เก่งเลือกได้ When you are good, you can choose.

ฉันคิดว่าตอนนี้ตัวเองโชคดี มากที่อยู่ในสถานะที่สามารถเลือกทำในสิ่งที่ตนชอบและอยากจะทำได้

บทความนี้ไม่ได้เขียนขึ้นมาในเชิงโอ้อวดว่าตัวเองเก่งแต่อย่างใด แต่อยากจะแบ่งปันความคิดในเชิงสร้างสรรค์และเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆ หลายๆ คนและให้กับผู้อ่านคอลัมน์ของฉัน

เวลาที่เราเก่งนั้น เราสามารถเป็นผู้เลือกได้ แทนที่จะเป็นผู้ถูกเลือก

ฉันได้ใช้ความสามารถและความพยายามของตัวเองเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงจะมาถึงจุดนี้ได้ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากบุญเก่าและการภาวนาของฉัน

ความสามารถที่ว่านั้นคือการได้ทำงานเป็นนักแปลและนักเขียน

โชคดีที่ตั้งแต่เรียนจบมา ไม่เคยได้ทำงานเป็นลูกน้องใคร พอย้ายมาอยู่ในอเมริกา ก็เปิดบริษัทแปลภาษาและสำนักพิมพ์ของตนเอง ทำงานอิสระมาโดยตลอด

ฉันไม่อยากทำงานให้คนอื่นเพราะฉันรักความเป็นอิสระ เห็นหลายคนที่ทำงานอยู่เดี๋ยวนี้ ไม่ได้ชอบงานของตัวเอง แต่ต้องทำเพราะไม่มีทางเลือกอื่น ฉันเห็นหลายคนไม่ชอบเพื่อนร่วมงาน ไม่ชอบสถานที่ทำงาน ไม่ชอบบอสของตัวเอง ไม่ชอบเงินค่าตอบแทน แต่ก็จำเป็นต้องทำต่อไป

ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเองและมีประกายอยู่ในใจของตัวเองเสมอที่ฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ก็สามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ถึงแม้มันจะไม่ใช่เงินมากมาย แต่เป็นเงินที่ฉันอยู่ได้สบาย ได้เป็นท่องเที่ยว มีเวลาเป็นของตัวเอง มีเวลาช่วยเหลือผู้อื่น

ฉันรีบแต่งงานกับชาวอเมริกันครั้งแรกตอนมาอเมริกาใหม่ๆ (เพื่อที่จะสามารถอาศั ยและทำงานในอเมริกาได้) แต่อยู่ด้วยกันได้ไม่นาน ฉันก็รู้ว่าเขาไม่ใช่ ถึงแม้เขาจะเป็นคนดีมาก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็ต้องเลิกลากันไป ฉันไม่ต้องทนอยู่กับเขาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด

ต่อมาฉันได้ตัดสินใจที่จะเลือกคู่ครองจากการที่ดูว่าเขามีคุณสมบัติตามที่ฉันต้องการหรือไม่ ฉันได้ตั้ง "บัญญัติสิบประการ" ขึ้นซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ผู้ชายคนนั้นจะต้องมีให้ครบทุกข้อ ถ้าไม่มี ฉันก็ไม่จำเป็นต้องแต่ง อยู่เป็นโสดดีกว่า

สมัยก่อนผู้หญิงต้องทำตัวให้สวย ต้องเก่งการบ้านการเรือน ต้องทำตามจารีตประเพณีเพื่อที่จะแข่งกันที่จะได้ผู้ชายดีๆ หรือมีฐานะ สมัยก่อน "สวยเลือกได้" แต่สมัยนี้ "เก่งเลือกได้" น่าจะเหมาะกว่า

สมัยนี้ เราจะเห็นได้ว่า ผู้หญิงเก่งๆ สวยๆ หลายคนเลือกที่จะเป็นโสด เราไม่ต้องพึ่งผู้ชาย ไม่ต้องแคร์สังคมเหมือนสมัยก่อนแล้ว ฉันเห็นด้วยนะ ถ้าไม่ดี แต่งไปก็ไลฟ์บอย

ในที่สุดฉันก็เลือกนิโคลัสมาเป็นคู่ครอง เขาเป็นสถาปนิกและศิลปินที่เก่งทางด้านการออกแบบและเต้นรำ ฉันไม่ได้เลือกสามีจากที่ว่าเขารวยหรือไม่ (คำว่า "รวย" ไม่ได้อยู่ในบัญญัติสิบประการเลย แต่นิโคลัสก็มีฐานะดีพอสมควร) แต่ฉันดูว่าเขาเป็นคนดีและมีคุ ณสมบัติตามที่ฉันต้องการหรือไม่ เราไปกันได้ดีมาก นิโคลัสตามใจฉันทุกอย่าง เพื่อนๆ ที่อยู่ใกล้กันที่รู้จักเรามักจะพูดว่า ฉันทำยังไงถึงให้เขาตามใจได้ ขนาดนี้ เหตุผลก็คือ ฉันทำสิ่งที่สมเหตุสมผล นิโคลัสชอบฉันเพราะฉันเป็นคนไม่ติดวัตถุ และไม่ถือโกรธกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้แต่เรื่องใหญ่ และฉันขยันฝึกเต้นรำเพราะเขาเป็นคนที่ชอบเต้นรำมาก นิโคลัสไม่ได้กลัวเมียเหมือนกับที่คนบางคนเอาเป็นนินทา เขาเพียงแต่รักฉันมากและให้เกียรติและเคารพฉัน

ฉันเห็นผู้หญิงไทยหลายคนที่แต่งงานกับต่างชาติเพื่อที่จะปรับสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจที่ชอบโอ้อวดว่าตัวรวย ชอบอวดด้านวัตถุ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ชอบสามีของตัวเองเท่าไหร่นัก ทั้งๆ ที่สามีทั้งบังคับ บงการชีวิตและเอาแต่ใจตัวเอง นี่ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะคะ พวกที่ได้สามีดีจริงๆ ตามบัญญัติของเขาก็มี แต่คุณจะรู้เองแหละว่า เขาใช่หรือไม่

หลายๆ คนไม่สามารถเลือกงานหรือเลือกคู่ ครองตามที่ตนต้องการได้ เพราะไม่มีความรู้ความสามารถพอ ภาษาไม่ดี ไม่มีโอกาสหรือจังหวะชีวิตไม่ดี

บางคนก็ได้คู่ครองดีโดยที่ไม่มีความรู้ความสามารถอะไรมากมาย แต่มีเสน่ห์บางอย่างที่จะดึงดูดเขาได้และอาจจะเป็นเพราะเป็นบุญของเขา

แต่ฉันเชื่อว่าถ้าเราขยัน ตั้งใจจริง ศึกษาหาความรู้ให้ถูกวิธี หาโอกาสให้กับตัวเอง เราก็จะเก่งถึงขั้นที่สามารถเลือกที่จะทำในสิ่งที่ต้องการได้

ตอนที่ฉันเรียนสมัยประถมนั้น ฉันเป็นคนเรียนปานกลาง วิชาคณิตศาสตร์ไม่ได้เรื่องเลย เดี๋ยวนี้คำนวณก็ยังอ่อนอยู่เหมือนเดิม

พอเริ่มขึ้นชั้นมัธยมต้น ก็เริ่มมีแววว่าฉันเก่งด้านภาษา ผลการเรียนก็ค่อยๆ ดีขึ้น พอขึ้นมัธยมปลายและเข้ามหาวิทยาลัย ฉันก็ได้มาเรียนทางสายภาษาโดยตรง ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ทำคะแนนเป็นที่หนึ่งในชั้นมาตลอด

ฉันได้ยินคนชมเสมอมาตั้งแต่เด็กว่า ฉันเป็นคนเก่ง แต่ความจริงแล้ว ฉันไม่ใช่คนเก่งมากมายเลย แต่ฉันเป็นคนที่ขยันสุดๆ ฉันไม่กลัวเลยคนเก่ง ฉันสอบชนะพวกเก่งๆ มานักต่อนักแล้ว ฉันเป็นเด็กที่โตมาในจังหวัดเล็กๆ ฉันไม่ได้เรียนพิเศษ ฉันแค่เรียนรู้จากอาจารย์ที่โรงเรียนและอ่านหนังสือ ค้นคว้าด้วยตนเองจากหนังสือพิมพ์และจากห้องสมุด เสียดายนะที่ตอนนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่งั้นฉันคงได้ความรู้มากกว่านี้อีกเยอะเลย

ที่ฉันเขียนบทความนี้ขึ้นมาก็ เพื่อจะบอกว่า ถ้าเราเก่ง มีความสามารถ เราจะสามารถเลือกที่จะทำหลายๆ อย่างได้ในชีวิต

ตอนนี้ฉันจะเลือกงานล่ามที่ฉันชอบ หลายงานที่ฉันทำตอนนี้ ฉันไม่ได้ดูที่ค่าตอบแทนอย่างเดียว ฉันจะดูว่าเป็นงานที่ท้าทาย ได้ความรู้ หรือเป็นงานที่ให้สิ่งได้ช่วยคน ได้ประสบการณ์ ได้พบกับโอกาสที่ดีๆ หรือได้ท่องเที่ยวหรือไม่

ฉันหาเงินเองสำหรับใช้จ่ายสำหรับตัวเอง ช่วยเหลือครอบครัว เพื่อนๆ ทั้งที่ไทยและอเมริกา มีเงินเดินทางท่องเที่ยวโดยที่ ไม่ต้องขอสามีแม้แต่ดอลล์เดียว

ฉันดีใจมากที่ได้มีโอกาสได้ แนะนำงานล่าม วิชาการล่าม เทคนิคการเป็นล่าม งานสอนภาษาไทยให้เพื่อนๆ ที่เป็นนักเรียนของฉันและในกลุ่มล่ามหลายคนได้งานทำทั้งพาร์ทไทม์และฟูลไทม์ บางคนไม่ได้เป็นล่าม แต่ก็ได้นำความรู้ภาษาที่ได้เรียนรู้จากหนังสือและบทความที่ฉันเขียนไปประยุกต์ใช้กับงานของตน

เวลาที่น้องๆ บอกว่า พี่เอ๋ "ตอนนี้หาเงินกลับไทยเองได้แล้ว" "ไปช็อปปิ้งวันนี้จากเงินที่ได้ จากงานล่ามนะ" "ไม่ต้องทำงานร้านอาหารแล้วนะ" เราก็จะแอบยิ้มด้วยความปลื้มใจ

นอกจากการเลือกเรื่องงานและเรื่องคู่ครองแล้ว ฉันได้เลือกที่จะใช้เวลาให้มีคุณค่ากับชีวิตมากที่สุด ฉันเลือกคบเพื่อนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เลือกที่จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เลือกที่โดยการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจตามแบบแพทย์วิถี ธรรม

...และในตอนนี้ ฉันเลือกที่จะมีความสุขในทุกๆ วัน And now...I choose to be happy everyday.