เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ของวันที่ 7 มีนาคม นางทยาทีปสุวรรณ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และหนึ่งในแกนนำกปปส. ได้โพสต์สถานะทางเฟซบุ๊ก TayaTeepsuwan มีเนื้อหาว่า
"เว้นวรรคทางการเมือง"
จากเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ที่บ้านเขาใหญ่ของคุณแม่ ที่บ้านพักและโรงเรียนศรีวิกรม์ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการกระทำของดิฉัน ดิฉันเสียใจต่อผู้ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด และมีความกังวลใจต่อความปลอดภัยของบุคคลรอบข้างเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ใช้เวลาทบทวนทุกอย่างแล้ว จึงขอตัดสินใจที่จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการเว้นวรรคความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยหวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นการปกป้องคุณแม่และบุคคลรอบข้างโดยเฉพาะเด็กนักเรียนจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นางทยา และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้เป็นสามี ได้นำแนวร่วมกปปส. ไปเป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ห้างสรรพสินค้าดิ เอ็มโพเรียมจนส่งผลให้คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ มารดาของนางทยา และนายพิมล ศรีวิกรม์ ผู้เป็นพี่ชายซึ่งไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว ต้องออกมาแสดงความขอโทษต่อคุณหญิงพจมาน
อย่างไรก็ตามหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีคนร้ายไม่ทราบฝ่ายยิงปืนและขว้างวัตถุระเบิดใส่บ้านพักของตระกูลศรีวิกรม์ทั้งในกทม.และเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
'ยิ่งลักษณ์'ถกโผ ผบ.เหล่าทัพ ไร้ขัดแย้ง 'ประยุทธ์' ดันน้องบูรพาพยัคฆ์คุมไฟใต้ ลูก 'บิ๊กจ๊อด' ได้ดีขยับนั่ง ผบ.พล.1 รอ. ผบ.ซีลเหนียวทร.ไม่ย้ายหวั่นม็อบฮือ
เมื่อเวลา 15.50 น. วันที่ 7 มี.ค.2557น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะได้เดินทางโดยเครื่องบินแอมแบร์ของกองทัพบก ออกจากท่าอากาศยานจังหวัดสกลนคร กลับมาถึงกองการบินกรมการขนส่งทหารบก(ขส.ทบ.) ดอนเมืองแล้วภายหลังเสร็จสิ้นการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จ.สกลนครและมุกดาหาร ระหว่างวันที่ 6-7 มี.ค.2557
ทั้งนี้ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับและร่วมหารือกับนายกรัฐมนตรีในห้องรับรองของ ขส.ทบ. นานประมาณ 20 นาที ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด หลังจากการหารือดังกล่าวเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีจึงเดินทางออกไป โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน ขณะที่ขบวนผู้สื่อข่าวจะติดตามนั้นปรากฎว่าสารวัตรทหารอากาศใช้รถยนต์ยี่ห้อ คัมรี่ หมายเลขทะเบียน ญม 5371 กั้นขวางเพื่อไม่ให้ขบวนรถผู้สื่อข่าวติดตามขบวนของนายกฯได้ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานทหารอากาศกองบิน 6 (บน.6) โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ที่เดินทางมารอเพื่อที่จะเข้าร่วมประชุม ขาดแต่เพียง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ที่ เดินทางไปราชการที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงได้ฝากบัญชีรายชื่อในส่วนของกองทัพอากาศไว้กับ พล.อ.ธนะศักดิ์ เนื่องจากการปรับย้ายในส่วนของ ทอ. กว่า10 ตำแหน่งเท่านั้น ทั้งนี้ใช้ดวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนทีาจะเดินทางกลับ
ด้าน พล.อ.นิพัทธ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารระดับนายพล ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า เมื่อที่ประชุมบอร์ดคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติบัญชีรายชื่อแต่งตังโยกย้ายนายทหาร (กลางปี) ประจำปี2557 เรียบร้อยแล้ว จะต้องส่งเอกสารทั้งหมดไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยทาง กกต.จะส่งเอกสารทั้งหมดกลับมาที่กระทรวงกลาโหมอีกครั้ง เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเซ็นและส่งถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เลขาธิการนายกฯนำขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ เป็นขั้นตอนปกติตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม คิดว่าเอกสารจะอยู่ที่ กกต.ประมาณ 1 สัปดาห์ถือว่าเป็นกรอบเวลาที่น่าสบายใจ โดยทาง พล.อ.ชัชวาลย์ ขำเกษม เจ้ากรมเสมียนตรา รายงานตนว่ามีเรื่องที่กระทรวงกลาโหมส่งให้ กกต.ทั้งหมดประมาณ 2,400 กว่าเรื่องที่เกี่ยวกับการโยกย้าย เช่น ตำแหน่งจ่าปรับมาเป็นนายทหาร ซึ่งทาง กกต.ตอบกลับมาเพียงประมาณ 24 เรื่อง
"ขณะนี้การจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตังโยกย้ายนายทหาร (กลางปี) ประจำปี2557 ลงตัวหมดแล้ว เพราะหลักการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พูดกับ ผบ.เหล่าทัพ ให้จัดทำขึ้นมาตามสิทธิ์และอำนาจไม่มีการเข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ เป็นการทำงานตามปกติทั้งสิ้น ส่วนจะมีการปรับย้าย พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสร.)ออกจากตำแหน่งหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบตอนนี้ยังไม่มีใครเห็นรายชื่อ" พล.อ.นิพัทธ์ กล่าว
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่า ในการปรับย้ายนายทหารกลางปีนี้มีจำนวนไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นการปรับในส่วนของนายทหารยศพลโทที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายนนี้ ขึ้นไปอัตราเอก และในครั้งนี้กองบัญชาการกองทัพไทยได้มีการปรับโครงสร้างใหม่ โดยได้ยุบตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) (อัตราจอมพล) ไปเพิ่มเป็นรอง ผบ.สส.รวม 4 ตำแหน่ง จากเดิมที่มีแค่ 3 ตำแหน่ง พร้อมทั้งเพิ่มรองเสนาธิการทหาร (อัตราพลเอก) อีก1 ตำแหน่ง รวททั้งเพิ่มอัตราจอมพลให้กับกรมราชองครักษ์ 2 ตำแหน่ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่น่าสนใจคือการปรับย้ายในส่วนของกองทัพบก โดยในปีนี้จะมีการเปลี่ยนผู้มาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาค 4 ใหม่ เนื่องจาก พล.ท.สกล ชื่นตระกูล ต้องขยับเป็นพลเอกก่อนเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายนนี้ โดย พล.ท.สกล ได้เสนอชื่อ พล.ต.ปราการ ชลยุทธ รองแม่ทัพภาคที่ 4 นายทหารม้าจากกองทัพภาคที่ 3 ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน แต่เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ มีสัญญาใจกับ พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพน้อยที่ 1 จะหาตำแหน่งแม่ทัพภาคให้หลังจากที่พลาดหวังตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 มาถึง 2 ครั้ง ทำให้ในการโยกย้ายครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จึงตัดสินใจเลือก พล.ท.วลิต ลงไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่
สำหรับตำแหน่งสำคัญอื่นๆ มีข่าวว่า พล.ต.พิสิษฐ์ สิทธิสาร รองแม่ทัพภาคที่ 1 ขยับขึ้นเป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.)ขยับขึ้นเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15 กลับมาเป็น ผบ.พล.1 รอ.
สำหรับการปรับย้ายในส่วนของกองทัพเรือ ที่มีข่าวว่าจะมปรับย้าย พล.ร.ต.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสครามพิเศษทางเรือ ( ผบ.นสร.) หรือ ผบ.ซีล ออกจากตำแหน่งเพื่อลดแรงกดดันจากรัฐบาล และคนเสื้อแดง ที่่ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า พล.ร.ต.วินัย สนับสนุน กปปส. และส่งกำลังพร้อมอาวุธเข้าปกป้องกลุ่มผู้ชุมนุม โดย พล.ร.อ. ณรงค์ ตัดสินใจให้อยู่ในตำแหน่งเดิมไปก่อน เพราะเกรงว่าจะเป็นประเด็นในการจุดกระแสทางการเมืองขึ้นมาอีก รวมทั้ง รอง ผบ. นสร. ทั้งสองคนไม่ได้จบหลักสูตรมนุษย์กบ จึงยังหาผู้เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งแทนไม่ทันในการปรับย้ายกลางปี
เวลา 11.00 น. วันที่ 7 มีนาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี อ่านแถลงการณ์ มีเนื้อหาระบุถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ว่า ขณะนี้ได้เลือกยืนข้างกปปส. โดยไม่ปกป้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เป็นผู้บังคับบัญชา ทั้งที่ผ่านมากลุ่ม กปปส. เคยข่มขู่คุกคาม บ้านพัก รวมถึงลูกชายของนายกรัฐมนตรี แต่ผู้บัญชาการทหารบกก็กลับนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ
นอกจากนี้ยังพบว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังมีพฤติกรรมทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยการนำสัญลักษณ์ธงชาติไปใช้ในทางไม่เหมาะสม ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่มีการปราบปรามหรือดำเนินการทางกฎหมาย ที่ตนทำป้ายมาติดนั้น เนื่องจากความน้อยเนื้อต่ำใจ เหตุใดจึงต้องมากล่าวหาตน ตนเองทำ 10 ป้าย และถูกทำลายไปหมด เหลือเพียง 1 ป้ายที่เอามาแสดงในวันนี้ และที่ติดชื่อไปเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจชัดเจน กล้าทำอะไรก็กล้ารับ
นายวุฒิพงศ์ ได้ยืนยันด้วยว่า ตนเองไม่ใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทย และออกมาต่อสู้ในฐานะประชาชนคนเสื้อแดงเท่านั้น รวมถึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปะทะกันที่แยกหลักสี่ และไม่เคยหนีออกนอกประเทศแต่อย่างใด
ด้าน พ.ต.อ.ณพล กลัดเข็มเพชร รอง ผบก.อก.บช.น. เปิดเผยว่า ในวันนี้นายวุฒิพงศ์ เดินทางมาในฐานะผู้ให้ถ้อยคำ หลังจากทราบว่ากองทัพบก ส่งหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้ดำเนินการกับผู้ติดป้ายที่มีใจความเรื่องการแบ่งแยกดินแดน
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ทางบช.น. จะเชิญตัวแทนจากกองทัพบก ในฐานะผู้กล่าวหามาให้การ และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากผู้ร้องมีการระบุว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ต่อเนื่องกัน หากสืบสวนแล้วปรากฏความผิดชัดเจนก็จะต้องมีการเชิญนายวุฒิพงศ์ มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012