29 พ.ย.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เจ้าชายมีเตบ บิน อับดุลเลาะห์ อดีตผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ พระโอรสของอดีตกษัตริย์อับดุลเลาะห์ บิน อับดุลอาซิส อัล ซาอุดผู้ล่วงลับ ในซาอุดีอาระเบีย ทรงได้รับอิสรภาพเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ภายใต้เงื่อนไขต้องมอบเงินให้แก่ทางการซาอุดีอาระเบีย จำนวนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.2 หมื่นล้านบาท
เจ้าชายมีเตบ เป็นหนึ่งใน 11 เจ้าชายของซาอุดีอาระเบีย ที่ถูกคณะกรรมการปราบปรามคอร์รัปชัน นำโดย มกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานจับกุมแบบสายฟ้าแลบ พร้อมกับอดีตรัฐมนตรีและนักธุรกิจรวมมากว่า 200 คน ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ฐานต้องสงสัยมีส่วนพัวพันกับการคอร์รัปชั่น ทั้งนี้ นับว่าเจ้าชายมิเตบเป็นเชื้อพระวงศ์องค์แรกที่ได้รับการปล่อยตัว
30 พ.ย.60 ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนเข้าชมพระเมรุมาศและนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงระหว่างวันที่ 2 - 30 พ.ย.แล้วนั้น แต่เนื่องจากมีประชาชนสนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ขยายเวลาการเข้าชมพระเมรุมาศและนิทรรศการฯ ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เพื่อให้ประชาชน เยาวชน และผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นห่างไกล ได้มีโอกาสเข้าชมพระเมรุมาศอันเป็นผลงานทางวัฒนธรรมไทยที่ทรงคุณค่าและนิทรรศการฯ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร อย่างทั่วถึง
โดยในวันนี้ ได้มีคณะบุคคล ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ พระภิกษุ สามเณร แม่ชี ผู้พิการ คณะครู นักเรียน นิสิต นักศึกษา และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และประชาชนทั่วไปเดินทางมาเข้าชมพระเมรุมาศและการจัดแสดงนิทรรศการฯผ่านพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมทั้งการจัดแสดงปฏิมากรรม ศิลปวัฒนธรรมประเพณีในงานพระราชพิธีอย่างสมพระเกียรติ
ด้าน น.ส.สุนีย์ รักสนุก อายุ 61 ปี อาชีพทำสวน ชาว ต.ท่าฬ่อ อ.เมือง จ.พิจิตร กล่าวว่า เดินทางมาชมนิทรรศการพร้อมกับน้องสาว คือ น.ส.นุจรี รักสนุก อายุ 42 ปี ข้าราชการกระทรวงการคลัง น้องสาวตั้งใจลางานเพื่อพาตนมาเข้าชมนิทรรศการ และได้พยายามเดินดูให้ได้มากที่สุด ประทับใจทุกอย่างที่ดูโดยเฉพาะพระเมรุมาศมีความสวยงามอย่างมาก เห็นจิตกรรมฝาผนังเกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริของพระองค์บนพระที่นั่งทรงธรรมแล้วยังคิดถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ไม่หาย พระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยอย่างมาก ทำให้คนไทยมีอาชีพได้กินดีอยู่ดีขึ้น ซึ่งคำสอนของพระองค์ท่านดีทุกอย่างถ้าคนเอาไปปฏิบัติ เช่น ความพอเพียง การรู้จักกินรู้จักใช้จ่าย รู้ว่าตัวเองว่าหาได้เท่าไหร่จะต้องเก็บเท่าไหร่ เพื่ออนาคตจะได้ไม่ลำบาก
น.ส.สุนีย์ กล่าวด้วยว่า ดีใจที่ในหลวง ร.10 โปรดเกล้าฯ ให้ขยายวันเข้าชมนิทรรศการเพิ่มไปจนถึงสิ้นปี เพราะคนแถวบ้านยังไม่ได้เดินทางมาชมนิทรรศการอีกเยอะมาก และก็อยากมาชมนิทรรศการขณะนี้ก็เหมาะรถตู้เดินทางมากันตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับยอดรวมประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการระหว่างวันที่ 2 - 29 พ.ย.มีจำนวน 2,515,296, รูป/คน ส่วนยอดของวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมามี จำนวน 127,496 คน แบ่งเป็นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี 1,103 รูป, ผู้พิการ/วีลแชร์ 2,599 คน, นักท่องเที่ยงชาวต่างชาติ 1,163 คน, สื่อมวลชน 36 คน, ประชาชน 78,631 คน, นักเรียน นักศึกษา 43,964 คน
สำหรับการแสดงมหรศพ และการแสดงศิลปวัฒนธรรม ณ เวทีกลางแจ้ง ท้องสนามหลวง ด้านทิศเหนือ ในวันนี้ เวลา 18.00-22.00 น. มีการแสดงโขน ชุด มหาธรรมิกราชา โดยสำนักการสังคีต เพื่อให้ประชาชนได้รับชม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (30 พ.ย.60) เวลา 13.30 น. ที่ห้องรับรอง (หลังพระที่นั่งทรงธรรม) มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นายวีระ โรจน์พจนรัตน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธานการประชุมประเมินและติดตามงานนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆทั้งเรื่องเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาดูแล และการแสดงมหรสพ ณ เวทีกลางแจ้งในแต่ละวัน ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายเวลาการเข้าชมนิทรรศการเพิ่มไปถึงวันที่ 31 ธ.ค.นี้
30 พ.ย.60 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(รอง ผบช.ส.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีค้นพบแหล่งพักอาวุธสงครามในพื้นที่ สภ.ฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นบริเวณแนวเขตรอยต่อระหว่าง 3 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา นครนายก และปทุมธานี ว่า จากนี้จะมีการดำเนินการตรวจค้นหาอาวุธสงครามในบริเวณดังกล่าวอีกครั้ง เพราะจากการสืบสวนสอบสวนขยายผล ในปี 2557 ในเรื่องการก่อความไม่สงบในช่วงดังกล่าว มีการให้ปากคำชัดทอดไว้ว่ายังมีอาวุธที่เหลืออีกส่วนหนึ่ง ส่วนในเรื่องทางคดีได้มีการเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย ผลการตรวจยังไม่พบตัวผู้ต้องหา ยังต้องพยายามสืบสวนหาตัวคนร้ายหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
“วัตถุระเบิดอาร์จีดี 5 มีตัวเลขนัมเบอร์ไปตรงกับคดีในปี 2557 อยู่ 3 คดี ลูกกระเดื่องลูกระเบิดอาร์จีดี 5 เลขนัมเบอร์ยังไปตรงกับปี 2557 และปีข้างเคียงอีกจำนวน 7 คดี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างการรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และติดตามหาตัวผู้กระทำความผิด จึงขอฝากถึงพี่น้องประชาชน ถ้ามีเบาะแสที่เกี่ยวกับเรื่องอาวุธสงคราม ต้องรีบให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน” พล.ต.ต.ชยพล กล่าว
30 พ.ย. 60 ที่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม (กก.ปพ.บก.ป.) หรือหน่วยคอมมานโด บก.ป.โชคชัย 4 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผกก.ปพ.บก.ป.ได้เรียกตรวจแถวกำลังพลในสังกัด จำนวน 356 นาย เพื่อตัดชุดสีกากีให้เป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้โอวาทกับกำลังพลในการนี้
พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า ภายหลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ตำรวจทั่วประเทศ แต่งกายให้เป็นระเบียบเดียวกัน โดยใช้ชุดสีกากีพระราชทาน มีเนื้อสีเดียวกัน และเพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของกำลังพลในสังกัด ตนจึงนำรายได้จากร้านกาแฟคอมมานโดคอฟฟี่เลิฟ ทั้ง 2 สาขา ซึ่งเปิดดำเนินการมาระยะหนึ่งด้วยเงินทุนส่วนตัว มาเป็นค่าใช้จ่ายในการตัดชุดครั้งนี้ โดยเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชา นอกจากนี้ก็จะตัดหมวกให้
พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวถึงกรณีทรงผมของข้าราชการตำรวจในสังกัด ว่าได้รับความร่วมมือจากผู้ใต้บังคับบัญชาที่พร้อมใจจะตัดผมให้สั้นเกรียนทั้งสามด้าน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งนับตั้งแต่ตนรับตำแหน่ง ผกก.ก็ได้รับความร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติจากผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดี ทั้งนี้ สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตนก็ไม่บังคับเพราะอาจมีความจำเป็นที่ไม่สามารถตัดสั้นเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ตามหน้างานดังกล่าว แต่ก็ขอความร่วมมือเพียงว่าให้ดูเรียบร้อย ไม่ยาวมากจนเกินควร
ผกก.ปพ.บก.ป.กล่าวอีกว่า ทางตำรวจคอนมานโด บก.ป.ได้รับความช่วยเหลือจากคุณนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด และผู้จัดการฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ในการจัดทำประกันชีวิตให้ตำรวจคอมมานโด ทุกนายฟรี เพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจเมื่อออกปฏิบัติหน้าที่ โดยหากเจ็บป่วย ทุพลภาพ หรือเสียชีวิต ก็จะมีเงินประกันชีวิตช่วยเหลือ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนาย ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนให้เต็มกำลังความสามารถ ให้คุ้มค่ากับเงินภาษีของพี่น้องประชาชนที่จ่ายให้ ซึ่งตนเชื่อว่า เมื่อเราทำดีแล้ว สิ่งดีๆ ก็จะเข้ามาหาเอง
30 พ.ย.60 นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว Watana Muangsook แสดงความเห็นกรณีการจับมือร่วมพรรคกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคเพื่อไทย ในเรื่องของอุดมการณ์ของทั้งสองพรรค โดยระบุว่า
“กิ่งทองใบหยก”“ผมเชื่อว่าผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยและผู้ที่รักประชาธิปไตยทุกคนคงรู้สึกโล่งใจ เมื่อได้ยินการให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรค ปชป. ที่บอกว่าหากอุดมการณ์ไม่ตรงกันก็ร่วมกันไม่ได้ ส่วนเลขาพรรคบอกว่าต้องดูนโยบาย หากยังกอดคนเผาบ้านเผาเมือง ไม่เคารพกฎหมาย หรือหากเอานายพานทองแท้มาเป็นหัวหน้าพรรคก็รับไม่ได้ เป็นการให้สัมภาษณ์หลังจากคุณจาตุรนต์และคุณนิพิฏฐ์ให้ความเห็นร่วมกันว่าพรรคใหญ่อาจต้องจับมือกันเพื่อไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจของ คสช.
วิธีการพูดของหัวหน้าและเลขาพรรค ปชป. แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของคนพรรคนี้ที่ไม่เคยเปลี่ยน ทั้งสร้างภาพ เอาดีใส่ตัวและไม่เคยให้เกียรติผู้อื่น มิได้สำนึกว่าที่บ้านเมืองเสียหายครั้งนี้ เกิดจากคนของพรรคออกมาเป่านกหวีดเปิดทางให้ทหารออกมายึดอำนาจ หัวหน้าพรรคจึงกล้าประกาศว่าพร้อมจะร่วมงานกับหัวหน้า คสช. สอดรับกับอดีตเลขาฯพรรคที่จะสนับสนุนให้หัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป จึงเกิดความชัดเจนว่าอะไรเหมาะสมกับพรรค ปชป. ที่สุด
แต่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยยืนยันจะเดินตามครรลองประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการและไม่จับมือกับพรรคการเมืองที่สนับสนุนเผด็จการและไม่เลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตย ตามพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “บุคคลควรคบผู้เลื่อมใสเท่านั้น ควรเว้นผู้ไม่เลื่อมใส” ยิ่งไปกว่านั้นการเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้เพื่อน พระพุทธเจ้าถือเป็นมิตรปฏิรูปก็คือศัตรูในร่างมิตรยิ่งเป็นคนที่ไม่ควรคบ
ดังนั้น หากผมมีอำนาจตัดสินใจพรรคเพื่อไทยจะไม่มีทางจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อตั้งรัฐบาลโดยเด็ดขาด
พรรคเพื่อไทยยังมีภารกิจอีกมากที่จะต้องทวงคืนอำนาจให้ประชาชนตามระบอบรัฐสภา หนทางสู่เป้าหมายจึงต้องการพลังอันยิ่งใหญ่จากประชาชนเพื่อแปรเป็นคะแนนเสียงอย่างเพียงพอในอันที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ พลังของประชาชนยิ่งใหญ่เสมอ รอเวลาที่จะสร้างความสำเร็จไปด้วยกันครับ”
กลับมาเติมความสุขช่วงปลายปี'60 กับช่วงเทศกาลฤดูหนาวประจำปี “ฟาร์ม เฟสติวัล ออน เดอะ ฮิลล์” ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-3 ธันวาคม 2560 ที่สิงห์ ปาร์ค เชียงราย ซึ่งถือเป็นเทศกาลแห่งความสุขสุดมันส์ พร้อมรับลมหนาว ที่จัดได้ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ และของประเทศไทย
ประเดิมวันแรก (เมื่อคืน 29 พ.ย.60) ด้วยคอนเสิร์ตจาก ศิลปินเพื่อชีวิตระดับตำนาน "น้าหมู" พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ต่อด้วย ศิลปินเพื่อชีวิตคนดัง "หลวงไข่ มาลีฮวนน่า ตามติดมาด้วย ศิลปินเพื่อชีวิตขวัญใจทุกรุ่น " ปู พงษ์สิทธิ์ ก่อนส่งท้ายความสุขของค่ำคืนแรกกับศิลปินเพื่อชีวิตระดับตำนาน “คาราบาว” โดย “น้าแอ๊ด คาราบาว” มาร่วมขับขานบนเพลงเพื่อชีวิต
ซึ่งมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจจำนวนมาก ทั้งประชาชนในพื้นที่ชาวเชียงราย พี่น้องจากจังหวัดใกล้เคียง และนักท่องเที่ยวจังหวัดต่างๆ จากทั่วประเทศ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลก ต่างตบเท้าเดินทางมาร่วมกิจกรรม “ฟาร์ม เฟสติวัล ออน เดอะ ฮิลล์” กันอย่างคึกคัก ทำให้บรรยากาศ ที่ เชียงราย กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
โดย งาน “ฟาร์ม เฟสติวัล ออน เดอะ ฮิลล์” ครั้งที่ 5 ยังเหลืออีกสี่วัน ใครสนใจยังไปร่วมทัน ซึ่งในวันนี้ (30 พ.ย.60) จะพบกับ คอนเสิร์ตจาก ฟิล์ม บงกช,เอิร์ธ ภัทรวี,อิ๊งค์,นัน สุนันทา, แจ๊ส สปุ๊กนิ๊ก ปาปิยองกุ๊กกุ๊ก, วงมายด์ และ ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ / จากนั้น วันที่ 1 ธ.ค. 2560 สนุกกับ คอนเสิร์ตจากวง ซีซั่นไฟว์, เก็ทสึโนว่า,สงกรานต์ รังสรรค์,ปู่จ้าน และ ฟักกิ้ง ฮีโร่ ต่อเนื่อง / ต่อด้วย วันที่ 2 ธ.ค. 2560 เพลิดเพลินกับ คอนเสิร์ตจากวง เดอะ พาร์กินสัน , บอย พีซเมกเกอร์ และวง สล็อตแมชชีน / ปิดท้าย วันที่ 3 ธ.ค. 2560 มันส์ไปกับ คอนเสิร์ตจากวง เดอะ โกสต์, วงอีโบล่า, วงซีล Ft. โอ๊ต ปราโมทย์, วงแทททูคัลเลอร์, วงซิลลี่ฟูล และ แด๊กซ์ ร็อคไรเดอร์
นอกจากนี้นักท่องเที่ยว ยังสามารถสนุกสุดมันส์กับกิจกรรมอีกหลากหลาย ทั้งกิจกรรมตลาดนัดศิลปะ ถนนศิลปิน ที่นักท่องเที่ยวจะได้เพลินเพลินตาไปกับโซนของสะสมของศิลปิน รวมถึงนิทรรศการภาพวาดสวยงาม หรือร่วมกิจกรรม Work shop การ วาด ปั้น ระบายสี ของบรรดาศิลปินวาดภาพเหมือนจากศิลปินเชียงราย และศิลปินจากทั่วประเทศ
หรือนักท่องเที่ยวจะแวะชมโซนร้านขายของที่ระลึก กิจกรรมโชว์บอลลูนแสงสีเสียง กิจกรรมสุดมันส์กับ Zip line ชมวิว 360 องศาที่สูงที่สุดเทียบเท่าตึก 8 ชั้น ที่คุณสามารถเห็นดอยช้าง และ Zip line วิวเหนือไร่ชา 4 ฐาน ความยาว 1 กิโลเมตร หรือจะดื่มด่ำกับกิจกรรมฟาร์มทัวร์ เพื่อชมความสวยงามของดอกไม้ วิวไร่ชา ก่อนปิดท้ายวันร่วมสัมผัสและเก็บภาพที่ระลึกกับบรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตกอันสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศ
สิ่งสำคัญอีกด้านหนึ่งของเทศกาล “ฟาร์ม เฟสติวัล ออน เดอะ ฮิลล์” คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการไหลเวียนของเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่พื้นที่จังหวัดเชียงราย เพราะนอกจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เข้ามาร่วมได้สนุกกับเทศกาลฤดูหนาว “ฟาร์ม เฟสติวัล ออน เดอะ ฮิลล์” ชาวบ้านพื้นที่ยังสามารถนำผลผลิต และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ออกมาวางจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อสินค้า หรือแม้แต่การจองที่พัก การจับจ่ายใช้สอบในรูปแบบต่างๆ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า นอกจากเราจะได้ท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินกับเทศกาลฤดูหนาวประจำปีที่ สิงห์ ปาร์ค เชียงราย และเรายังถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชุมชน และระดับจังหวัดเชียงราย รวมถึงระดับประเทศอีกด้วย
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012