หางานไม่ได้

อุปสรรคสำคัญของคนมีลูกคือการไม่วางใจใคร ข้าพเจ้าก็เช่นกัน เมื่อเกือบครบกำหนดหนึ่งปีที่วางไว้ ข้าพเจ้าก็หาลู่ทางการทำงาน งานส่วนใหญ่ที่คนไทยแนะนำมักจะเป็นงานร้านอาหารแต่ด้วยที่ต้องฝากลูกไว้กับคนอื่น เราจึงเลือกที่จะทำแค่ชั่วคราวซึ่งแน่นอนไม่มีใครยอมรับเข้าทำงาน อีกงานหนึ่งคือพนักงานสปา ข้าพเจ้าตระเวนสมัครทั้งนัดสัมภาษณ์ เดินทางไปครึ่งทางโดนยกเลิกก็เจอมาแล้ว ตอนแรกคิดว่าการหางานในนิวยอร์กโดยเฉพาะเรามีใบเขียวแล้วจะง่าย แต่ความจริงแล้วไม่ง่ายเลย ยิ่งถ้าเรามีลูกและมีเวลาที่จำกัดเป็นตัวกำหนด ฉะนั้นงานที่ถนัดที่สุดและสามารถกำหนดเวลาได้เองก็ไม่พ้นการสอนภาษาไทย

ข้าพเจ้าได้ลงหางานสอนในอินเตอร์เน็ตด้วยเพจส่วนตัว Learn Thai NYC by Kru Nuke นักเรียนส่วนใหญ่ที่ติดต่อมามักจะอยู่ไกลจากที่พัก และเนื่องจากไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เกือบทุกครั้งที่นักเรียนติดต่อมาข้าพเจ้าจำใจต้องปฏิเสธ แม้นักเรียนบางคนจะเสนอออกค่าเดินทางให้ก็ตาม ความรู้สึกกดดันเริ่มมากขึ้นจากค่าใช้จ่ายและแล้วก็เหมือนฟ้าเป็นใจเมื่อไปเปิดเจอเวบไซท์หนึ่งที่เป็นเหมือนระบบเอเจนซี่ ให้เราสามารถเลือกสอนนักเรียนที่อยู่ละแวกใกล้เคียงได้ เวบไซต์นั้นคือ LearnThaiStyle.com ข้าพเจ้าจึงไม่รีรอที่จะสมัครเป็นครูในย่านนี้ซึ่งไม่มีครูไทยเลย พอสมัครได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ก็ได้งานสอนนักเรียนคนแรก และถ้าไม่นับงานเลี้ยงลูก นี่ก็เป็นงานแรกตั้งแต่ย้ายมาอยู่ในสหรัฐอเมริกา งานนี้เราจะได้ค่าจ้างที่ทางโรงเรียนกำหนดในแต่ละประเทศ ในสหรัฐอเมริกาคือชั่วโมงละ $18 และนักเรียนต้องออกค่าเดินทางให้ครูด้วย ข้าพเจ้าจึงเลือกนักเรียนที่อยู่ในสายของรถไฟใต้ดินที่ไม่เสียค่าเดินทางและเวลามากนัก เราสามารถตกลงวันและเวลากับนักเรียนได้โดยตรงซึ่งนี่คือข้อดีมากๆ แต่แน่นอนข้อเสียก็มีเช่นกัน

การสอนของที่นี่เมื่อมีนักเรียนติดต่อมาครูทุกคนก็จะได้รับรายละเอียดเกี่ยวกับนักเรียน พื้นฐานภาษาไทยและจุดประสงค์ของการเรียนภาษาไทย ทางโรงเรียนจะมีคู่มือส่วนตัวเฉพาะสถาบัน เพื่อให้ครูผู้สอนทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะเริ่มสอน ทางโรงเรียนได้กำหนดว่าจะต้องมีการแนะนำคลาส (free trial) ซึ่งตรงนี้ครูจะไม่ได้รับค่าเสียเวลา จุดที่ควรให้ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ นักเรียนบางคนมีความต้องที่จะให้ครูไปสอนในบ้าน ห้องอาคารส่วนตัวซึ่งเราต้องวางตัวและระมัดระวังเพิ่มขึ้น ถึงแม้โรงเรียนจะมีประวัตินักเรียนอยู่ในมือก็ตาม แต่ส่วนมากเราสามารถตกลงกับนักเรียนที่จะสอนในสวนสาธารณะ ร้านอาหาร หรือมุมร้านกาแฟก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน


ได้งานสอนอย่างต่อเนื่อง

หลังจากสมัครงานสอนภาษาไทยผ่านทาง LearnThaiStyle.com ข้าพเจ้าก็เริ่มมีงานสอนจากการที่หานักเรียนทางออนไลน์ส่วนตัว ด้วยการโพสต์ลงในเพจชาวต่างชาติที่สนใจเรียนภาษาไทยหรือแม้แต่มาเที่ยวเมืองไทย บางคนต้องการเรียนแค่เพื่อสื่อสารได้ ต้องการจำเป็นประโยค ไม่อยากรู้ไวยากรณ์ ไม่อยากรู้รายละเอียด ขอแค่ไม่โดนแท็กซี่โกง ไม่เดินหลงทางก็เป็นอันใช้ได้ ในการสอนออนไลน์ข้าพเจ้าคิดชั่วโมงละ$18-$20 แล้วแต่ว่าพื้นฐานได้มากแค่ไหนทดสอบจากการทำแบบทดสอบก่อนเริ่มเรียน นอกจากทั้งสอง งานที่เข้ามาพร้อมๆ กันข้าพเจ้าก็ได้งานที่สาม เมื่อมีคนไทยโพสต์หาครูไทยเพื่อสอนในโรงเรียนสอนภาษาในแมนฮัตตัน

ข้าพเจ้าไม่รอช้า ส่งเรซูเม่ภายในวันที่เห็นโพสต์ทันที อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาก็ได้รับการติดต่อกลับและสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์งานครั้งนี้แปลกและแตกต่างจากงานอื่นๆที่ข้าพเจ้าเจอมา คือทางผู้อำนวยการโรงเรียนได้ให้ผู้สมัครวางแผนหลักสูตรการเรียนการสอน และทดลองการสอนภาษาไทยเบื้องต้นแทน ในการสัมภาษณ์นี้ ข้าพเจ้าตื่นเต้นอย่างมากแต่ก็ไม่ประหม่าแต่อย่างใด

เพราะไม่ใช่การสอนครั้งแรก สองสัปดาห์ถัดมาจึงได้รับอีเมล์ตอบรับว่าได้เป็นครูสอนภาษาไทยอย่างเต็มตัวกับโรงเรียนสอนภาษาไทยแห่งเดียว

ในมหานครนิวยอร์ก Hills Learning Language School ที่ตั้งอยู่บนถนน Madison Avenue บนเกาะแมนฮัตตัน สามารถมองเห็นด้านหน้าของอาคาร Grand Central จากบนห้องเรียนและเมืองที่ไม่เคยหลับของมหานครนิวยอร์ก ที่ Hillslearning มีครูสอนภาษาไทยก่อนหน้าข้าพเจ้าแล้วสามท่าน การเรียนการสอนของที่นี่จะแยกเป็นสองแบบคือ เรียนเดี่ยว (ไพรเวต) และเรียนแบบกลุ่ม แยกเป็นระดับต่างๆ คือ Beginner1-2, Advanced Beginner 1-2, Pre-Intermediate 1-3, Upper Intermediate, Advanced การเรียนเดี่ยว คือการที่นักเรียนแสดงความตั้งใจที่จะเรียนภาษาไทยเพื่อไปใช้เฉพาะงาน ข้าพเจ้าได้สอนนักเรียนเดี่ยวมาห้าคน แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีจุดประสงค์ที่น่าสนใจและแตกต่างกัน อย่างนักเรียนปัจจุบันที่ข้าพเจ้าสอนที่ Hills Leaning คือนักเรียนทุน Fulbright ที่กำลังจะไปศึกษาต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยมหิดล เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและเพศที่สามการสอนลักษณะนี้ข้าพเจ้าต้องทำการบ้านหนักมากขึ้น เพราะต้องหาคำศัพท์และจัดรูปแบบการสอนให้ตรงกับการความต้องการของนักเรียนมากที่สุด

ส่วนการสอนแบบกลุ่ม ทางโรงเรียนกำหนดให้มีนักเรียนอย่างน้อย 3 คนและมากสุด 8 คน เพื่อให้ครูผู้สอนสามารถสอนได้อย่างทั่วถึงทุกคน ในการเรียนการสอนไม่ได้มีเฉพาะชาวอเมริกันเท่านั้นที่สนใจ บ่อยครั้งที่มีนักเรียนไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น ชาวรัสเซีย ฯลฯ ที่สนใจในภาษาไทยเช่นกัน ที่โรงเรียน Hills Learning เราใช้หนังสือ 3 เล่มคือ Thai for Beginners, Thai for Intermediate Learners และ Thai for Advanced Readers ซึ่งเป็นของอาจารย์ เบญจวรรณ ภูมิแสน เบกเกอร์ เจ้าของคอลัมน์นี้นี่เอง

ถ้าใครสนใจเกี่ยวกับการเริ่มต้นเป็นครูสอนภาษาไทยหรืออยากปรึกษาก็สามารถติดต่อมาได้นะคะ ยินดีแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์การทำงานที่นี่ค่ะ

หวังว่าประสบการณ์นี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ