6 ธ.ค.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุรถไฟบรรทุกผู้โดยสารจำนวน 155 คน พุ่งชนรถไฟบรรทุกสินค้า เมื่อเวลา 19.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ใกล้กับเมืองดุสเซลดอร์ฟ รัฐนอร์ธไรน์-เวสต์ฟาเลีย ประเทศเยอรมนี ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 47 ราย ส่วนใหญ่มีอาการฟกช้ำ และมีอาการสาหัส 3 ราย
โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนสาเหตุของอุบัติเหตุรถไฟชนกันนั้นยังไม่มีการเปิดเผย อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ขณะที่มีรายงานออกมาว่า รถไฟโดยสารพุ่งเข้าชนรถไฟบรรทุกสินค้าที่จอดอยู่กับที่
7 ธ.ค.60 หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถูกวิพากษ์วิจารณ์การครอบครองนาฬิกาหรู และแหวนเพชร โดยไม่พบว่า มีการแจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ตนไม่ต้องชี้แจงอะไร เดี๋ยวตนจะชี้แจงต่อ ป.ป.ช.เอง ยืนยันว่า มีหลักฐานพร้อมที่จะชี้แจง พร้อมบอกสื่อให้ถามเรื่องอื่นดีกว่า
"ถามเรื่องอื่นดีกว่า แต่ถ้าไม่มีอะไรถาม ผมจะไปประชุมแล้วนะ" พร้อมทำท่าเบี่ยงตัวจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.60) จนผู้สื่อข่าวต้องรีบถามคำถามในประเด็นอื่น พล.อ.ประวิตร จึงหันหลังกลับมาตอบคำถาม
ด้าน นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะรักษาการเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวถึงการตรวจสอบนาฬิกาหรู และแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร ว่า กรณีนี้เป็นประเด็นที่สาธารณะให้ความสนใจและมีข้อสงสัย ทางสำนักงาน ป.ป.ช.จึงสามารถดำเนินกระบวนการตรวจสอบตามปกติได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้มีผู้มาร้อง
โดยในวันนี้ (7 ธ.ค.60) นายวรวิทย์ จะได้รายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทราบว่า สำนักงาน ป.ป.ช.จะดำเนินการตรวจสอบเนื่องจากเป็นกรณีที่อยู่ในความสนใจของสังคม
7 ธ.ค.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ได้ลงนามรับรองสถานะของกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของประเทศอิสราเอล และให้กระทรวงการต่างประเทศเตรียมการย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม ซึ่งนับได้ว่าสหรัฐเป็นประเทศแรกในโลกที่ให้การรับรองนี้ นับตั้งแต่การสถาปนารัฐอิสราเอล เมื่อปี 2491
โดย ทรัมป์ กล่าวว่า การตัดสินใจของเขาในเรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง เนื่องจากถึงเวลาแล้ว ที่ประชาคมโลกต้องร่วมกับรับรองกรุงเยรูซาเลมในฐานะเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของอิสราเอล รัฐเอกราชที่สมควรมี "เมืองหลวง" ดังเช่นรัฐอธิปไตยทุกแห่งบนโลก
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันยังคงสนับสนุนการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เพื่อนำไปสู่การสถาปนารัฐปาเลสไตน์เคียงคู่กับรัฐอิสราเอล พร้อมทั้งกล่าวตำหนิผู้นำสหรัฐคนก่อนหน้า ทั้งนายบิล คลินตัน นายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช และนายบารัค โอบามา ว่าไม่สามารถรักษา "คำมั่นสัญญา" เอาไว้ได้
ขณะที่ นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวตำหนิรัฐบาลวอชิงตันอย่างหนัก ถึงการตัดสินใจดังกล่าว และเตรียมจัดการประชุมวาระฉุกเฉินขึ้นในวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นไปตามคำเรียกร้องของ 8 ประเทศ ได้แก่ โบลิเวีย, สหราชอาณาจักร, อียิปต์, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เซเนกัล, สวีเดน และอุรุกวัย
ด้าน นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกมาระบุว่า คำประกาศของทรัมป์เป็นสิ่งที่กล้าหาญและชอบธรรม รวมทั้งเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ และสำคัญต่อสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง
ส่วน ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ กล่าวว่าสหรัฐไม่อยู่ในสถานะผู้ร่วมสร้างสันติภาพในตะวันออกกลางอีกต่อไป ด้านกลุ่มฮามาส พรรคการเมืองและกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ ระบุว่า ทรัมป์กำลัง เปิดประตูนรก สำหรับผลประโยชน์ของสหรัฐในตะวันออกกลาง
ในขณะที่นานาประเทศในตะวันออกกลางรวมถึงอิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย เลบานอน และจอร์แดน ตลอดจนตุรกี ประสานประณามการตัดสินใจของทรัมป์เรื่องกรุงเยรูซาเลม และเตือนอาจเกิดการลุกฮือครั้งใหญ่ในตะวันออกกลาง ส่วนประเทศในฝั่งยุโรป ต่างแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของสหรัฐ เป็นเรื่องที่น่าเสียใจและไม่ทำให้เกิดสันติภาพในภูมิภาค พร้อมย้ำว่าต้องแก้ปัญหาผ่านการเจรจาโดยตรงระหว่าง 2 ประเทศคู่กรณีเท่านั้น
ภายหลังจากคำประกาศทำให้ประชาชนบางส่วนเริ่มออกมาประท้วง เผาธงชาติสหรัฐ ธงชาติอิสราเอล และภาพของทรัมป์ ในหลายพื้นที่ของปาเลสไตน์และฉนวนกาซา รวมไปถึงการรวมตัวชุมนุมตามเมืองใหญ่ๆ ของประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ กรุงเยรูซาเล็มซีกตะวันออก เป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่สำคัญของทั้งชาวคริสต์ มุสลิม และชาวยิว อิสราเอลบุกยึดพื้นที่แห่งนี้ได้ในสงครามตะวันออกกลางเมื่อปี 2510 และประกาศเป็นเมืองหลวงของตนอย่างแบ่งแยกไม่ได้ แต่นานาชาติไม่ได้ให้การยอมรับ โดยประเทศต่างๆ ยังคงประจำการสถานทูตของตนไว้ในนครเทลอาวีฟ แต่อิสราเอลก็ไม่สน แถมยังให้ชาวยิวถึง 2 แสนคน เข้าไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มซีกตะวันออก แม้จะขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศก็ตาม ขณะชาวปาเลสไตน์ประกาศว่า กรุงเยรูซาเล็มซีกตะวันออก คือนครหลวงของรัฐปาเลสไตน์ ในอนาคต
6 ธ.ค.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด ความเร็วเหนือเสียง B1-B ไปบินวนเหนือน่านฟ้าเกาหลีใต้ อันเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบร่วมทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุด ระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ที่กำลังดำเนินอยู่ตลอดทั้งสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ แถลงว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดอันทรงพลังของสหรัฐ ซึ่งเดินทางมาจากฐานทัพอากาศบนเกาะกวม ได้จำลองการโจมตีภาคพื้นดินที่บริเวณสนามรบใกล้ชายฝั่งทางตะวันออกของเกาหลีใต้ โดยตลอดการซ้อมรบกองทัพอากาศของสหรัฐและเกาหลีใต้ได้แสดงให้เห็นถึงการสอดประสานกัน อย่างดีเยี่ยมในการตอบโต้ภัยคุกคามนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
สำหรับการซ้อมรบที่ใหญ่ที่สุดระหว่างกองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้ตลอดสัปดาห์นี้ มีอากาศยานเข้าร่วมราว 200 ลำ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงเครื่องบินรบ F22 ของสหรัฐ 6 ลำ และเครื่องบินสเตลท์ F-35 อีก 18 ลำ ท่ามกลางความวิตกของนานาชาติที่เห็นว่าการส่งฝูงบินรบทรงพลังและทันสมัยมาข่มขวัญใกล้พรมแดนเกาหลีเหนือ เป็นการสร้างความไม่พอใจให้เกาหลีเหนือทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การซ้อมรบครั้งนี้ถือว่าวิกฤตมาก จนทำให้หลายฝ่ายวิตกว่าสุ่มเสี่ยงจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ เพราะเกาหลีเหนือตีความว่าเครื่องบินทิ้งระเบิด B1-B คืออาวุธนิวเคลียร์ชนิดหนึ่ง แม้ปัจจุบันเครื่องบินดังกล่าวจะถูกจัดให้เป็นอาวุธตามแบบแล้วก็ตาม และเกาหลีเหนือยังมองว่าการซ้อมรบระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ เป็นการซ้อมโจมตี เกาหลีเหนือด้วย
6 ธ.ค.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ไฟป่าโธมัส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ยังคงลุกโหมอย่างต่อเนื่องและลุกลามอย่างรวดเร็ว เผาลายพื้นที่ป่าไปแล้ว 50,000 เอเคอร์ จนเสี่ยงที่จะเผาผลาญบ้านเรือนหลายร้อยหลัง ทางการประกาศภาวะฉุกเฉินในเวนทูรา เคาน์ตี ทำให้ประชาชนในเมือง เวนทูรา และ ซานตา พอลลา กว่า 27,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน
อย่างไรก็ตาม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ไฟป่าจะยังคงเผาผลาญพื้นที่นี้ต่อไปตลอดทั้งสัปดาห์ เนื่องจากมีกระแสลมแรงและความชื้นต่ำ
ทั้งนี้ ไฟป่าโธมัส ปะทุขึ้นใกล้กับ วิทยาลัยโธมัส อไควนัส ในเมืองซานตา พอลลา ในเวลาประมาณ 18:00 น. วันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น และลุกลามอย่างรวดเร็วด้วยกระแสลมที่ความเร็วถึง 115 กม./ชม.
6 ธ.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่า หลังจากที่รัฐธรรมนูญ 60 มีผลบังคับใช้โดยมีการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของกกต.ให้เป็นลักษณะของคณะกรรมการ หรือ บอร์ด รวมทั้งกำหนดจำนวนกกต.เพิ่มขึ้นจาก 5 เป็น 7 คน และปัจจุบันทางสำนักงานฯได้มีการปรับโครงสร้างการทำงานสำนักงานฯ และปรับรูปแบบการทำงานของกกต.บ้างแล้ว รวมกับมีการสรุปงานที่จะต้องส่งมอบให้กับกกต.ชุดใหม่เมื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่
ล่าสุด ทางสำนักงานฯ ก็ได้มีการเตรียมในเรื่องห้องทำงานของกกต. ชุดใหม่อีก 2 ห้อง โดยห้องทำงานเดิมของกกต. 5 คนจะอยู่ที่บริเวณชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับห้องประชุมกกต. แต่เนื่องจากบริเวณชั้นดังกล่าวมีปัญหาในเรื่องพื้นที่จึงไม่สามารถที่จะขยายหรือปรับปรุงให้เป็นห้องทำงานสำหรับกกต.ใหม่อีก 2 คนได้ ทางสำนักงานจึงได้ใช้พื้นที่บริเวณชั้น 9 ที่เดิมเป็นห้องรับรอง และห้องจัดเลี้ยง โดยได้มีการปรับปรุงห้องจัดเลี้ยงเดิมให้กลายเป็นห้องทำงาน 2 ห้องโดยจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ และให้กรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ออกแบบ ก่อนที่จะเปิดให้เอกชนมายื่นซองประมูลในราคาที่ตั้งไว้ 17,799,000 บาท แต่บริษัทที่ประมูลได้งานไปจะสร้างด้วยงบประมาณราว 15 ล้านบาทเศษ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า สาเหตุที่ทำให้การปรับปรุงห้องทำงานดังกล่าวใช้งบประมาณค่อนข้างสูงเนื่องจากเดิมพื้นที่ชั้น 9 ไม่ได้ก่อสร้างไว้เพื่อรองรับที่จะทำเป็นห้องทำงาน จึงต้องมีการปรับพื้นที่ใหม่ทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบการป้องกันเพลิงไหม้ ป้องกันความร้อน และการจัดวางผังห้องให้มีห้องทำงานส่วนตัว ห้องของทีมงาน รวมถึงห้องน้ำ ซึ่งได้มีการเริ่มก่อสร้างปรับปรุงมาตั้งแต่เดือนส.ค.และกำหนดแล้วเสร็จในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามเมื่อกกต.ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่การเลือกห้องทำงานว่าจะใครจะอยู่ห้องชั้น 8 หรือชั้น 9 ก็ให้กกต.ทั้ง 7 คนตกลงกันเอง
นอกจากนี้ ทางสำนักงานก็ได้มีการพิจารณาเรื่องการจัดหารถประจำตำแหน่ง โดยก่อนหน้านี้กกต.ได้มีมติอนุมัติจัดซื้อรถเบนซ์ประจำตำแหน่งเพิ่มเติมอีก 2 คน เพื่อรองรับกับกกต.ที่เพิ่มขึ้นอีก 2 คน เพราะจากกกต.มีรถเบนซ์ประจำตำแหน่ง 5 คันแล้ว แต่ปรากฏว่าทางสำนักงานเห็นว่า รถประจำตำแหน่งเดิมทั้ง 5 คันจะสิ้นสุดอายุการใช้งาน 5 ปีในช่วงต้นปี 61 ซึ่งจะเป็นช่วงที่กกต.ใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว จึงมีแนวคิดว่าอยากจะจัดซื้อใหม่ทั้ง 7 คันไปพร้อมกัน เพื่อให้ไม่เกิดความลักลั่นว่าใครจะใช้รถเก่าหรือรถใหม่ แต่ถ้าหากมีปัญหาในเรื่องของงบประมาณ ก็อาจจะใช้วิธีการเช่าซื้อแทนการจัดซื้อไปก่อนแล้วรอให้รถประจำตำแหน่งชุดเก่าครบอายุจึงจะซื้อใหม่ทั้งหมด
ทั้งนี้ ก็มีรายงานว่ากกต.ชุดปัจจุบันก็เห็นว่าไม่ควรที่จะซื้อใหม่ทั้งหมด เนื่องจากรถประจำตำแหน่งเดิม 5 คันก็ยังอยู่ในสภาพที่ดี ประกอบกับเกรงว่าอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจึงไม่น่าจะมีการพิจารณาอนุมัติ อีกทั้งเรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่ในแผนงบประมาณของปีนี้ที่ได้มีการอนุมัติไปแล้ว การให้กกต.ชุดใหม่เป็นผู้พิจารณาและจัดซื้อในงบประมาณใหม่น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า
เมื่อที่ 5 ธันวาคม 2560 ศาลฎีกาสหรัฐตัดสินให้คำสั่งห้ามประชาชนจาก 6 ประเทศมุสลิมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีผลบังคับใช้ได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ยังคงมีการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อคัดค้านคำสั่งดังกล่าว โดยผู้พิพากษา 6 คน ให้ความเห็นชอบ ขณะที่อีก 2 คน ยังคงสกัดคำสั่งห้ามของนายทรัมป์ซึ่งเป็นคำสั่งฉบับที่ 3 ที่มีการแก้ไข โดยก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นในรัฐแมรี่แลนด์ และฮาวายก็ตัดสินสกัดกั้นคำสั่งนี้มาแล้ว
คำตัดสินของศาลเท่ากับเป็นการสนับสนุนนโยบายของนายทรัมป์ที่ต่อต้านผู้เดินทางมาจากประเทศชาด, อิหร่าน, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซีเรีย และเยเมน นอกจากนี้ คำตัดสินของศาลยังยกเลิกการผ่อนผันให้ชาวต่างชาติที่มีข้ออ้างที่เชื่อถือได้ว่ามีความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับญาติที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ อาทิ ปู่ย่าตายาย, ลุงป้าน้าอาด้วย
ด้านทำเนียบขาวระบุว่าไม่ประหลาดใจกับการตัดสินใจของศาลฎีกา และเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องปกป้องประเทศ ขณะที่นายเจฟฟ์ เซสชั่น รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐ บอกว่าคำตัดสินของศาลถือเป็นชัยชนะที่สำคัญสำหรับความปลอดภัยและความมั่นคงของชาวอเมริกัน
ส่วนสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกันระบุว่าการที่นายทรัมป์รีทวีตคลิปวีดีโอของกลุ่มขวาจัดในอังกฤษ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติของเขาที่มีต่อศาสนาอิสลาม โดยบอกว่าอคติของนายทรัมป์ที่ต่อต้านชาวมุสลิมนั้นไม่ใช่ความลับและเขาก็ยืนยันมาแล้วหลายครั้งในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลามที่บอกว่าการตัดสินของศาลเป็นคำเตือนที่ดีว่า ประชาชนไม่สามารถพึ่งพาศาลให้แก้ไขปัญหาในเรื่องความพยายามของนายทรัมป์ที่จะไม่ให้ความสำคัญกับชาวมุสลิมและชนกลุ่มน้อยได้
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012