ข่าว
นายกฯเฉพาะกาล'เนปาล'ขอเวลาทำงาน 6 เดือน พร้อมปูทางสู่เลือกตั้ง

15 กันยายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สุชีลา การ์กี นายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลของเนปาล แถลงเมื่อวานนี้ระหว่างประชุมที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีในกรุงกาฐมาณฑุที่เพิ่งตระเตรียมใหม่ว่า เธอเข้ามาทำหน้าที่เพราะความต้องการของผู้ประท้วง เธอและทีมงานไม่ได้สนใจที่อยู่ในอำนาจ แต่จะทุ่มเททำงานรับใช้ประเทศ ภารกิจหลักคือฟื้นฟูบ้านเมืองที่เสียหายจากการประท้วง แก้ไขปัญหาทุจริตในรัฐบาล และเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้ประชาชน รัฐบาลเฉพาะกาลของเธอจะทำงานเป็นเวลา 6 เดือน จากนั้นจะส่งมอบอำนาจบริหารประเทศให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งในวันที่ 5 มีนาคมปีหน้า เธอยังประกาศมอบเงินชดเชย 1 ล้านรูปีเนปาล (ราว 230,000 บาท) ให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตในเหตุประท้วงของกลุ่มคนเจเนอเรชันซี หรือเจนซี (Gen Z) เมื่อวันที่ 8 กันยายน และมอบเงินชดเชยให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย

กระทรวงสาธารณสุขของเนปาลแถลงยอดผู้เสียชีวิตสะสมจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เพิ่มเป็นอย่างน้อย 72 ราย ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 3 นาย มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 3,000 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงพยายามติดตามค้นหาเก็บกู้ศพจากห้างสรรพสินค้า โรงแรม และอาคารอื่นๆ หลายแห่งที่ถูกวางเพลิงเสียหายในเหตุจลาจลช่วงที่เกิดการประท้วงนองเลือด

โดย การ์กี วัย 73 ปี สาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลของเนปาลเมื่อวันที่ 12 กันยายน หลังจากที่เธอได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ชุมนุมจากภาพลักษณ์ใสซื่อมือสะอาดไม่มีข้อครหาเรื่องทุจริต ถือเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ

ส่วนสถานการณ์ทั่วไปในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงเนปาลกลับมาเป็นปกติแล้ว ไม่มีทหารออกลาดตระเวนหรือประจำการตามท้องถนน คำสั่งเคอร์ฟิวถูกยกเลิก ท้องถนนมียวดยานสัญจรคับคั่งอีกครั้ง สถานที่ท่องเที่ยวเริ่มมีนักท่องเที่ยวไปเยือน ร้านรวงและธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ ชาวบ้านหลายคนกล่าวว่า ดีใจที่บ้านเมืองสงบ ผู้คนจะได้กลับมาทำมาหากินกันอีกครั้ง

สะพัด! โผครม.สะดุด โดนท้วงว่าที่รมต.คุณสมบัติไม่เหมาะสม

วันที่ 17 กันยายน 2568 มีรายงานข่าวว่า รายชื่อครม.ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ และอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของสำนักงานองคมนตรี พบว่ามีชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคนมีคุณสมบัติไม่เหมาะสม และอาจต้องเปลี่ยนชื่อ ซึ่งอาจต้องนำกลับมาปรับเปลี่ยนและยื่นทูลเกล้าใหม่อีกครั้ง


เหตุปะทะชาวกัมพูชา ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ตำรวจ คฝ. บาดเจ็บ 4 นาย

วันที่ 17 กันยายน 2568 จากกรณีประชาชนชาวกัมพูชาจำนวน 200 คน พร้อมไม้ยาวประมาณ 3 เมตร เป็นอาวุธประจำกายเข้ามารื้อทำลายลวดหนามที่ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้วางเอาไว้ ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนชาวกัมพูชาว่าอย่า ทำลายรั้วลวดหนาม แต่ก็ยังไม่เป็นผล ใช้เวลาเจรจาประมาณ 30 นาที ไม่เป็นผล

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนจำเป็นจะต้องใช้มาตรการควบคุมฝูงชนจากเบาไปหาหนัก โดยการใช้แก๊สน้ำตายิงเตือนชาวกัมพูชาที่กำลังทำลายรั้วลวดหนาม แต่ทางฝ่ายกัมพูชาก็ยังไม่ละความพยายามยังคงรื้อทำลายรั้วลวดหนาม ทางเจ้าที่ควบคุมฝูงชนจำเป็นจะต้องใช้กระสุนยาง ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีชาวกัมพูชาบางส่วนได้ล่าถอยออกไปเพราะถูกแก๊สน้ำตา

ล่าสุด ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เปิดรายชื่อตำรวจควบคุมฝูงชน 4 นาย ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะที่ บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ดังนี้

1. พ.ต.ท.สมัชญ์ นาคพน รอง ผกก.สส.สภ.คลองลึก ได้รับบาดเจ็บที่ หน้าผาก

2. 2. ด.ต.ศักดิ์สิทธิ์ นพเกล้า ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ได้รับบาดเจ็บที่ หางคิ้ว

3. 3. จ.ส.ต.ชยันต์ เบ้าทอง ผบ.หมู่(ป)สภ.อรัญประเทศ ได้รับบาดเจ็บที่ หน้าผาก

4. 4. ด.ต.แสงอรุณ ศรีวงศ์จันทร์ ผบ.หมู่(ป)สภ.คลองลึก ได้รับบาดเจ็บที่ ขาขวาบวมช้ำ


เจ้าอาวาสขาโหด ซ้อมพระลูกวัด เพียงเพราะไม่ยอมให้ย้ายวัด

ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ รายงานว่า แม่ของพระ เล่าว่า เข้าไปกราบลาเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสไม่ยอมให้ย้ายวัด ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 09.00 น. โดยเข้าแจ้งความแล้วที่ สภ.หาดใหญ่ ทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำและแจ้งข้อหาเจ้าอาวาส มีการสรุปสำนวนส่งอัยการ

คุณแม่ ยังบอกอีกว่า พระลูกชายจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ในจังหวัดสงขลา ส่วนเจ้าอาวาสเป็นญาติกัน ต่อมาทราบว่าลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสที่บวชเป็นพระแล้วสึกออกไป แต่ว่ามาคอยดูแลรับใช้เจ้าอาวาส มั่วสุมที่วัดเป็นประจำ จึงอยากให้ลูกชายไปอยู่ที่วัดอื่น ปรากฎว่าวันที่เข้าไปเก็บของและเข้าไปลา จึงเกิดเหตุการณ์ตามคลิป


ประธาน IOT ขอไทยอดทนจนกว่ามีประชุม JBC ชมกองทัพไทย อดทน ดำรงมาตรฐานสากลโลก

วันที่ 17 กันยายน 2568 เวลา 13.00 น. ชุดไอโอที จากประเทศสมาชิกอาเซียน ประกอบด้วย มาเลเซีย หัวหน้าคณะฯ และผู้ติดตาม อินโดนิเซีย และบรูไน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ณ บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว

โดยมีพันเอกชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับชุดเฉพาะกิจที่ 12 ให้การต้อนรับและนำคณะเดินทางสำรวจพื้นที่ พร้อมตรวจดูลวดหนามป้องกันความปลอดภัยและมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยคณะชุดไอโอทีใช้เวลาลงพื้นที่ประมาณ 30 นาที ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้มีสื่อทั้งจากไทยและต่างประเทศ ลงพื้นที่นำเสนอด้วย

ขณะเดียวกัน หัวหน้าคณะไอโอทีมาเลเซีย พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกภูมิใจที่กองทัพไทยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนและรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่และยืนยันว่าประชาชนสามารถเชื่อมั่นและไม่ต้องกังวล

การลงพื้นที่ครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีและความมั่นใจในการดูแลความปลอดภัยตามแนวชายแดนของกองทัพไทย


'ฮุน เซน'ปัดข่าวยึดทรัพย์'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ยืนยันทั้งคู่ไม่มีทรัพย์สินในกัมพูชา

15 กันยายน 25638 'สมเด็จฯฮุน เซน' ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก "Samdech Hun Sen of Cambodia" ระบุข้อความว่า ข้าพเจ้าเพิ่งได้เห็นรายงานข่าวที่ว่าคุณทักษิณมีทรัพย์สินอยู่ในกัมพูชา และทางการกัมพูชากำลังเตรียมที่จะอายัดทรัพย์สินเหล่านั้น แม้ว่าข้าพเจ้าจะเคยมีปัญหากับคุณทักษิณในอดีต แต่ข้าพเจ้าจำเป็นต้องรับผิดชอบในการธำรงไว้ซึ่งความซื่อสัตย์สุจริตและศักดิ์ศรีของคุณทักษิณ

ทั้งคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีทรัพย์สินหรือแหล่งรายได้ใดๆ ในกัมพูชาเลย เมื่อใดก็ตามที่คุณทักษิณ หรือคุณยิ่งลักษณ์ เดินทางมาเยือนกัมพูชา พวกเขามักจะใช้รถยนต์ของข้าพเจ้าในการเดินทาง ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คุณทักษิณ ไม่มีทรัพย์สินใดๆ ในกัมพูชาอย่างแน่นอน

ข้าพเจ้าขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า คุณทักษิณและข้าพเจ้าไม่เคยมีการหารือกันเกี่ยวกับกิจการทางธุรกิจใดๆ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจส่วนตัวหรือเพื่อครอบครัว หากข้อมูลดังกล่าวมีต้นกำเนิดมาจากกัมพูชา ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้ยุติโดยทันที เนื่องจากชาติของเราจำเป็นต้องรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรี และหลีกเลี่ยงการกุเรื่องหรือเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นเท็จและบิดเบือน แต่หากเรื่องนี้มีต้นกำเนิดจากประเทศไทย ก็ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางการไทยที่จะดำเนินการต่อไป


ชาวเขมรเห่อหนัก! แห่เที่ยวสนามบินเตโชทำรถติดยาวเหยียด

15 กันยายน 2568 สำนักข่าว แคมโบเดียเนสส์ รายงานว่า บรรยากาศการเดินทางในกัมพูชาช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากการเปิดใช้งานท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport) ตรงกับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาล "พฌุมแบน" (Pchum Ben) ซึ่งเป็นวันหยุดประจำชาติที่ชาวกัมพูชาใช้ในการกลับบ้านไปเยี่ยมญาติและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ

ตั้งแต่เปิดใช้งาน สนามบินเตโชได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในหมู่ชาวกัมพูชาทุกเพศทุกวัย ซึ่งแห่กันมาเยี่ยมชม ถ่ายรูป และแชร์ประสบการณ์ลงบนโซเชียลมีเดีย กลายเป็นเทรนด์ฮิตในประเทศอย่างรวดเร็ว

ด้าน นายกัวจ์ จำเริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดกันดาลของกัมพูชา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอประชาชนที่จะเดินทางมาชมสนามบินแห่งใหม่ ให้เลื่อนแผนการเดินทางออกไปก่อน เนื่องจากตอนนี้มีคนมาเที่ยวจนแน่นขนัดไปหมด ที่จอดรถก็เต็ม บนถนนก็แออัดไปด้วยรถยนต์ของประชาชน


'ทรัมป์'เตรียมฟ้องหมิ่นนสพ.นิวยอร์กไทมส์ เรียกค่าเสียหาย4แสนล้านบาท

16 กันยายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ทรูธ โซเชียลส่วนตัว "@realdonaldTrump" โดยเขาจะยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เป็นเงิน 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 4.76 แสนล้านบาท) ในข้อหาหมิ่นประมาทและใส่ร้าย โดยเขาได้โพสต์ข้อความว่า "นิวยอร์กไทมส์ ได้รับอนุญาตให้โกหก ใส่ร้าย และหมิ่นประมาทผมอย่างอิสระมานานเกินไปแล้ว และเรื่องนี้จะยุติลงเดี๋ยวนี้!

ซึ่ง 'ทรัมป์' กล่าวโทษนิวยอร์กไทมส์ ที่สนับสนุน 'คามาลา แฮร์ริส' ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดในปี 2024 โดยกล่าวว่าสื่อดังกล่าวได้กลายเป็น กระบอกเสียงให้กับพรรคเดโมแครตฝ่ายซ้ายสุดโต่ง นอกจากนี้ 'ทรัมป์' ยังระบุว่าการฟ้องร้องครั้งนี้จะดำเนินการในรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพรรครีพับลิกัน

ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงความไม่พอใจต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า "สื่อฝ่ายซ้าย" ที่มีทัศนคติไม่เป็นมิตรต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขามาอย่างยาวนาน ซึ่งเขายังคงกล่าวโทษ 'นิวยอร์กไทมส์' เกี่ยวกับการสนับสนุนคู่แข่งทางการเมืองของเขา โดยกล่าวว่า "การสนับสนุนคามาลา แฮร์ริสของพวกเขานั้น ถูกนำไปวางไว้ตรงกลางหน้าแรกของนิวยอร์กไทมส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน! ในโพสต์เดียวกัน เขายังกล่าวหาสำนักข่าวหรือรายการโทรทัศน์อื่นๆ ว่า "ใส่ร้าย" เขาผ่าน "ระบบการเปลี่ยนแปลงเอกสารและภาพที่ซับซ้อนอย่างสูง"

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามฟ้องร้องนิวยอร์กไทมส์ โดยในปี 2023 ผู้พิพากษาได้ยกฟ้องคดีที่ทรัมป์ยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์ดังกล่าว โดยระบุว่า "ข้อกล่าวหาในคดีไม่สอดคล้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ"

คดีดังกล่าวมีมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 3.1 พันล้านบาท) ซึ่งกล่าวหาว่าหนังสือพิมพ์และหลานสาวของทรัมป์ คือ แมรี ทรัมป์ ได้ สมคบคิดอย่างลับๆเพื่อเปิดเผยข้อมูลภาษีของเขา โดยคดีนี้ยื่นฟ้องในปี 2021 และเกี่ยวข้องกับซีรีส์ข่าวที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์เกี่ยวกับเรื่องการเงินของทรัมป์

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังแพ้คดีหมิ่นประมาทอีกคดีในปี 2023 เมื่อเขาพยายามฟ้องร้องสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เป็นเงิน 475 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 1.5 หมื่นล้านบาท) ในข้อหาที่กล่าวหาว่าสื่อดังกล่าวเปรียบเทียบเขากับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางได้สั่งยกฟ้อง

หามส่งรพ.ด่วน! 'อดีตปธน.บราซิล'ป่วยกะทันหัน ก่อนเข้ารับโทษจำคุก27ปีคดีก่อรัฐประหาร

15 กันยายน 2568 จากกรณีที่ 'นายชาอีร์ โบลโซนาโร' (Jair Bolsonaro) อดีตประธานาธิบดีบราซิล วัย 70 ปี ถูกศาลลงโทษจำคุกเป็นเวลา 27 ปี 3 เดือน หลังจากที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานวางแผนก่อรัฐประหารเพื่อให้ตนเองอยู่ในอำนาจต่อไปหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2022 นอกจากคดีพยายามรัฐประหาร ศาลรัฐบาลกลางบราซิลยังสั่งปรับโบลโซนาโร 1 ล้านเรียลบราซิล (คิดเป็นเงินไทยราว 6.98 ล้านบาท) ฐานสร้างความเสียหายทางศีลธรรมต่อสังคมอีกด้วย

ล่าสุดนายฟลาวีโอ โบลโซนาโร (Flavio Bolsonaro) ลูกชายของอดีตประธานาธิบดีโบลโซนาโร เปิดเผยว่า ผู้เป็นพ่อเกิดอาการสะอึกอย่างรุนแรง อาเจียน และความดันโลหิตต่ำ จึงถูกหามส่งโรงพยาบาล DF Star พร้อมเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่คอยเฝ้าระวัง โดยนี่นับเป็นครั้งที่ 2 ภายในสัปดาห์เดียว หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ เขาเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดตัดก้อนเนื้อผิวหนัง 8 จุดส่งตรวจชิ้นเนื้อ โดยอดีตปธน.โบลโซนาโร มีปัญหาทางลำไส้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ถูกแทงระหว่างหาเสียงเลือกตั้งปี 2561 และต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่หลายครั้ง รวมถึงการผ่าตัดนาน 12 ชั่วโมงในเดือนเมษายนที่ผ่านมา