เฟซบุ๊ค - ดาบสองคม Facebook - A Double-Edged Sword

ฉันใช้เฟซบุ๊คมาได้กว่าทศวรรษแล้ว เป็นสื่อสังคมที่ฉันใช้มากที่สุด ฉันได้สังเกตและจับตามองการใช้ เฟซบุ๊คของตนเองและของผู้อื่นมาอย่างต่อเนื่อง และไม่นานมานี้ ก็ได้มีโอกาสไปเป็นล่ามที่สำนักงานใหญ่ของเฟซบุ๊คในการประชุมกับอีกบริษัทหนึ่งจากประเทศไทย จึงได้เห็นบทบาทของสื่อสังคมยักษ์ใหญ่ตัวนี้ในเชิงลึก

สมัยนี้เทคโนโลยีได้นำสื่อต่างๆ มาให้เรามากมาย มีข้อมูลข่าวสารเยอะแยะไปหมด ไม่รู้จะเลือกดูอะไร จะเลือกอ่านอะไร มีข้อมูลที่ดีก็เยอะ ข้อมูลที่ไม่ดีและไร้สาระก็ยิ่งเยอะกว่า ดังนั้น จึงต้องใช้วิจารณญาณที่ดีเพื่อที่จะดูว่าเราสมควรที่จะเสียเวลาอ่านหรือดูข้อมูลนั้นหรือไม่

ฉันระวังมากในการเลือกอ่านและดู ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพราะฉันระวังเรื่องการใช้ เวลาที่มีอยู่น้อยนิดในโลกใบนี้ พยายามใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ในฐานะที่เป็นนักเขียน ฉันจะพยายามเขียนและโพสต์สิ่งที่ เป็นประโยชน์หรือสิ่งที่เป็นความรู้ให้กับผู้อ่านให้มากที่ สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่อยากให้เขาต้องเสียเวลาอ่านบทความของฉัน

ในความคิดของฉัน ฉันว่าถ้าเรารู้จักใช้เฟซบุ๊คในทางที่ถูกต้องแล้ว มันจะให้ประโยชน์อย่างยิ่ง เฟซบุ๊คใช้ง่าย เป็นสื่อที่ฉันใช้ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนๆ ทุกวัน และฉันก็ใช้ในการโปรโมทธุรกิจของตัวเองด้วย ฉันชอบมากเพราะฉันใช้มันในการแบ่งปันความรู้และความคิดต่างๆ

เห็นบางคนใช้เฟซบุ๊คเป็นที่ ระบายอารมณ์ ด่าคนอื่น ประชดประชันโดยใช้ภาษาที่ไม่สุภาพและรุนแรง ดูเหมือนว่าเขาคิดว่าเป็นเรื่องเท่ที่ด่าคนอื่นในที่สาธารณะโดยใช้ภาษาที่หยาบคาย ก็ได้แต่ดูอย่างเดียว เขาเลือกที่จะใช้เฟซบุ๊คแบบนั้น ก็เป็นสิทธิของเขา

เวลาที่ฉันเห็นหรืออ่านอะไรในสื่อสังคม ฉันจะใช้ปัญญาพิจารณาก่อน สิ่งที่เราเห็นที่คนเอามาโพสต์ เป็นแค่ข้อมูลบางส่วนเท่านั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด ฉันเคยเห็นบางคนชอบโชว์ว่ามี ความสุขอย่างนั้นอย่างนี้ โดยเฉพาะพวกที่ชอบโชว์ชอบอวดวัตถุหรือชอบอวดแฟนรวย แต่ไม่นานก็ อ้าว! ทำไมคนนี้มีชื่อในคดีหย่าร้างกันในศาลหรือคดีตบตีกันล่ะ ฉันต้องถอนตัวจากการเป็นล่ามหลายครั้งเนื่องจากรู้จักคู่ กรณี

เฟซบุ๊คและสื่อสังคมอื่นๆ เป็นเหมือนยาเสพติด ฉันเองยังต้องระวังไม่ใช้มากเกินไป ต้องระวังไม่ให้ตัวเองถู กครอบงำและไม่ให้มันมาเป็นตัวกระตุ้นกิเลสของตัวเอง

หลายๆ สิ่งที่เราเห็นจะทำให้เราเกิดความโลภ โกรธ เกลียด อิจฉาได้ เมื่อมีสิ่งมากระทบตาของเราบนจอโทรศัพท์มือถือเราก็จะถูกเคลื่อนไหวได้คือ เกิดอาการอยากได้บ้าง เกิดอาการโกรธบ้าง เกลียดบ้างหรืออิจฉาบ้าง ฉันก็เคยมีความรู้สึกเช่นนั้น แต่ตั้งแต่ฉันได้มาฝึกลดกิเลสจากการศึกษาแพทย์วิถี ธรรมและวิธีการดับทุกข์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉันได้ฝึกลดความโลภ โกรธ เกลียดได้แล้ว เรื่องอิจฉายิ่งไม่มีแล้วตอนนี้ ฉันจึงระวังมากในการโพสต์แต่ละโพสต์ ฉันจะพิจารณาว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านหรือไม่ จะระวังไม่ให้กระทบกระเทือนใครและไม่หน่วงเหนี่ยวให้ผู้ อ่านเกิดกิเลสในทางลบ

บางคนบอกไม่ชอบเฟซบุ๊คเพราะไม่อยากเสียความเป็นส่วนตัว ไม่อยากรู้เรื่องชาวบ้าน อันนี้ก็ไม่ว่ากัน ใครไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร แต่คนที่ใช้ ต้องระวังเรื่องการรับข้อมูลข่าวสารและการปกป้องความเป็นส่วนตัวของตัวเอง

ตอนนี้มีทั้งวิดีโอคลิปและโพสต์ ในเฟซบุ๊คและสื่อสังคมอื่นๆ ที่ออกมาสอนวิชา "จับฝรั่งรวย" เต็มไปหมด มีการแนะนำวิธีต่างๆ ที่เป็นทางลัดเพื่อจะได้แฟนรวย ก็ไม่เลวนะคะ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิต

ฉันคิดว่า ถ้าอยากมีชีวิตดี ที่ก้าวไกล เรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง เรียนจนถึงขั้นใช้งานได้ สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ เพื่อหาเงินด้วยลำแข้งของตัวเอง สามารถหาเงินเองด้วยความภาคภูมิใจ มีโอกาสเขยิบฐานะตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ต้องไปรอลุ้นว่าจะได้แฟนฝรั่งรวย ถ้าเราภาษาดี เรายิ่งมีโอกาสเลือกได้ แต่เรื่องนี้เอาแน่ไม่ได้ บางทีก็เจอเอง บางทีหายังไงก็ไม่เจอ บางทีรวยก็ใช่ว่าจะดี แต่ที่แน่ๆ ถ้าเราเก่งภาษาอังกฤษ เราก็จะไม่ตกงาน สามารถหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องจะมามัวลุ้นว่าจะได้ฝรั่งแบบไหน

บางคนแช็ทแต่กับฝรั่ง โดยใช้กูเกิลช่วยแปลบ้าง ใช้ความรู้เก่าแบบงูๆ ปลาๆ บ้าง แช็ทได้แช็ทดีทั้งวัน ใช้แต่ภาษาง่ายๆ และก็ส่งแต่สติ๊กเกอร์ ถ้าเอาเวลานั้นมาพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแบบถูกวิธี ก็จะสามารถสื่อสารได้ดีขึ้น สามารถพูดคุยกับคนที่มีความรู้ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในระดับสูงหรือที่ซับซ้อนได้ ถ้าจะแช็ท ก็เอาแค่หอมปากหอมคอ ไม่ควรเสียเวลากับการแช็ทมากเกินไป

ฉันขอแนะนำว่า มีวิชาติดตัวจะดีกว่าเอาเวลามาเรียนภาษาอังกฤษให้เก่งไปเลย พอเรียนภาษาอังกฤษเก่งแล้ว จะเปิดโอกาสให้อีกมากมาย อย่าเสียเวลามากเกินไปกับหาแฟนฝรั่งเลย เก่งแล้วเดี๋ยวเขาจะมาเอง ฝรั่งที่รวยสมัยนี้เขาก็เลือกเหมือนกันนะ ไม่ใช่จะจับเขาง่าย ๆ เพราะเขาก็กลัวถูกจับเช่นกัน ทำตัวเองให้มีคุณค่า แล้วรัศมีจะเจิดจ้าไปเตะตาคนที่ใช่เอง

ฉันชอบเลือกอ่านโพสต์ที่เป็นอาหารทางใจ เช่น ฉันจะติดตามพี่คนหนึ่ง เขาไม่ใช่นักเขียน ไม่ใช่คนมีชื่อเสียง แต่ฉันชอบทุกโพสต์ของพี่เขาเพราะทุกครั้งที่ฉันอ่านแล้วทำให้ฉันสบายใจ นอกจากนี้ฉันก็ชอบอ่านและชอบดู คลิปธรรมะต่างๆ ตอนนี้มีที่ดีๆ มากมายให้เลือก แต่บางทีถ้าอยากรีแล็กซ์ก็จะดู คลิปตลกๆ บ้าง

สิ่งหนึ่งที่ฉันชอบมากเกี่ยวกับการใช้เฟซบุ๊คคือ มันช่วยคัดเลือกเพื่อนให้เราอย่างอัตโนมัติ คนไหนชอบโพสต์เรา ชอบความคิดเรา เขาก็มาขอแอดเป็นเพื่อนเราเอง แต่เวลาที่เขาไม่ถูกใจ เขาก็จะห่างเหิน หรืออันเฟรนด์ไปเอง เราไม่ต้องเสียเวลาพิจารณาเอง คอมเม้นท์แต่ละคอมเม้นท์ที่โพสต์มาเราก็พอบอกได้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเรา ฉันต้องขอขอบคุณเฟซบุ๊คที่ทำให้ ฉันได้กัลยาณมิตร แฟนคลับและนักเรียนที่มาเรียนวิชาการล่ามและภาษาอังกฤษกับฉันหลายคน

ฉันว่าเฟซบุ๊คเหมาะมากสำหรับการทำธุรกิจถ้าเรารู้จักใช้มัน หลายคนใช้เฟซบุ๊คในการขายสินค้าหรือไม่ก็ขายบริการ ฉันว่าโอเคนะ ถ้าไม่มากจนเกินไปและไม่ทำให้ คนรำคาญ ฉันก็ขายเหมือนกัน ฉันขายความรู้และบทเรียนต่างๆ และขายบริการล่ามและการแปลภาษา เดี๋ยวนี้ได้งานค่อนข้างเยอะจากลูกค้าที่มาจากเฟซบุ๊ค

สำหรับฉันแล้ว ฉันเลือกที่จะใช้เฟซบุ๊คด้วยความระมัดระวัง พยายามใช้มันให้เป็นประโยชน์ มากที่สุด เพื่อที่จะให้เป็นแค่ดาบคมเดียวโดยที่จะไม่ให้มีอีกคมที่ จะมาทำร้ายตัวเอง


- ล่ามเอ๋ เบญจวรรณ