ข่าว
'ใจหายวาบ ! ขยะอวกาศของ “สเปซเอ็กซ์” ร่วงใส่ฟาร์มแกะในออสเตรเลีย

หน่วยงานอวกาศออสเตรเลียประกาศพบขยะอวกาศขนาดใหญ่ 3 ชิ้น ที่ตกใส่ฟาร์มแกะแห่งหนึ่งในประเทศ ซึ่งต่อมามีการยืนยันแล้วว่า ขยะอวกาศดังกล่าวเป็นของบริษัทสเปซเอ็กซ์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า ขยะอวกาศ ซึ่งพบว่าฝังอยู่ในพื้นที่เพาะปลูกในภูมิภาคเทือกเขาสโนวี ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ เมื่อวันที่ 30 ก.ค. มาจากส่วนหนึ่งของยานแคปซูล “ดรากอน” ของสเปซเอ็กซ์ ซึ่งคาดว่ากลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกในวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา

เศษซากชิ้นแรก ซึ่งมีความสูงราว 3 เมตร และมีสีดำจากการเผาไหม้เมื่อผ่านชั้นบรรยากาศ ถูกพบโดย นายมิค ไมเนอร์ส เกษตรกรเลี้ยงแกะท้องถิ่น ในฟาร์มของเขา ที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองจินดาไบน์ และในเวลาต่อมา นายจ็อค วอลเลซ เพื่อนบ้านของไมเนอร์ส พบชิ้นส่วนอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเขาได้รับคำแนะนำให้ติดต่อองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ต่อไป...

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า ขยะอวกาศดังกล่าวน่าจะมาจากตัวยานที่ไม่มีแรงดันของยานแคปซูล

ดรากอน ซึ่งติดอยู่กับด้านล่างสุดของยาน โดยมันออกแบบมาเพื่อบรรทุกสัมภาระขึ้นสู่อวกาศ และรองรับยานในระหว่างการปล่อย ตามข้อมูลของสเปซเอ็กซ์

แม้ตัวยานจะถูกปล่อยทิ้งโดยเจตนาในการกลับเข้าชั้นบรรยากาศ เพื่อทำให้ยานแคปซูลดรากอนกลับสู่โลกได้ง่ายขึ้น แต่ทีมวิศวกรกล่าวว่า พวกเขาวางแผนให้มันตกลงในมหาสมุทร ไม่ใช่ฟาร์ม

“ผมคิดว่ามันน่ากังวลเพราะมันตกลงมาจากท้องฟ้า และถ้ามันร่วงใส่บ้านของคุณ มันจะเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาก” วอลเลซ กล่าว

เครดิตภาพ : REUTERS

สหรัฐฯ ช็อก คนโดนฟ้าผ่าใกล้ทำเนียบขาว เจ็บโคม่า 4 ราย

เกิดฟ้าผ่า ใกล้ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 4 ราย ขณะกำลังหลบฝนใกล้ต้นไม้ ในสวนสาธารณะ

เมื่อ 5 ส.ค. 65 บีบีซีรายงานเกิดเหตุฟ้าผ่าขณะเกิดฝนฟ้าคะนองอย่างหนักใกล้ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐฯ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 4 คน เป็นหญิง 2 คน และชาย 2 คน ซึ่งทั้ง 4 คน ถูกฟ้าผ่าขณะหลบฝนอยู่ใกล้ต้นไม้ที่สวนสาธารณะลาฟาแยตต์ พาร์ก เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 4 ส.ค. 65

เนื่องจากจุดที่เกิดฟ้าผ่า อยู่ใกล้กับทำเนียบขาว สถานที่พำนักและที่ทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จึงทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุฟ้าผ่า ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 คน

กองดับเพลิงและกู้ภัยในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออกแถลงการณ์ ว่า ผู้ถูกฟ้าผ่าทั้ง 4 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิต และขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล

หลังเกิดเหตุฟ้าผ่า ได้มีการปิดพื้นที่ในบริเวณจุดเกิดฟ้าผ่าในสวนสาธารณะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและนำส่งโรงพยาบาล ในขณะที่ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาสหรัฐฯ ได้ออกคำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากการเกิดฝนฟ้าคะนองรุนแรงในพื้นที่บริเวณดังกล่าว


สหรัฐฯ ประกาศ การระบาด ฝีดาษลิง เป็นภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขระดับชาติ

5 ส.ค. บีบีซี รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศให้การระบาดของฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระดับชาติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ส.ค. ซึ่งจะเร่งการแจกจ่ายวัคซีน การรักษา และทรัพยากรของรัฐบาลกลาง เพื่อลดการแพร่กระจายของไวรัสนี้

ท่ามกลางรายงานว่า วัคซีนและอุปกรณ์การรักษาโรคฝีดาษลิงขาดแคลนทั่วประเทศ ขณะที่กรมบริการสุขภาพและบริการมนุษย์ระบุเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า สั่งซื้อวัคซีนมากกว่า 5 ล้านเข็ม เพื่อส่งมอบถึงเดือนพ.ค.ปีหน้า

การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจำนวนผู้ติดเชื้อเกินในสหรัฐฯ 6,600 คน ในจำนวนนี้ 1 ใน 4 มาจากรัฐนิวยอร์ก ซึ่งประกาศภาวะฉุกเฉินระดับท้องถิ่นต่อโรคดังกล่าวไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และอีก 2 รัฐที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดรองลงมา ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย และอิลลินอยส์ ประกาศภาวะฉุกเฉินไปแล้วเมื่อต้นสัปดาห์นี้

การตัดสินใจดังกล่าวยังมีขึ้นไม่ถึง 2 สัปดาห์ หลังองค์การอนามัยโลกออกประกาศเตือนภัยฉุกเฉินสูงสุดหลังพบผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น ขณะที่ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯ (ซีดีซี) เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อได้รับการยืนยันทั่วโลกปีนี้มากกว่า 26,000 คน


เกาหลีเหนือ ประกาศชัยเหนือโควิด ลั่นสิ้นสุดเวฟแรกแล้ว

เกาหลีเหนือประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับโควิดระลอกแรกที่ระบาดในประเทศแล้ว หลังผู้ติดเชื้อหายป่วยแล้วทั้งหมด อย่างไรก็ดี ประเทศยังคงต้องรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าต่อไป

รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกแรกภายในประเทศได้สิ้นสุดลง หลังจากที่ผู้ป่วยทั้งหมด 4.77 ล้านคน ได้รับการรักษาจนหายป่วยตั้งแต่เดือนเมษายน และไม่ปรากฏผู้ป่วยรายใหม่ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม โดยมียอดผู้เสียชีวิตเพียง 74 คน

ด้านผู้เชี่ยวชาญทางการเเพทย์ของเกาหลีใต้ตั้งข้อสงสัยกับจำนวนผู้เสียชีวิตตามรายงาน โดยนายชิน ยังจอน อาจารย์คณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮันยาง กล่าวว่า ตัวเลขนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ และคาดการณ์ว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 50,000 ราย

อย่างไรก็ดี เกาหลีเหนือยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัญหาเศรษฐกิจที่ฝังรากลึก ปัญหาการขาดแคลนอาหาร เเละปัญหาสาธารณสุข รวมถึงความเสี่ยงจากโควิดระลอกใหม่ในกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

ขณะที่คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ยังไม่มีประกาศยกเลิกมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมโควิด-19 และยังคงไม่มีกิจกรรมทางการทูตข้ามพรมแดน รวมถึงยังคงมาตรการปิดชายแดนประเทศ แต่เกาหลีเหนือก็ได้เริ่มจัดกิจกรรมสาธารณะโดยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค เช่น งานรวมตัวทหารผ่านศึกสงครามเกาหลีที่ผู้เข้าร่วมไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย เเละการจัดการเเข่งขันกีฬาได้บ้างแล้ว


ยูเอ็น ชี้ราคาอาหารโลกลดลงแล้ว หลังรัสเซีย-ยูเครนดีลปลดล็อกธัญพืช

องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศในวันที่ 5 สิงหาคม ว่าราคาอาหารโลกทิ้งตัวลงในเดือนกรกฎาคมเนื่องจากข้อตกลงระหวางรัสเซียและยูเครนที่ปลดล็อกการเดินทางของเรือขนส่งธัญพืช

หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครนช่วงต้นปีที่ผ่านมา ราคาอาหารก็ได้แพงขึ้นจนทำลายสถิติในเดือนมีนาคม สร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนโลกว่าปัญหาความรุนแรงระหว่าง 2 ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ตะกร้าขนมปังโลก” จะนำมาสู่การขาดแคลนอาหารในประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกจากทั้งรัสเซียและยูเครน

องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ได้แสดงดัชนีราคาอาหารโลก ชี้ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของราคาอาหารในปัจจุบันที่ได้ลดลงติดต่อกันถึงห้าเดือน โดยราคาอาหารในเดือนกรกฎาคมน้อยลงประมาณ 8.6 % เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขของเดือนก่อนหน้า ด้านราคาน้ำมันพืชดิ่งลงที่ 19.2 % ระหว่างเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ทำสถิติราคาน้ำมันที่ถูกที่สุดในรอยสิบเดือน และราคาธัญพืชลดลง 11.5 % อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบกับราคาอาหารโลกของเดือนกรกฎาคมในปี 2021 จะพบตัวเลขของปีนี้สูงกว่าถึง 13.1%

เอฟเอโอ แสดงความเห็นว่าราคาธัญพืชที่ลดลงนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากข้อตกลงส่งออกธัญพืชระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ได้ลงนามไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่งผลให้เรือขนส่งธัญพืชรำแรกได้เดินทางออกจากยูเครนไปเลบานอนแล้วเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม และจะทำการเดินเรือบรรทุกอาหารเพิ่มอีก 3 ลำในวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่งจะเดินทางไปยังอังกฤษ ไอซ์แลนด์ และตุรกี

สื่อนอกตีข่าว ไฟไหม้ผับไทย ‘ไม่มีทางหนี’ ดับสลดอย่างน้อย 14 ศพแล้ว

สื่อต่างประเทศรายงานข่าวไปทั่วโลก เหตุไฟไหม้ผับ เมาท์เท่น บี ในประเทศไทย ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 14 ศพแล้ว หนึ่งในคนรอดชีวิตเผย ผู้คนในผับพยายามหาทางออก แต่ไม่มีทางหนี

เมื่อ 5 ส.ค. 65 สื่อต่างประเทศหลายสำนัก รวมทั้ง ซีเอ็นเอ็น, เดอะซัน, วอชิงตันโพสต์, เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ รายงานข่าวไปทั่วโลก เกิดเหตุเพลิงไหม้ผับ เมาท์เท่น บี (Mountain B) ในประเทศไทย ช่วงกลางดึก เวลาประมาณ 01.00 น. ของวันศุกร์ที่ 5 ส.ค. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ศพ ก่อนจะเพิ่มอีกหนึ่งศพ เป็นอย่างน้อย 14 ศพ ขณะที่มีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคน

คลิปวิดีโอที่ถูกแชร์บนโลกออนไลน์แสดงให้เห็นภาพเหตุการณ์ขณะนักเที่ยวจำนวนมากวิ่งหนีออกมาจากผับที่กำลังเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง ควันดำหนาลอยออกมาจากประตู จากนั้นได้มีคนวิ่งหนีออกมาจากผับที่เกิดไฟไหม้ลุกโชน มีคนหลายคนเสื้อผ้าถูกไฟไหม้ขณะวิ่งออกมา ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเผยว่ามีผู้บาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้กว่า 40 ราย

จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า สาเหตุเพลิงไหม้ผับ เมาท์เท่น บี สถานบันเทิงในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน

จากการเปิดเผยของหญิงสาวที่รอดชีวิตคนหนึ่ง บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า เธอมาฉลองวันเกิดของน้องชายที่ผับแห่งนี้ และอยู่ใกล้หน้าเวทีดนตรี เมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งหนีพร้อมตะโกนว่าหลังคาไฟไหม้ ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอเห็นลำโพงบนเวทีเกิดไฟลุกไหม้ จากนั้นไฟได้ลุกลามไปที่หลังคา ผู้คนพยายามวิ่งหนีออกทางประตูที่มีผู้คนหนาแน่นแย่งกันออก

จนทำให้คนหลายคนพยายามทุบผนังกระจกเพื่อหาทางออก แต่กระจกหนามาก ตอนนี้น้องชายของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุเพลิงไหม้ และเพื่อนคนหนึ่งของน้องชายเป็นคนหนึ่งที่เสียชีวิต

เปิดรายชื่อผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ “ไฟไหม้ผับสัตหีบ” เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 13 ศพ และรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย

จากกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้ผับเมืองสัตหีบ เมาท์เท่น บี (MOUNTAIN B) ริมถนนสายสุขุมวิท ม.7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ขณะที่มีนักท่องราตรีกำลังใช้บริการกว่าร้อยชีวิต เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ที่ผ่านมา เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 13 ศพ ถูกไฟคลอกนอนรักษาตัวทั้งหมด 36 คน

โดยเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงผู้เสียชีวิตออกจาก รพ.พลูตาหลวง กม.10 ไปยังมูลนิธิสว่างโรจนฯ สัตหีบ เพื่อทำการห่อร่างผู้เสียชีวิตเพื่อส่งไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เบื้องต้นขณะนี้มีการยืนยันรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมดแล้ว ประกอบด้วยรายชื่อผู้เสียชีวิตเหตุเพลิงไหม้ ดังนี้

1. นายวรากุล จำรัส อายุ 32 ปี

2. นายสมรัฐ หินเธาว์ อายุ 31 ปี

3. นายกรวิทย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี

4. นายสุรกานต์ เรืองฤทธิ์ อายุ 35 ปี

5. น.ส.ณัฐธิดา ม่วงธิมา อายุ 28 ปี

6. นายเจษฎาภรณ์ ปิ่นอนงค์ อายุ 20 ปี

7. นายวิริยะ แต่งสง่า อายุ 31 ปี

8. น.ส.พรหมพร (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี

9. น.ส.วาทินี (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี

10. นายรังสิมันตุ์ วนิชโรจนาการ อายุ 30 ปี (ญาติยังไม่ยืนยันชัดเจน)

11. นายฉัตรชัย ชื่นค้า อายุ 30 ปี

12. นายณัฐกร มีชำนาญ อายุ 49 ปี

13. น.ส.สวิตตา จันทา อายุ 39 ปี


ผู้บาดเจ็บ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จำนวน 23 ราย สาหัส 14 ราย

จำนวนผู้บาดเจ็บสาหัส 14 ราย

1. นายชายไม่ทราบชื่อ อายุ 35 ปี

2. น.ท.ผลิตเดช ชุ่มเงิน อายุ 40 ปี

3. นายชายไม่ทราบชื่อ อายุ 25 ปี

4. จ.อ.ธัญพิสิษฐ กันเกตุ อายุ 25 ปี

5. ร.ต.เศรษฐศักดิ์ จันทรา อายุ 26 ปี

6. น.ส.หญิงไม่ทราบชื่อ อายุ 30 ปี

7. นายภูริณัฐ ไม้เจริญ อายุ 24 ปี

8. Mr.KBOTANOY (ชาวลาว) อายุ 24 ปี

9. น.ส.ศิริวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี

10. น.ส.ปาริชาต ขวัญยืนคง อายุ 26 ปี

11. นายชายไม่ทราบชื่อ อายุ 25 ปี

12. น.ส.ศิริพร ทองสวัสดิ์ อายุ 29 ปี

13. นายชายไม่ทราบชื่อ อายุ 30 ปี

14. น.ส.หญิงไม่ทราบชื่อ อายุ 23 ปี


จำนวนผู้บาดเจ็บปานกลาง 8 ราย

1. นายบุริศร์ มะนาวนอก อายุ 26 ปี

2. นายศิริชัย ราชพิทักษ์ อายุ 39 ปี

3. น.ส.อธิฐาน จริยวรกิตติ อายุ 27 ปี

4. น.ส.โศภิษฐา วงคำหาญ อายุ 22 ปี

5. นายชญานิน สีทับทิม อายุ 24 ปี

6. น.ส.วิภาดา พูนสะสมทรัพย์ อายุ 29 ปี

7. น.ส.นลินี บุญประเสริฐ อายุ 37 ปี

8. นางชนิตรนันท์ จันทร์ฟอง อายุ 47 ปี


บาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย

1. นายชลิต โชติศุภกานต์ อายุ 48 ปี

โรงพยาบาลวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร บาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 2 ราย

1. น.ส.ณัฎฐนิช พิกุลแก้ว 0612729967

2. จ.ท.พงค์ธร ฟายระหาร 0984567110

รายชื่อผู้บาดเจ็บที่ทางกู้ภัยสว่างโรจนธรรมสถาน สัตหีบ นำส่งโรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 จำนวน 9 คน

1. น.ส.รัชสิกา ดุจจานุทัศน์ อายุ 24 ปี

2. นายอติราช เจริญกัลป์ อายุ 30 ปี

3. น.ส.ศิลป์ศุภา ชื่นเพ็ชร อายุ 24 ปี

4. นายสมชัย บุญชม อายุ 44 ปี

5. ร.อ.พันทิบ ภาคแก้ว อายุ 31 ปี

6. นายธรรณธร บวรสุวรรณ อายุ 50 ปี

7. นายสิทธิชัย อุ้ยเลิศ อายุ 23 ปี

8. จ.อ.ธนวินท์ อวยเจริญ อายุ 28 ปี

9. นายธนกฤต นีน้อย อายุ 36 ปี


ข้อมูลจาก แฟนเพจ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี - Chonburi PR