"เสียเปรียบเพราะภาษาไม่ดี" I'm an Underdog Because I Don't Speak English!

ไม่ต้องถึงกับทำงานเป็นล่ามหรือ อยู่ในสายงานด้านภาษา ก็เป็นที่รู้กันดีว่าการที่ไม่รู้ ภาษาหรือภาษาไม่ดีนั้นอาจทำให้ เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้

ยิ่งถ้าอยู่ต่างประเทศที่ต้องใช้ ภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ของเราแล้ว ยิ่งมีโอกาสที่จะเสียเปรียบคนที่รู้ภาษามากขึ้น ถ้าคนที่เราพัวพันด้วยนั้น เขาเป็นคนดี ก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าเขาเป็นคนไม่ดีละก็...เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้

คนไทยคนลาวเป็นชนชาติที่ไม่ค่อยถนัดภาษาต่างประเทศ ภาษาอังกฤษที่ใช้กันเป็นภาษาสากลก็ไม่แข็งแรงเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านในเขตเอเชียอาคเนย์ด้วยกัน

ในฐานะที่เป็นล่ามมืออาชีพที่มี ประสบการณ์แปลให้กับคนไทยและคนลาวหลายพันคน ฉันจึงได้สัมผัสกับคนที่ต้องตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบเมื่อมาอยู่ต่างแดน บางคนก็เสียเปรียบเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บางคนก็โดนโกง บางคนก็โดนใส่ร้ายเป็นแพะรับบาป บางคนเข้าขั้นรุนแรงจนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวหรือจนติดคุกเลยก็มี

การที่เราไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนึกคิดของตัวเองได้อย่างเต็ม ที่ ทำให้เราไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญและรายละเอียด บางอย่างได้ สิ่งนี้ทำให้เราสามารถตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบได้

เวลาที่เป็นคดีความไม่ว่าจะแพ่ง หรืออาญา พวกเราที่อยู่ในต่างแดน หลายคนต้องการที่จะได้ทนายความที่ เป็นคนไทยหรือพูดภาษาไทยได้ เพราะจะสามารถสื่อสารกันได้ แต่ทนายความที่พูดภาษาไทยได้นั้นมีจำนวนน้อยมากและส่วนใหญ่จะทำ ด้านอิมมิเกรชั่นหรือด้านธุรกิจ ยิ่งน้อยไปอีกที่จะทำด้านอาญาหรือด้านแพ่ง สำหรับพวกที่อยู่ในเมืองหรือรัฐ ที่ห่างไกลจากแหล่งชุมชนของคนไทยหรือคนลาวแล้ว โอกาสที่จะได้ทนายความที่พูดภาษ าไทยได้นั้นเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้

ดังนั้น ตอนนี้แหละ คุณอาจจำเป็นที่จะต้องใช้ล่ามแล้ว ภาษากฎหมายไม่เหมือนกับภาษาที่ใ ช้กันในชีวิตประจำวัน ถ้าคุณไม่ได้ศึกษาภาษากฎหมายหรือภาษาอังกฤษของคุณไม่่ดีจริงๆ คุณก็อาจจะไม่เข้าใจ (อย่าว่าแต่ต่างด้าวเลย เจ้าของภาษาก็เข้าใจยากเหมือนกัน)

ในสหรัฐอเมริกา ถ้าเป็นคดีอาญา จำเลยและพยานสามารถขอล่ามฟรีกับ ทางศาลได้ เป็นสิทธิของจำเลยและพยานที่จะได้รับการแปลให้ตนเข้าใจในทุกขั้นตอนของคดี

ในโรงพยาบาล สถาบันสังคมสงเคราะห์หรือศูนย์บริการต่างๆ ของรัฐ ก็มีบริการล่ามให้ฟรี คุณไม่ต้องห่วงว่าจะต้องเสียเงินจ้างล่ามเอง

ส่วนในคดีแพ่ง ปกติแล้วคู่กรณีจะต้องจ้างล่ามด้วยตัวเอง หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องจัดหาล่ามไว้แล้วแต่คดี ยกเว้นในขั้นศาลในบางรัฐ ทางรัฐอาจจัดหาล่ามในคดีแพ่งให้ เมื่อคดีนั้นขึ้นถึงขั้นศาล

ฉันทำงานเป็นล่ามที่เชี่ยวชาญแปลด้านกฎหมาย ฉันจะขอยกตัวอย่างแบบรวมๆ โดยไม่เจาะจงถึงเคสใดเคสหนึ่งเพื่อที่ผู้อ่านได้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

สามีภรรยาคู่หนึ่งโดนหุ้นส่วนฟ้องเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ของ ร้านอาหาร ทั้งสองฝ่ายภาษาอังกฤษอยู่ในระดับโอเค คู่กรณีที่ฟ้องสามีภรรยาคู่นี้ได้ไปหาทนายโดยไม่มีล่ามไปด้วย และได้ให้ทนายส่งหนังสือมาขู่ สามีภรรยาคู่นี้จึงต้องจ้างทนาย เพื่อช่วยในคดีความนี้ แต่ก็ได้ขอให้ฉันไปเป็นล่ามให้ตอนที่คุยกับทนายเพื่อความแน่ใจ ทั้งสองได้บอกว่า ดีใจมากที่ตัดสินใจจ้างฉันไป เพราะเขาสามารถเล่าเรื่องให้ทนายฟังได้อย่างละเอียด ฉันก็ได้แปลทุกอย่างที่เขาได้พูดให้กับทนายฟัง มีข้อเท็จจริงข้อหนึ่งเพียงแค่ป ระโยคเดียวที่ทนายความได้ยินแว่บๆ แล้วบอกให้ฉันพูดซ้ำ ข้อเท็จจริงข้อนี้แหละเป็นตัวที่ให้สามีภรรยาคู่นี้หลุดจากการถูกฟ้องร้องได้ เขาบอกว่าเป็นเพราะเอาล่ามไปด้วย ทำให้มีเวลาคิดขณะที่ล่ามแปลอยู่และได้ลดความตื่นเต้นลงได้เพราะ ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องพูดภาษาอังกฤษเอง

น้องคนหนึ่งได้ใบสั่งคดีเรื่องไปเก็บหอยเปาฮื้อที่ไม่เป็นไปตามสเป็คที่กฎหมายกำหนดไว้ ตอนแรกเขาบอกว่าไม่เอาล่าม เพราะเห็นว่าเป็นแค่คดีเล็กๆ ไม่สำคัญ พอไปถึงศาล ผู้พิพากษาพูดอะไร เขาแทบไม่รู้เรื่องเลย ศาลก็พอดูออกว่าเขาไม่รู้เรื่อง เลยถามเขาว่า เข้าใจหรือไม่ เขาก็ตอบว่า "I understand some, but not everything." (พอเข้าใจแต่ไม่หมด) ศาลบอกว่า "ไม่ได้ คุณต้องเข้าใจให้หมด" จึงสั่งให้เขามาขึ้นศาลใหม่ ศาลจึงเรียกฉันไปเป็นล่ามให้เขา ตอนที่มาขึ้นศาลรอบที่สอง ถ้าเขาได้ขอล่ามตั้งแต่ก่อนที่จ ะขึ้นศาลครั้งแรก เขาก็จะไม่ต้องได้เสียเวลามาศาลอีก

ที่เจอบ่อยมากเรื่องการเสียเปรียบเพราะภาษาก็คือที่ศาลครอบครัว ส่วนมากจะเป็นฝ่ายผู้หญิงไทยที่แต่งงานกับฝรั่ง สามีฝรั่งจะเป็นคนจัดการเอกสารให้ทุกอย่าง เป็นคนคุมเงิน คุมการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของภรรยาคนไทย เป็นเพราะไม่ได้ภาษา จึงจำยอมให้สามีทำนิติกรรมทุกอย่างให้จนถึงขั้นจะทำอะไรต้องให้ สามีช่วยตลอด ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถพึ่งตัวเองได้ พออยู่ไปนานๆ เข้า ก็รู้ว่าตัวเองไม่มีความสุข พอไปถึงจุดที่ตนทนไม่ได้ จึงฟ้องร้องหย่ากัน เงินที่ตัวเองสมควรได้รับตามกฎหมายนั้น สามีเอาเงินไปซ่อนไว้ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้ กว่าจะไปตามมาได้ต้องใช้ทนายที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายครอบครัวและ ล่ามหมดไปหลายตังค์

มีเคสหนึ่งที่น่าเจ็บใจแทน เธอทั้งเจ็บตัวฟรีและติดคุกฟรี เป็นคู่แฟนฝรั่งกับหญิงไทย เกิดการทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ ต่างคนก็ต่างตบตีกัน แต่ฝ่ายผู้หญิงโดนหลายหมัดกว่า ฝ่ายหญิงรู้ว่าจะเสียที เลยวิ่งหนีแล้วปิดประตูห้องเพื่อโทรหา 911 แต่ไม่สามารถอธิบายให้กับเจ้าหน้าที่สายด่วนเข้าใจได้เพราะพูดอั งกฤษได้แค่งูๆปลาๆ ฝ่ายชายเห็นดังนั้นก็โทรหา 911 ด้วยเหมือนกัน แล้วก็บอกว่าตัวเองโดนฝ่ายหญิงทำร้าย เสร็จแล้วฝ่ายชายก็เอามือข่วนหน้าตัวเองจนเลือดออก พอตำรวจมาก็บอกตำรวจว่า "นี่ไง นางนี่มันทำร้ายผม" ตำรวจเลยเอากุญแจมือใส่ฝ่ายหญิง แถมให้ข้อหาการใช้ความรุนแรงในครัวเรือน (domestic violence) เงินประกันตัวก็ไม่มี โทรหาใครก็ไม่เป็น ฉันก็ได้ไปช่วยเป็นล่ามให้น้องคนนี้หลังจากที่ออกจากคุกมาแล้ว เธอเล่าให้ฉันฟังด้วยความแค้นและเจ็บใจอย่างมากที่ตำรวจเชื่อฝ่ายชาย ทั้งที่ตัวเองถูกตีหนักกว่า แต่ไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับตำรวจฟังได้ คดีนี้ศาลยกฟ้องเพราะเห็นว่าเป็ นการต่อสู้ป้องกันตัว แต่ก็ได้กินข้าวฟรีในคุกสองอาทิตย์

คนไทยในต่างประเทศทำธุรกิจร้านอาหารกันมากที่สุด รองมาก็เป็นร้านนวด จึงมีคดีความแพ่งที่เกี่ยวกับเรื่องผิดสัญญากันบ่อยมาก โดยเฉพาะร้านที่มีหุ้นส่วนกัน ส่วนคนไทยที่ทำนิติกรรมกับต่างชาติไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ การเช่าบ้าน การทำประกันและเรื่องอื่นๆ ก็มักจะเสียเปรียบเรื่องภาษาตอน ที่ทำสัญญา ไม่อ่านให้เข้าใจหรือไม่หาคนมาแปลให้เข้าใจอย่างละเอียดเสียก่อน ตอนที่โดนฟ้อง ก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดสัญญาข้อ ไหนบ้าง หลายคนทำสัญญาแบบขอให้เสร็จๆไปที เพราะอยากจะทำธุรกิจเร็วๆ บางคนไม่คิดว่ามันสำคัญ บางคนก็เชื่อใจอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่คิดว่าเขาจะมาทำอะไรกับตัวเองเพราะเป็นเพื่อนรักกันหรือเป็นญาติพี่น้องกัน

ผู้ที่จะมาแปลให้เราควรเป็นผู้มีความสามารถทั้งสองภาษาอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่ว่าใครก็จะมาแปลให้ได้หมด บางคนพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แต่พูดไทยไม่ได้ดี คิดคำไทยไม่ออก บางคนก็แปลแบบตกๆ หล่นๆ บางคนก็แปลคนละเรื่องไปเลย เพราะฉะนั้น จึงต้องเลือกคนที่จะมาแปลให้ดีๆ ส่วนเวลาที่ขึ้นศาล ถ้ารู้สึกว่าล่ามคนนี้แปลไม่ดี ไม่ถูกใจ ก็ให้บอกกับทนาย เพราะสามารถเปลี่ยนล่ามได้ มีเคสหนึ่งที่เป็นการพิจารณาคดี โดยคณะลูกขุน ล่ามภาษาไทยแปลแล้วฟังไม่รู้เรื่องเพราะเขาแปลตามตัวเกินไป ล่ามคนนั้นไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทย จึงต้องเรียกล่ามไทยคนใหม่ไปแปล คำให้การของพยานใหม่หมด คณะลูกขุนจึงต้องนั่งฟังคำให้การของพยานคนนี้อีกรอบ เสียเวลาของทุกคนไปอีกหนึ่งวัน

ล่ามในศาลที่อเมริกาโดยเฉพาะที่ รัฐแคลิฟอร์เนียจะต้องผ่านการสอบและฝึกอบรมเพื่อต่อใบอนุญาตทุกๆ สองปี พวกเราต้องปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมล่ามในศาลยุติธรรม (Code of Ethics of Court Interpreters) จึงมีความรู้ด้านกระบวนการยุติธ รรม คำศัพท์กฎหมายและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีในศาลมากกว่าคนทั่วไป

ส่วนตัวฉันเอง ฉันเป็นคนชอบภาษามาก ฉันชอบทั้งฟัง พูด อ่านและเขียน เวลาแปลจะตั้งใจฟังทุกคำ พยายามจับใจความ ทำความเข้าใจเนื้อหา ประมวลข้อมูล และจะพยายามแปลจุดสำคัญให้ได้หมดโดยเฉพาะจุดที่เป็นกุญแจสำคัญของคำให้การ ฉันได้ฝึกสมาธิในการฟังและฝึกการจดบันทึกโน้ต รวมทั้งฝึกแบบต่อเนื่องและแบบฉับพลันอยู่เสมอ ลูกค้ามักจะบอกว่าอุ่นใจที่ได้ฉันมาเป็นล่ามให้ หลายคนยอมจ่ายให้ฉันบินไปแปลให้ ถึงต่างรัฐทั่วอเมริกา ถ้าเป็นเคสใหญ่ๆ ก็ได้บินไปต่างประเทศด้วย เพราะเขาเห็นความสำคัญของการแปลภาษา เมื่อไม่นานมานี้ ลูกค้าให้ฉันบินไปประเทศฝรั่งเศส ไม่ได้ให้ไปแปลนะ แต่ให้ไปฟังว่าล่ามอีกฝ่ายหนึ่ง แปลถูกหรือไม่ เขาเรียกว่า check interpreter เคสใหญ่ๆ เขาเห็นความสำคัญของการแปลภาษามาก เพราะถ้ามีอะไรที่สำคัญที่ตกหล่นหรือผิดพลาด จะทำให้เขาเสียเปรียบได้

ดังนั้นเพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง ควรระมัดระวังเรื่องการใช้ภาษา ต้องหาคนมาช่วยแปลเอกสารหรือหาล่ามมาแปลให้เข้าใจ หาเวลาและโอกาสเรียนภาษาเพิ่มเติมเพื่อภาษาจะได้ดีขึ้น คนที่ใช้ภาษาได้ดีแล้วควรพัฒนาองค์ความรู้ที่จำเป็นในแต่ละสาขา อาชีพ จะได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ยิ่งขึ้นเพราะไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาและการเรียนรู้สิ่งใด จำเป็นที่จะต้องมีการทบทวนและฝึกฝนเพิ่มเติมอยู่เสมอ นอกจากนั้นจะยังเป็นการพัฒนาตัวเอง เป็นการเปิดโลกทรรศน์ให้หูตากว้างไกลและที่สำคัญจะได้ไม่ต้องเสียเปรียบใคร