อเมริกา-ประเทศแห่งการ "ซู" America - "Land of Lawsuits"

อเมริกาเป็นประเทศที่น่าอยู่สำหรับพวกเราหลายๆ คนที่อพยพมาอยู่ที่นี่ เป็นที่ทำมาหากินได้ดีทีเดียว ใครขยันทำงาน เก็บเงินเก็บทอง ไม่ติดอบายมุข ดูแลตัวเอง ก็อยู่ในประเทศนี้ได้ ไม่ว่าจะมีใบเขียวหรือไม่ก็ตาม

แต่มีอันหนึ่งที่ต้องระวัง นั่นก็คือการระวังเรื่อง "โดนซู" โดยเฉพาะพวกที่มีสตังค์

ตั้งแต่เปิดสอนวิชาการล่ามทางออนไลน์และเปิดกลุ่มล่ามในเฟซบุ๊คมา ได้มีโอกาสเน็ตเวิร์คกับล่ามไทย ทั่วโลกทั้งที่ประเทศไทย ยุโรปและออสเตรเลีย

ได้มีโอกาสคุยกับล่ามจากออสเตรเลียคนหนึ่ง ที่เป็นล่ามที่โชกโชนสนามที่สุดคนหนึ่งที่นั่น เขาได้บอกว่า เป็นล่ามประเทศนี้แทบจะไม่ได้แปลในคดีแพ่งเลย ฉันเลยไปทำวิจัยดูก็ได้พบว่าประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีกา รฟ้องร้องน้อยมาก

ส่วนฉันในฐานะเป็นล่ามกฎหมายในอเมริกา ได้แปลทั้งแพ่งและอาญาจำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะได้แปลคดีอาญามากกว่าเพราะในคดีอาญา จำเลยและพยานจะได้ล่ามฟรี ล่ามจะได้รับการว่าจ้างจากทางรัฐ จึงถูกเรียกตัวบ่อยๆ

สำหรับคดีแพ่งนั้น มีประมาณหนึ่งในสี่ของงานล่ามทั้งหมด (ฉันเป็นทั้งล่ามกฎหมาย ล่ามทางการแพทย์ และล่ามการประชุม) ถือว่าค่อนข้างสูง คนที่จะจ่ายค่าล่ามคือคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือบางครั้งก็แบ่งกันจ่ายแล้วแต่จะตกลงกัน

ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ฉันได้ทำคดีการฟ้องร้องในคดีแพ่งในสหรัฐอเมริกาจำนวนมากตั้งแต่ หลักพันเหรียญถึงหลักร้อยล้านเหรียญ

ประเทศนี้ เอะอะก็ซู เอะอะก็ซู ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะกฎหมายเปิดโอกาสให้คนฟ้องร้องกันได้ง่ายมาก

เชื่อมั้ยคะ ทนายความในอเมริกามีมากกว่าหนึ่งล้านคน ตามข้อมูลล่าสุดของเนติบัณฑิตยสภาอเมริกา (American Bar Association) อัตราจำนวนทนายความต่อประชากรในอเมริกาสูงที่สุดในโลก นั่นคือ ทนายความหนึ่งคนต่อประชากร 300 คน รองมาคือบราซิล นิวซีแลนด์ สเปน และสหราชอาณาจักรตามลำดับ

ส่วนประเทศที่มีการฟ้องร้องต่อจำนวนประชากรมากที่สุดในโลกก็มี เยอรมัน สวีเดน อิสราเอล ออสเตรีย (ไม่ใช่ออสเตรเลียนะคะ) และอเมริกา

ตอนนี้ก็เป็นที่รู้กันแล้วว่า อเมริกานั้นซูกันง่ายเหลือเกิน

จากที่ได้สัมผัสมาด้วยตัวเอง คนไทยที่อยู่ที่นี่โดนซูก็เพราะ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความสะเพร่า การไว้ใจคนอื่นมากเกินไป และที่สำคัญคือการไม่รู้ภาษาอังกฤษดีพอ

มีหลายเคสที่ต้องแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะไม่อ่านสัญญาดีๆ หรือไม่ยอมทำความเข้าใจ หรือไว้ใจอีกฝ่ายมากเกินไป เซ็นสัญญาสุ่มสี่สุ่มห้า เซ็นอย่างเร่งรีบเพราะอยากจะรีบ ทำธุรกิจไวๆ แต่ลืมให้ความสำคัญกับสัญญาหรือ ข้อตกลงที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรที่อาจมีผลทางกฎหมายตามมา

มีบางเคสที่เห็นแล้วสงสารมาก อุตส่าห์ทำงานเก็บเงินมาหลายสิบปี แต่ต้องมาหมดตัวตอนอายุวัยเจ็ดสิบ เพียงเพราะไม่อ่านสัญญาให้เข้าใจและไม่มีคนแปลให้ฟัง

มีหลายเคสที่หุ้นส่วนทำสัญญากันโดยมักง่าย ไปก๊อปเอาที่เขาทำไว้ในอินเตอร์เน็ตแล้วมาเปลี่ยนกันเองนิดหน่อย ไม่มีทนายความช่วยดู ไม่มีคนแปลให้เข้าใจทั้งหมด เสร็จแล้วพอมีเรื่องหมางใจกัน ฝ่ายหนึ่งก็ไปหาจุดอ่อนของสัญญา นั้นมาเป็นมูลในการทำเรื่องฟ้องร้อง อันนี้เห็นเยอะมาก พอจะมาแก้ไขกันก็ต้องเสียค่าทนายหลักหมื่น

บางเคสก็เกิดจากความโลภและความเห็นแก่ตัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่นในธุรกิจร้านอาหาร หุ้นส่วนหนึ่งทำมาก ส่วนอีกหุ้นส่วนหนึ่งแทบจะไม่ทำ แต่เงินได้เท่ากัน ก็มีเหตุที่นำไปสู่การฟ้องร้องได้

พี่น้องกันและเพื่อนรักกันเมื่อ เป็นคดีความกันแล้วถึงกับขั้นแตกหัก เป็นศัตรูกันตลอดชีวิตเพราะธุรกิจและการไม่ทำตามสัญญา เห็นแล้วก็ปลงนะคะ อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมา

ร้านไหนขายดีๆ ได้เงินเยอะๆ ก็ต้องระวังโดนซูด้วยเพราะแค่เพียงทำอะไรผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็ จะเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานหรือลูกค้าซูเราได้ ฉันก็ได้เป็นล่ามให้หลายเคสในลักษณะนี้

แต่เจ้าของร้านก็ควรปฏิบัติต่อพนักงานให้ดี อย่าโลภ อย่าเอาเปรียบแรงงานลูกจ้าง เพราะอาจโดนซูหลายข้อหาได้ ส่วนลูกจ้างและพนักงานก็เหมือนกัน ไม่ใช่เอะอะก็จะซูเจ้าของร้าน บางคนเห็นเพื่อนที่ทำงานอีกร้าน หนึ่งซูเจ้าของได้เงินก็จะซูเอาเงินบ้าง ไม่คิดถึงสิ่งดีๆ ที่เจ้าของร้านเคยมีบุญคุณกับตนมา เคสแบบนี้ มีทั้งเคสที่นายจ้างเป็นฝ่ายเอาเปรียบ บางเคสลูกจ้างก็เป็นฝ่ายเอาเปรียบ มีหลายรูปแบบหลายลีลา

บางเรื่องเราสามารถพูดคุยกันได้ เวลาอยู่เมืองไทย แต่ทำไมเรื่องแบบเดียวกันกลับพูดกันไม่ได้เวลาอยู่อเมริกา บางทียังไม่ได้เกริ่นอะไรกันเลย ก็ให้ทนายความเขียนจดหมายมาขู่แล้ว พออีกฝ่ายได้รับจดหมายขู่ก็ยิ่ง โกรธแค้นอย่างถึงขั้นต้องแก้แค้นกันก็มี

นี่เป็นความเห็นของฉันเองนะ ทนายความที่ไม่มีจรรยาบรรณหลายคน มีส่วนที่จะยุให้เกิดการฟ้องร้องขึ้นได้เพราะถ้าเป็นคดีความแล้ว เขาก็จะได้ค่าว่าความชั่วโมงละหลายร้อยดอลลาร์ หลายคดีสามารถคุยกันดีๆ ได้ แต่ไม่ยอมคุย อยากเอาชนะกัน พอเรื่องไปถึงทนายความแล้ว ทุกอย่างจะแพงมาก ถ้าได้ทนายความที่ดีมีจรรยาบรรณ เขาจะพยายามช่วยไกล่เกลี่ยโดยให้ลูกความตัวเองเสียเงินน้อยที่สุด

ทุกครั้งที่ฉันไปศาลหรือแปลในขั้นตอนคดีแพ่งก่อนจะถึงขั้นศาล เวลานั่งใกล้ๆ กับคนที่เกี่ยวข้องกับคดี ฉันสัมผัสถึงความร้อนใจ ความกระวนกระวายใจและความทุกข์ใจ ฉันต้องนั่งฟังเขาบ่น เช่นบ่นว่าต้องคิดมาก นอนไม่หลับ ต้องเสียเงิน เสียเพื่อน เสียความรู้สึก ฯลฯ ฉันก็ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจ ไปด้วย ตอนหลังๆ ฉันจึงดูแลสภาพจิตใจของตัวเองโดยใช้ธรรมะช่วย ไม่งั้นฉันจะต้องเครียดจัดไปกับ พวกเขา ยิ่งมีหลายคดีเท่าใด ก็ยิ่งได้รับพลังงานที่เป็นลบมากขึ้นเท่านั้น

ไม่ว่าฉันจะแปลให้ฝ่ายใด ฉันก็จะแปลอย่างเป็นกลางโดยไม่มีอคติ แปลไปตามเนื้อผ้า ถึงแม้ว่าบางครั้ง ฉันจะมีความคิดเห็นเข้าข้างอีกฝ่ายหนึ่ง แต่เวลาไปแปลในการบันทึกคำให้การพยาน (deposition) หรือในการพิจารณาคดีโดยผู้พิพากษา (bench trial) หรือโดยคณะลูกขุน (jury trial) ฉันต้องสาบานตนที่จะแปลอย่างถูกต้องและแม่นยำที่สุดเท่าที่ตนสามารถจะแปลได้เพื่อที่จะให้เกิดความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย โดยให้ผู้พิพากษาหรือลูกขุนเป็นผู้ตัดสินเอง

ถึงแม้จะมีคดีความฟ้องร้องกันมากมาย คดีแพ่งมากกว่า 90% สามารถตกลงกันได้ก่อนที่จะถึงขั้นศาล เพราะถ้าขึ้นถึงขั้นศาลแล้ว ทั้งโจทก์และจำเลยเตรียมเสียเงินก้อนใหญ่ เตรียมเสียเวลาและเตรียมเสียหัวไว้ได้เลย ถึงแม้จะเป็นฝ่ายที่ชนะ อย่างน้อยก็ต้องเสียเวลาและเสียความรู้สึกอยู่แล้ว คนที่ชนะจริงๆ ก็คือทนายความและล่าม เราได้ค่าจ้างไม่ว่าลูกความจะชนะหรือแพ้

คงไม่มีใครอย่างขึ้นโรงขึ้นศาลแน่นอน แต่อยู่ในประเทศนี้ต้องระวังอย่างมากเพราะอะไรนิดอะไรหน่อยก็เป็นคดีความได้ สำนวนที่ว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง" สามารถเอามาใช้เป็นคาถาป้องกันและหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องลงเอยการ เป็นคดีความได้


- ล่ามเอ๋ เบญจวรรณ