หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ (FT) ของสหราชอาณาจักร รายงานว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบไม่พึงประสงค์ทางสุขภาพขั้นรุนแรง หลังจากบริโภคยาไอเวอร์เมกติน (ivermectin) เพื่อรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า นับตั้งแต่มีผู้ให้ข้อมูลเท็จว่ายาต้านพยาธิตัวนี้สามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้
รายงานข่าวระบุว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ได้รับรายงานชาวอเมริกันมีภาวะเป็นพิษหรือได้รับผลกระทบไม่พึงประสงค์ขั้นรุนแรงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกินยาไอเวอร์เมกตินเพื่อรักษาโรคโควิด-19 จำนวน 49 กรณี ขณะตัวเลขดังกล่าวตลอดปี 2020 อยู่ที่ 23 กรณี โดยสำนักงานฯ ไม่สามารถระบุได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกี่ยวข้องโดยตรงกับการกินยาไอเวอร์เมกตินหรือมาจากสาเหตุอื่นๆ เนื่องจากมีข้อมูลจำกัด
ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน สำนักงานฯ ระบุว่ามีประชาชนบางกลุ่มหันไปกินยาที่สำนักงานฯ ไม่ได้ให้การรับรองหรืออนุมัติ ขณะที่ยาไอเวอร์เมกตินได้รับการอนุมัติให้มนุษย์กินเพื่อรักษาอาการติดเชื้อจากพยาธิบางชนิดและเหาบนศีรษะ
อย่างไรก็ตาม สำนักงานฯ ไม่ได้อนุมัติหรือรับรองการบริโภคไอเวอร์เมกตินเพื่อรักษาหรือป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งในมนุษย์และสัตว์ เนื่องจากไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าไอเวอร์เมกตินปลอดภัย หรือสามารถรักษาโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่อย่างใด
29 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.อ่างทอง (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘ป่าโมก’แตก!เจ้าพระยากัดเซาะกำแพงกั้นพัง น้ำทะลักท่วมชุมชน) ว่า ที่บริเวณถนนสาย 309 ป่าโมก-อยุธยา สายใน ต.บางปลากด อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ได้เกิดกระแสน้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นไหล่ข้ามถนน จากฝั่ง ต.บางปลากด หลังกัดเซาะคันดินทะลักไหลเข้าหมู่บ้านในพื้นที่ ต.ปางปลากด ท่วมบ้านเรือนประชานกว่า 300 หลังคาเรือน แล้วไหลข้ามถนนป่าโมก-อยุธยา เข้าพื้นที่ ต.โรงช้าง เป็นระยะทางประมาณ 200 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันอำนวยการจราจร และนำดินมาถมทำคันดินบนถนนเพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นไหลข้ามถนน
นอกจากนั้นน้ำเจ้าพระยายังขยายวงกว้างไปเอ่อล้นถนนเส้น 309 อ่างทอง-อยุธยา บริเวณหมู่ 7 ต.โพสะ อ.เมือง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต่างเร่งป้องกัน
ขณะที่สถานการณ์น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณศาลากลางจังหวัดอ่างทอง กระแสน้ำไหลผ่าน 2,453 ลบ.ม./วินาที มีระดับน้ำสูง 8.99 เมตร จากระดับตลิ่งที่มีผนังกั้นน้ำสูง 10 เมตร ซึ่งในตอนน้ำระดับน้ำเริ่มสูงกว่าตลิ่งแล้ว แต่ยังมีผนังกันน้ำที่ยังมีมีความสูงกว่า 1 เมตร ที่ยังคงป้องเขตเศรษฐกิจตัวเมืองไว้
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. และเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อความที่มีการโพสต์ลงในเพจเฟซบุ๊กกลุ่มสีขาวบริสุทธิ์ หยุดสีเทา ที่มีการระบุว่า ความสำเร็จในครั้งที่ผ่านมาของการเลือกตั้ง ส.ส. แห่งภาคใต้ ภายใต้การนำทัพของตนเอง ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน การมาใหม่ในครั้งนี้ เสียงปี่เสียงกลองดังลั่นแน่นอน กวาด ส.ส. ในภาคใต้ เพิ่มขึ้น ซึ่งพ.อ.สุชาติ กล่าวว่า พวกเรา 13 คนซึ่งเป็นกลุ่มเล็กๆในภาคใต้และเคยบริหารจัดการการเลือกตั้งให้กับพรรคพลังประชารัฐและได้ส.ส.เข้ามาจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ซึ่งที่โพสต์ก็ต้องการสื่อให้ชัดเจนว่า ครั้งหน้าเราจะไม่อยู่พรรคพลังประชารัฐแล้ว เราจะไปอยู่พรรคอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ที่จะไปอยู่พรรคของปลัดฉิ่ง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่จะเกษียณอายุราชการในตำแหล่งปลัดกระทรวงมหาดไทยในวันที่ 30 ก.ย.นี้ พ.อ.สุชาติ กล่าวยอมรับว่า ก็มีแนวความคิดอย่างนั้น ซึ่งเหตุผลพวกเราทั้ง 13 คนที่เคยขับเคลื่อนการเลือกตั้งให้กับพรรคพลังประชารัฐมา ไม่ต้องการอยู่กับพรรคพลังประชารัฐแล้วก็เพราะ 1.พรรคพลังประชารัฐมีระบบการบริหารจัดการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมืองเลย ไม่มีผลงานอะไรที่ชัดเจน เพียงแต่อาศัยร่มเงาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง 2.พวกเราเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนการเลือกตั้งครั้งที่แล้วจนเกิด ส.ส. ในภาคใต้ ซึ่งมันไม่เคยมีปรากฏมาก่อน แต่ไม่เคยได้รับความขอบคุณหรือคำชมเชยจากพรรคเลย ทั้งๆที่พวกเราทุ่มเทงานการเมืองมาอย่างหนักหนาสาหัสกับการเมืองในภาคใต้ และยังมีเรื่องของกลุ่มการเมืองด้วย ดังนั้นอยู่ไปก็ทำงานการเมืองยาก และ3.จากกระที่เกิดปัญหาจะล้มล้างนายกฯเมื่อช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่าน ก็เป็นการบ่งบอกชัดเจนว่า ผู้มีอำนาจในพรรคไม่เคารพกติกา พยายามที่จะออกนอกลู่นอกทาง พยายามที่จะผลักให้นายกฯหลุดจากตำแหน่ง ทั้งๆที่ ส.ส. ในพรรคพลังประชารัฐส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้ก็เพราะมาจากกระแสของนายกฯ
“พรรคพลังประชารัฐที่ดูดีมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะนายกรัฐมนตรี แล้วทำไมจะต้องมาเอาเป็นเอาตายกับนายกฯถึงขนาดจะต้องให้ตกจากเก้าอี้ ซึ่งไม่ถูกต้อง จึงไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้”
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไปคุมพปชร. พ.อ.สุชาติ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ อาจเป็นแนวความคิดของนายกฯ แต่ตนคิดว่าในพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ก็มีเต็มแล้ว ทั้งหัวหน้า เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค ประธานยุทธศาสตร์พรรค มีหมดแล้ว และพล.อ.ประยุทธ์ จะไปลงตรงไหน ไม่มีที่แล้ว ซึ่งเมื่อไม่มีที่ลงแล้วก็ต้องไปที่อื่น เมื่อถามว่าได้คุยเรื่องนี้กับพล.อ.ประยุทธ์ บ้างหรือยัง พล.อ.สุชาติ กล่าวว่า ก็ต้องบอก เพราะถือเป็นมารยาท ซึ่งนายกฯก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่บอกสั้นๆว่า”ไปหาพรรคใหม่” อย่างไรก็ตามกลุ่มพวกเราทั้ง 13 คน จะยื่นใบลาออกจากพรรคพลังประชารัฐพร้อมกัน ตอนนี้ขอดูเวลาที่เหมาะสมก่อน แต่คาดว่าน่าจะเป็นเดือนหน้า ทั้งนี้วันที่30 ก.ย.นี้ จะเรียกทีมงานหารือวางแผนการทำงานในพื้นที่ ส่วน ส.ส.พปชร. ในภาคใต้ที่ได้รับเลือกมาเป็นส.ส.ถึง 14 คน เพราะกระแสความนิยมในตัวของนายกฯ และตนยังมั่นใจว่า ในภาคใต้ความนิยมในตัวนายกฯไม่ได้ลดลง
สำหรับ พ.อ.สุชาติ เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและเป็น 1 ในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงเป็นบุคคลที่มีส่วนช่วยในการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อเดือนมี.ค.2562 ให้พรรคพลังประชารัฐ ได้ ส.ส.ภาคใต้เข้ามา สำหรับพรรคใหม่ที่ พ.อ.สุชาติเข้าสังกัด เตรียมเปิดตัวหลังนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เกษียณอายุราชการสิ้นเดือน ก.ย.โดยมีรายงานว่า พรรคใหม่ได้รับการสนับสนุนจาก 2 ป. คือพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเพื่อถ่วงดุลพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะมีส.ส.พลังประชารัฐพื้นที่ภาคใต้ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ด้วย
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวสรุปภาพรวมในการชุมนุมของกลุ่ม"ทะลุแก๊ส"ปิดถนนมิตรไมตรี ใกล้แยกดินแดงเมื่อคืนวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีการจุดเพลิงเผาทรัพย์สินและวัสดุบนถนน และตอบโต้ใส่ตำรวจที่เข้าบังคับใช้กฎหมาย และปาระเบิดเพลิงใส่รถตำรวจได้รับความเสียหายรวม 8 คัน ในจำนวนนี้มี 2 คัน ได้รับความเสียหายทั้งคัน ส่วนอีก 1 คัน เสียหายบางส่วน ซึ่งฝ่ายสืบสวน อยู่ระหว่างสืบหาพยานหลักฐาน โดยพอรู้ตัวผู้กระทำผิด เบื้องต้น 15-20 คน
ส่วนการชุมนุมบริเวณแยกนางเลิ้งนั้น มีการปิดการจราจร พยายามตัดรั้วลวดหนาม และพยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจ เพื่อจะไปทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ และมีการจับกุมผู้กระทำผิด 9 คน ในข้อหาสมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ
รองผบ.ช.น. กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า เปลื้องผ้าเปลือยต่อหน้าแนวตำรวจนั้น ตำรวจอยู่ระหว่างเตรียมออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อหาตามมาตรา 388 ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
"แนวโน้มการชุมนุมทั้ง 2 จุด คือบริเวณแยกนางเลิ้ง และดินแดง แต่จำนวนผู้ชุมนุมไม่มาก คาดอีกไม่กี่วันจะมีการใช้มาตรการทางกฎหมายให้เข้มข้นมากขึ้น หลังมีการประสานหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่น ๆ ควบคู่กับการปรับยุทธวิธีให้เข้ากับสถานการณ์ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ให้คำแนะนำกับพล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. ว่าที่ ผบช.น.คนใหม่ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างเข้มแข็งต่อเนื่อง และยืนยันว่า ตำรวจสามารถควบคุมได้ ยังไม่จำเป็นต้องขอกำลังทหารเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงปัจจุบันมีคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุม 236 คดี มีผู้อยู่ในข่ายจะต้องถูกดำเนินคดี 878 คน สามารถจับได้แล้ว 633 คน"พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ที่บริเวณแยกดินแดงเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา กลุ่มทะลุแก๊ส ยังคงนัดหมายร่วมตัวกันป่วนเมืองเช่นทุกวัน แต่สถานการณ์นับวันจะก่อเหตุรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยค่ำคืนนี้ไปก่อเหตุที่บริเวณฝั่งตรงข้ามกรมดุริยางค์ทหารบก มีการยั่วยุเจ้าหน้าที่ด้วยการจุดพลุ ปาประทัด และระเบิดปิงปอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้
29 กันยายน 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน รายงานอาชญากรรมประจำปี 2020 (UCR) ของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) ซึ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (27 ก.ย.) ระบุว่าคดีฆาตกรรมในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเกือบร้อยละ 30 ในปี 2020 เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยเกิดอาชญากรรมความรุนแรงขึ้นราว 1,277,696 ครั้ง ในจำนวนนี้เป็นคดีฆาตกรรม 38,520 คดี
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) ของสหรัฐฯ รายงานว่าจำนวนคดีฆาตกรรมในปี 2020 “พุ่งสูงสุดในรอบหนึ่งปี” นับตั้งแต่สำนักงานฯ เริ่มมีการเก็บข้อมูลช่วงทศวรรษ 1960
รายงานระบุว่า เมื่อปี 2020 เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในสหรัฐฯ กว่า 21,500 คดี ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1990 ขณะที่อัตราการฆาตกรรมในปี 2020 อยู่ที่ราว 6.5 รายต่อประชาชน 100,000 คน ต่ำลงราวร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับระดับของช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่คดีฆาตกรรมพุ่งสูงสุด
ข้อมูลของสำนักงานฯ ระบุว่าคดีอาชญากรรมความรุนแรงในสหรัฐฯ เมื่อปี 2020 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปี 2019 ขณะที่คดีอาชญากรรมโดยรวมลดลงร้อยละ 6
เดอะ ฮิลล์ (The Hill) สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ ระบุว่าตัวเลขคาดการณ์ของคดีอาชญากรรมความรุนแรงในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี
ในปี 2020 ตัวเลขคาดการณ์ของคดีโจรกรรมลดลงร้อยละ 9.3 และตัวเลขคาดการณ์ของคดีข่มขืนลดลงร้อยละ 12.0 เมื่อเทียบกับปี 2019
สำนักงานฯ ระบุว่า มีหน่วยงานในสังกัดสำนักงานฯ ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ส่งข้อมูลเข้าร่วมการจัดทำรายงานฉบับนี้ราวร้อยละ 85 ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่าเมืองที่ไม่ได้ส่งข้อมูล ได้แก่ นิวยอร์ก ชิคาโก และนิวออร์ลีนส์
“เดอะ แพ็คแมน” แมนนี่ ปาเกียว สุดยอดกำปั้นโลก ประกาศแขวนนวมอย่างเป็นทางการผ่านทางวีดีโอคลิปความยาว 14 นาที ที่เผยแพร่ผ่านทางสังคมออนไลน์อย่าง “เฟซบุ๊ค” เมื่อวันพุธที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา
เฟซบุ๊คของ ปาเกียว ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 18 ล้านคน ในใจความดังกล่าวนั้นระบุว่า Goodbye boxing และระบุว่า ระฆังยกสุดท้ายของการชกมวยของเขาได้ดังขึ้นแล้ว และจากนี้จะเดินหน้าทำเพื่อประชาชนในการลุยงานด้านการเมืองอย่างเต็มตัว
ทั้งนี้เป็นการตอกย้ำข่าวจากเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564 การเมืองฟิลิปปินส์มีเรื่องฮือฮาเกิดขึ้นเมื่อ แมนนี่ปาเกียว (Manny Pacquiao) แชมป์โลกมวยสากลขวัญใจชาวฟิลิปปินส์ ประกาศท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในปี 2565 โดยสำนักข่าว UPI สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Manny Pacquiao announces run for Philippines president ระบุว่า ปาเกียวได้รับการเสนอชื่อจากพรรค PDP-Laban
สำหรับ แมนนี่ ปาเกียว ที่ผ่านมาเป็นแชมป์ถึง 8 รุ่น ประกอบด้วย 1.ฟลายเวท WBC 112 ปอนด์,2.จูเนียร์เฟเธอร์เวท IBF 122 ปอนด์, 3.ซูเปอร์เฟเธอร์เวท WBC 130 ปอนด์, 4.ไลต์เวท WBC 135 ปอนด์, 5.เวลเตอร์เวทWBO 147 ปอนด์ และ 6.ซูเปอร์เวลเตอร์เวท WBC 154 ปอนด์ รวมไปถึงการได้แชมป์ที่ 7 คือ The Ring 126 ปอนด์และ 8. IBO 140 ปอนด์ มีสถิติชนะ 62 แพ้ 8 เสมอ 2 ครั้งและติดโผนักกีฬาที่ทำเงินได้มากที่สุดแห่งทศวรรษที่ผ่านมา ระหว่างปี 2010-2019 โกยรายได้ไปได้มากถึง 435 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 13,200 ล้านบาท ติดอันดับที่ 8 ในการจัดอันดับของ ฟอร์บส์ (Forbes) เลยทีเดียว
ที่ผ่านมา เขายังชกมวยอยู่แม้จะเข้าสู่สนามการเมืองในตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แล้วก็ตาม โดยล่าสุดเพิ่งพ่ายให้กับ ยอร์เดนิสอูกัส (Yordenis Ugas) นักมวยชาวคิวบา ที่ ที-โมบาย อารีน่า ลาสเวกัสสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ก่อนจะประกาศแขวนนวมเพื่อลงชิงชัยในตำแหน่งใหญ่ที่สุดของประเทศ
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012