเจ้าของร้านควรจะติดไว้ให้เจ้าหน้าที่เห็นอย่างชัดเจน ถ้ามี การสอบถามอะไรเพิ่มเติม ก็ควรจะพูดคุยกับเจ้าของกิจการเท่านั้น เพราะมีหลายกรณีที่เจ้าหน้าที่มักจะสอบ ถามกับผู้จัดการร้านหรือคนเสิร์ฟเพื่อหาข้อมูล เป็นเหตุผลในการตรวจสอบภาษีย้อนหลังในภายหลัง (Full Audit) ซึ่งคุณ มิเชลล์ไม่เห็นด้วยจากการหารายได้เพิ่มของรัฐแบบนี้

ถ้าท่านมีปัญหากับเจ้าหน้าที่หรือเจ้าหน้าที่ประพฤติไม่สุภาพ ก็ขอให้แจ้งหัวหน้าชุดเฉพาะกิจในเขตของท่าน ที่เบอร์โทรศัพท์ดังนี้ 800-400-7115 หรือติดต่อกับสำนักงานของมิเชลล์ผ่านคุณ คิด ฉัตรประภาชัย ที่เบอร์โทรศัพท์ (310)377-8016 ได้

หน่วยเฉพาะกิจนี้จะเป็นหน่วยทดสอบใช้เวลา 2 ปี ซึ่งจากการประเมินของเสตทบอร์ดคาดว่า จะมีการหนีภาษีถึง 2 พันล้านเหรียญ (2 Billion)ซึ่งเป็นความแตกต่างจากภาษีที่รัฐควรจะเก็บได้กับภาษีที่รัฐได้รับจากเจ้าของ ธุรกิจ


สมาคมปักษ์ใต้ไม่ผลัดใบ
เลือก"จุฑาภรณ์"เป็นนายกฯ

จุฑาภรณ์ ไชยรัตน์ติเวช ได้คะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมปักษ์ใต้ แห่งแคลิฟอร์เนีย เป็นวาระที่ 2

เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาได้มีการประกาศเลือกตั้งใหม่ โดยเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันเป็นนายกสมาคมปักษ์ใต้คนใหม่ เพื่อแทน จุฑาภรณ์ ไชยรัตน์ติเวช โดยประกาศรับสมัครจนถึงวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งมี กิจจา คุณธรรม เป็นผู้รับสมัคร โดยผู้ที่เป็นนายกฯ จะมีวาระในการปฏิบัติหน้าที่เป็นเวลา 2 ปี คือ 2014-2015

และเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ทางสมาคมฯ ได้มีการนัดหมายคณะกรรมการและสมาชิก เพื่อร่วมโหวตคะแนนเสียงที่ ร้านอาหารไทยคิทเช่น เมืองเบอร์แบงค์ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด นายกิจจา คุณาธรรม จึงได้ประกาศกับสมาชิกว่า ในระยะเวลา 15 วันที่ผ่านมา ไม่มีผู้ลงสมัครเข้าแข่งขันเป็นนายกสมาคมฯ คนใหม่แม้แต่คนเดียว

นายสมเจน์ พยัคฆฤทธิ์ ได้กล่าวถึงหลักเกณฑ์ในการเลือกตั้งว่า โดยปกติหากมีผู้สมัตรเพียงคนเดียว เราจะมีการยกมือรับรอง ถ้ามีผู้สมัครมากกว่า 1 คนก็จะใช้วิธีลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่สำหรับปีนี้ไม่มีผู้ลงสมัคร จึงจะใช้วิธีเสนอชื่อผู้ที่คิดว่าเหมาะสมแทน โดยผู้ที่ถูกเสนอชื่อจะต้องไม่คัดค้าน และทำการยกมือโหวต จากนั้นนายวิจิตร สุวรรณวงศ์ จึงเสนอชื่อ จุฑารัตณ์ ไชยรัตน์ติเวช ให้เป็นนายกสมัยที่ 2

เมื่อถึงเวลาลงมติ เสียงทั้งหมดของผู้เข้าร่วมประชุม 27 เสียง ยกมือเป็นเอกฉันท์ให้ จุฑารัตน์ ไชยรัตน์ติเวช เป็นนายกต่อไปอีก 2 ปี

จุฑาภรณ์ หรือคุณดำ ได้กล่าวถึงการทำงานที่ผ่านมาในระยะ 2 ปีว่า การที่จะทำงานในแต่ละชิ้นให้สำเร็จนั้นเธอไม่สามารถที่จะทำเพียงลำพังได้ ต้องขอบคุณโดยเฉพาะ "แจ๊ส" วรลักษณ์ เอกสกุล ที่คอยช่วยเหลืองานต่างๆ อยู่เสมอๆ และต้องขอบคุณ น้องยุพดี ที่คอยดูแลเรื่องการเงินให้กับทางสมาคมฯ

เธอยังกล่าวต่อไปว่า ลูกของเธอให้การสนับสนุนให้คุณแม่ได้ทำงานตรงนี้อย่างเต็มที่ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องความไม่เข้าใจกันทางบ้าน รวมทั้ง สุนทร สิทธิสุนทร อดีตสามีของเธอที่เสียชีวิต ซึ่งเคยเป็นนายกสมาคมฯ แห่งนี้เช่นกัน ได้กล่าวไว้คราวที่เธอได้รับตำแหน่งนายกฯว่า "ดำ ต้องรับตำแหน่งนายกฯตรงนี้นะ ไม่อย่างนั้นเรานอนตายตาไม่หลับ" เธอจึงคิดถึงคำพูดนี้เสมอ และใช้มันเป็นพลังในการทำงานตรงจุดนี้

อีกทั้งสามีคนปัจจุบัน คุณประดิษฐ์ เมื่อเธอถามถึงหากเธอต้องรับหน้าที่นายกสมาคมฯ ต่ออีก 2 ปี เขาให้การตอบรับเป็นอย่างดีว่า "อะไรที่เป็นความสุขของดำ ก็ทำเถิดหากคิดว่าถูกต้อง" โดยเป้าหมายของเธอคือการมอบคอมพิวเตอร์ให้ 14 จังหวัดภาคใต้ให้สำเร็จ โดยในปีหน้าจะเริ่มจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนคือ จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส ซึ่งหากเป็นไปได้ก็อยากให้สมาชิกร่วมกันบริจาคคอมพิวเตอร์คนละ 1 เครื่องให้กับนักเรียน "เราจะทำตรงจุดนี้ก่อน เมื่อจบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นี้แล้ว อีก 4-5 จังหวัดที่เหลือคงไม่มีปัญหา" จุฑาภรณ์ กล่าว

และในวันที่ 2 มีนาคม 2557 ทางสมาคมปักษ์ใต้ฯ จะจัดให้มีการแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศลขึ้น เพื่อหาเงินจัดซื้อคอมพิวเตอร์ให้กับจังหวัดตรัง จำนวน 16 เครื่อง โดยให้ตามสัดส่วนจำนวนนักเรียน โดยให้โรงเรียนปาตูปู 8 เครื่อง บ้านไร่นอก 3 เครื่อง โรงเรียนวัดสิทธิโชค 1 เครื่อง โรงเรียนบ้านวัดท่าข้ามควาย 1 เครื่อง โรงเรียนบ้านทุ่งสะโบ๊ะ 1 เครื่อง และโรงเรียนบ้านทุ่งบุหลัง 2 เครื่อง ผู้ที่สนใจร่วมบริจาคสามารถติดต่อได้ที่ จุฑาภรณ์ ไชยรัตน์ติเวช นายกสมาคมฯ 818-438-6426 และวราลักษณ์ เอกสกุล เลขาฯ 818-239-9634

สเตทบอร์ดคืนเงินมัดจำ250ล.เหรียญ ส่งกลับไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อย

มิเชลล์ ปาร์ค สตีล รองประธานกรรมการด้านภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนีย และประธานกรรมาธิการด้านการบริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพของสเตทบอร์ด (Chairwoman, Customer Service and Administrative Efficiency Committee) เปิดเผยว่า จากความพยายามของเธออย่างต่อเนื่องที่ต้องการให้ธุรกิจต่างๆทำการค้าได้โดยสะดวก ปราศจากอุปสรรคกฎเกณฑ์ กฏระเบียบ หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ของรัฐหรือของฃิตี้ในการพัฒนาธุรกิจ มิเชลในฐานะประธานกรรมาธิการด้านบริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เสนอการแก้ไขระเบียบ โดยการเสนอให้ยกเลิกการบังคับให้ธุรกิจใหม่ที่มาขอใบอนุญาตการขายจากสเตทบอร์ดในการวางเงินมัดจำเป็นจำนวนเงินตั้งแต่ $2,000 ถึง $50,000 ออกไป และยังเสนอการคืนเงินมัดจำที่สเตทบอร์ดเก็บจากเจ้าของธุรกิจเป็นเงินกว่า $250 ล้านเหรียญ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดย่อย ซึ่งคณะกรรมการด้านภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนียได้ตอบสนองคุณมิเชล โดยการลงคะแนนเสียงสนับสนุนเป็นเอกฉันท์ (5-0) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2013 ให้สเตทบอร์ดจัดการคืนเงินมัดจำ (Security Deposits) ดังกล่าวให้กับธุรกิจย่อยและสามารถจะเริ่มทำการคืนได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 เป็นต้นไป

มิเชลกล่าวว่า “นี่เป็นชัยชนะของผู้เสียภาษี และเจ้าของธุรกิจ ที่สามารถช่วยเหลือธุรกิจให้มีเงินในกระเป๋ามากขึ้น เพื่อการลงทุนพัฒนาธุรกิจ ว่าจ้างคนงาน สนับสนุนครอบครัว แทนที่จะต้องนำเงินมัดจำมาฝากให้กับรัฐบาล” เทรีซ่า คาซาดา (Teresa Casazza) ประธานสมาคมปกป้องผู้เสียภาษีของรัฐ (President of California Taxpayers Association) ให้สัมภาษณ์ว่า “การยกเลิกการวางเงินมัดจำในการทำธุรกิจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะรัฐแคลิฟอร์เนียมีชื่อเสียงว่าการจะทำธุรกิจใดๆในรัฐนั้นลำบากมาก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดย่อยที่ต้องเสียสารพัดภาษี กฎระเบียบต่าง ๆ มากมาย” ขอขอบคุณ คุณมิเชลล์ และกรรมาการทุกคนในการช่วยเหลือที่ จะคืนเงินมัดจำที่จะกลับไปให้ธุรกิจต่าง ๆ ได้พัฒนาต่อไป

ในปี 2007 คุณมิเชล เป็นคณะกรรมาการคนเดียวที่เสนอให้สเตทบอร์ดคืนเงินมัดจำกว่า 42 ล้านเหรียญ ให้กับธุรกิจกว่า 5,500 แห่ง หลังจากที่ทางสเตทบอร์ดได้เก็บเงินมัดจำไว้เกิน 3 ปี เกินกำหนดที่กฎหมายกำหนดไว้