บทเรียนจากการเป็นล่าม ตอนที่ 4

คนไทยจำนวนมากเสียเปรียบจากการไม่รู้ภาษา Many Thais Are Taken Advantage of Because They Don't Understand English

การทำงานเป็นล่ามในอมริกาทำให้ฉันมีโอกาสได้เห็นคนไทยจำนวนมากถูกเอาเปรียบ ถูกกดขี่ข่มเหงและเสียโอกาสจากการไม่รู้ภาษาอังกฤษหรือรู้ภาษาอังกฤษไม่ดีพอ ฉันมักจะได้ยินคนไทยบ่นให้ฟังในทำนองนี้เป็นประจำ

"ป้าไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย อ่านออร์เดอร์ก็ไม่ได้ เขาต้องเขียนเป็นภาษาไทยให้ ต้องคอยพึ่งคนนั้นคนนี้ ถูกพวกในครัวด้วยกันข่มเหงตลอด ต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น ได้เงินน้อยกว่าด้วย ป้าหันหน้าเข้าฝาแอบปาดน้ำตาอยู่ประจำ แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า อดทนเอา เดี๋ยวอาทิตย์นี้ก็จะได้เงินส่งกลับบ้านแล้ว"

"พี่ได้งานร้านนวดของฝรั่ง ฟังลูกค้าไม่ค่อยเข้าใจ ที่นั่นไม่มีคนไทยเลย มีครั้งหนึ่งลูกค้าคนนึงบอกให้ทำอย่างแต่พี่ไปทำอีกอย่าง ลูกค้าไปบ่นให้เจ้าของฟัง แล้วไปเขียนรีวิวใน Yelp ด่าทางร้าน เขาเลยให้พี่ออก เสียดายเหมือนกัน ร้านนั้นทิปดีมาก"

"หุ้นส่วนธุรกิจผมมันเอาเปรียบมาก มันทำเอกสารทุกอย่างเอง ผมไว้ใจมัน ผมเซ็นเอกสารภาษาอังกฤษที่มันเอามาให้เซ็น ตอนนี้ผมเสียเปรียบมาก ต้องเอาทนายมาสู้ แทบหมดตัว"

"หนูทะเลาะกันกับแฟนถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน หนูเป็นคนโทรเรียก 911 แต่พอตำรวจมากลับมาจับหนูไป แฟนหนูมันเอามือข่วนหน้า ข่วนตามแขนตัวเอง แล้วพูดอะไรไม่รู้กับตำรวจ ทั้งๆ ที่มันตีหนูก่อนและหนูเป็นคนโทรแจ้งความ ตำรวจก็เชื่อมันเพราะมันมีแผลตามตัว หนูอธิบายให้ตำรวจฟังไม่ได้เพราะภาษาไม่ดี หนูติดคุกฟรีหลายวัน กว่าจะมีล่ามมาช่วยอธิบาย"

"ฝนไปสมัครงานฝ่ายบริการลูกค้า ฝนมีใบเขียว เรียนจบโทบริหารธุรกิจ ตอนสัมภาษณ์ทางบริษัทบอกคุณสมบัติเกินพอ แต่ก็ถูกปฏิเสธเพราะเขาว่าฟังฝนพูดไม่ค่อยเขาใจ ภาษาอังกฤษยังไม่ดีพอ ฝนเลยยอมจ่ายเงินเรียนภาษาอย่างจริงจังแล้วตอนนี้ ไปเรียนที่คอมมิวนิตี้คอลเลจ (วิทยาลัยชุมชน) ก็แทบไม่ได้อะไร ที่นั่นเรียนฟรี แต่ครูไม่ค่อยใส่ใจนักเรียน ทำการบ้านหรือไม่ก็ได้ ใครอยากมาตอนไหนก็มา เสียดายที่ไม่ได้ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษตอนอยู่เมืองไทย"

ฉันชอบพูดเป็นเชิงตลกกับคนไทยที่นี่ว่า "ไม่ต้องรู้ภาษาอังกฤษก็ได้ค่ะ เดี๋ยวล่ามไม่มีงานทำ" แต่จริงๆ แล้ว ฉันอยากให้ทุกคนสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ เองได้ มีงานดีๆ ทำ ไม่ต้องห่วงว่าล่ามจะไม่มีงานทำ เพราะถึงอย่างไร เวลาที่มีคดีความหรือจำเป็นต้องขึ้นศาล หลายคนก็จำเป็นต้องใช้ล่าม เพราะศัพท์กฎหมายและกระบวนการทางกฎหมายนั้นมีความยุ่งยากซับซ้อน

เมื่อเราไปอยู่ประเทศใด เราควรเรียนรู้ภาษาของประเทศนั้น อย่างน้อยก็ให้อยู่ในระดับที่ติดต่อสื่อสารได้ การที่มาอยู่อเมริกาและไม่ยอมเรียนภาษาอังกฤษให้ดีนั้น ฉันคิดว่าน่าเสียดายโอกาสเป็นอย่างยิ่ง คนไทยก็จับกลุ่มแต่กับคนไทยด้วยกัน หลายคนไม่มีเพื่อนชาวอเมริกันหรือเพื่อนชาติอื่นๆ เลย บางคนก็มีแต่สามีชาวอเมริกันและครอบครัวเขาเท่านั้น ไม่เคยทำกิจกรรมกับคนอเมริกันที่นี่ ไม่สามารถกลมกลืนเข้าสู่สังคมอเมริกาได้ ไม่เข้าใจสิทธิหลายอย่างของตน ทำให้มุมมองแคบเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่รู้ภาษามากกว่า บางครั้งก็อาจถึงขั้นถูกดูถูกเหยียดหยามได้ ฉันหวังว่าเมื่อคุณผู้อ่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว จะเริ่มเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ถึงแม้ว่าบางท่านอาจจะพอสื่อสารได้บ้างแล้วก็ตาม

โรบินฮู้ด ใบเขียวหรือซิติเซ่นก็สามารถประสบความสำเร็จได้ You Can Be Successful Regardless of Your Immigration Status

ฉันได้สังเกตดูการใช้ชีวิตของคนไทยในอเมริกาอย่างใกล้ชิดจากการทำงานล่ามในประเทศนี้ จึงได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศนี้ในสถานะใด คุณก็สามารถประสบความสำเร็จได้

ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนต้นของหนังสือเล่มนี้ คนไทยที่อพยพมาอยู่อเมริกาส่วนใหญ่ก็เนื่องมาจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ ผู้ที่ได้วีซ่าเข้ามาแล้วไม่ยอมกลับประเทศไทยมักจะวางแผนที่จะโดดวีซ่าไว้ก่อนแล้ว พร้อมที่จะอยู่ในอเมริกาอย่างไม่ถูกต้อง เพราะเห็นหลายๆ คนที่โดดวีซ่าเป็นโรบินฮู้ดก็มีงานทำ มีเงินส่งกลับบ้านเยอะแยะเพราะทำงานได้รับเงินสด ไม่ต้องเสียภาษี นี่คือข้อดีอันดับหนึ่งของการที่มาอยู่ในประเทศนี้อย่างผิดกฎหมาย

แต่ข้อเสียของการเป็นโรบินฮู้ดนั้นมีมากมาย การที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องทำให้ไม่สามารถเลือกงานได้และส่วนใหญ่ไม่สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ จึงต้องไปทำงานให้กับธุรกิจที่คนไทยเป็นเจ้าของซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านอาหารไทยหรือร้านนวด มีเพียงไม่กี่ร้านที่จะได้เจ้าของที่ใจดี แต่ส่วนมากมักจะเอาเปรียบแรงงานไทยด้วยกันเอง บางที่ใช้งานราวกับทาสจนเข้าข่ายที่เรียกว่าเป็นการขูดรีดแรงงาน (exploitation)

เมื่ออยู่ไปนานๆ โรบินฮู้ดหลายคนก็อยากจะกลับบ้าน แต่ก็กลับไม่ได้ หลายรายที่พ่อแม่เสียก็ไม่ได้กลับไปเผา ถ้ากลับไปแล้วก็จะเข้ามาไม่ได้อีกเป็นสิบปี (ยกเว้นสมัยก่อนมีพวกทำเอกสารปลอมแล้วพากันเข้ามาใหม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้ง่ายๆ แล้วเพราะมีการสแกนลายนิ้วมือตอนเข้าเมือง) จึงต้องหาทางที่จะได้ใบเขียว บางคนก็หาคนที่เป็นซิติเซ่นแต่งงานด้วย ถ้าโชคดีก็มีฝรั่งหลงรัก เขาก็แต่งให้ แต่ถ้าหาคนที่จะแต่งด้วยจริงๆ ไม่ได้ ก็ต้องไปจ้างแต่ง ซึ่งตอนนี้ค่าจ้างตกในราคา 20,000-40,000 เหรียญ บางคนต้องไปทำเรื่องหย่าคู่สมรสตัวเองก่อนเพื่อที่จะสามารถแต่งงานใหม่ได้ หลายคู่สามารถทำได้แนบเนียนและผ่านไปด้วยดี แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ผ่านขั้นตอนนี้ หลายคนโดนหลอกเอาเงิน ถูกบังคับให้จ่ายเงินเพิ่ม ไม่งั้นจะไม่ทำเรื่องต่อให้ จึงต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลาและเสียประสาทด้วย ฉันมีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับการแต่งงานเท็จของโรบินฮู้ดไทยในอเมริกา

แต่โรบินฮู้ดที่ประสบความสำเร็จก็มีจำนวนไม่น้อย ที่ฉันเห็นทุกคนก็คือ ผู้ที่มุมานะ ไม่ติดอบายมุข รู้จักเก็บเงิน ส่งเงินกลับบ้าน หรือทำธุรกิจที่อเมริกาหรือซื้อบ้านเป็นหลักเป็นแหล่งในประเทศนี้ มีโรบินฮู้ดกลุ่มหนึ่งที่ฉันรู้จัก บ้างก็โดดวีซ่านักเรียน บ้างก็โดดวีซ่าท่องเที่ยว แต่รู้จักทำมาหากิน ศึกษาหาวิธีทำธุรกิจ บางคนโชคดีได้หมายเลขโซเชียล (หมายเลขประกันสังคม) อย่างถูกกฎหมาย มีลูกที่อเมริกา (เด็กที่เกิดที่นี่เป็นพลเมืองอเมริกาโดยอัตโนมัติและสามารถเป็นสปอนเซอร์ให้พ่อแม่ได้เมื่ออายุครบ 21 ปี) พวกเขามีใบขับขี่ที่ถูกต้อง พูดภาษาอังกฤษได้ดี รู้จักหาข้อมูล รู้ว่าจะต้องปรึกษาใคร รู้ว่าจะได้รับการรักษาพยาบาลฟรีที่ไหนบ้าง มีช่องโหว่ของกฎหมายมากมายที่พวกเขาได้เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ โรบินฮู้ดหลายคนได้เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารเสียเอง หลายคนที่ฉันรู้จักทำเงินได้ถึงหลักล้านเหรียญเลยทีเดียว พวกเขาใช้ชีวิตอยู่เหมือนคนอเมริกันทั่วไปเพียงแต่ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้เท่านั้น

เมื่อปลายปีค.ศ. 2014 ประธานาธิบดีโอบามาได้ประกาศออกกฎหมายคุ้มครองโรบินฮู้ดเกือบห้าล้านคนให้รอดพ้นจากการถูกส่งตัวกลับบ้านเกิด ผู้ที่จะได้รับโอกาสนี้จากรัฐบาลโอบามามากที่สุดคือ พ่อแม่ที่มีลูกที่เกิดในประเทศนี้ที่เป็นพลเมืองอเมริกัน โรบินฮู้ดไทยหลายคนก็ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายนี้ด้วย

ส่วนพวกที่มีใบเขียว ใบอนุญาตทำงานที่อเมริกาหรือผู้ที่เป็นซิติเซ่นเองก็สามารถประสบความสำเร็จได้ กลุ่มนี้มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้มากกว่ากลุ่มที่เป็นโรบินฮู้ดเพราะไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ถูกกดขี่ข่มเหงหรือถูกเอารัดเอาเปรียบเท่ากับพวกที่เป็นโรบินฮู้ด แต่บางคนก็ได้ใบเขียวมาง่ายๆ เช่น จากการแต่งงานหรือมีญาติสปอนเซอร์มาให้ และบางคนก็เรียนเพื่อที่จะสอบซิติเซ่นผ่านเท่านั้น พอสอบผ่านก็ลืมหมด ภาษาอังกฤษก็ใช่ว่าจะพัฒนาขึ้น ไม่รู้จักขวนขวายเพิ่มเติม ไม่เรียนรู้ภาษาอังกฤษให้อยู่ในระดับดี ก็แทบจะไม่แตกต่างจากพวกที่เป็นโรบินฮู้ด ยังต้องทำงานในครัวหรือในร้านนวดอยู่เหมือนเดิมแถมยังต้องเสียภาษีอีกด้วย

ฉันรู้สึกเสียดายที่เห็นคนไทยหลายคนที่มาอยู่อเมริกาที่เอาแต่ทำงานอย่างเดียว เข้างานแต่เช้า กว่าจะออกงานก็มืด แทบจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน วันหยุดก็ต้องซักผ้า ทำงานบ้าน ไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่เมืองซานฟรานซิสโกมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย มีกิจกรรมต่างๆ แทบทุกสัปดาห์ตลอดปี แต่คนไทยน้อยนักที่จะได้ไปร่วมกิจกรรมเหล่านั้น บางคนมาอยู่สิบปี เคยไปสะพานโกลเด้นเกทเพียงครั้งเดียว พอทำงานแล้วแทบจะไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนเลย

สำหรับผู้ที่ถือใบเขียว ฉันขอแนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ควรเป็นซิติเซ่นให้เร็วที่สุด เพราะการเป็นซิติเซ่นยิ่งจะเปิดโอกาสให้คุณประสบความสำเร็จในประเทศนี้ได้มากยิ่งขึ้น ไม่ต้องห่วงว่า การเป็นพลเมืองอเมริกันจะทำให้คุณไม่ได้เป็นคนไทยอีกต่อไป หรือกลัวว่าจะมีปัญหากับทรัพย์สินที่เมืองไทย เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง กฎหมายไทยยิ่งมีช่องโหว่มาก เพียงต้องระวังเรื่องบางอย่าง เช่น การเปิดบัญชีที่เมืองไทยเป็นชื่อของคุณเองหลังจากที่เป็นซิติเซ่นแล้ว และให้ปรึกษาทนายความก่อนที่จะทำนิติกรรมที่สำคัญๆ การที่คุณได้สัญชาติอเมริกัน ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ใช่คนไทยอีกต่อไป ถึงแม้ตอนที่คุณไปสาบานตนเป็นพลเมืองอเมริกันและคุณได้สัญญาที่จะจงรักภักดีต่อสหรัฐอเมริกา ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่จงรักภักดีต่อประเทศไทย ยังไงเราก็เป็นคนไทยอยู่วันยังค่ำ เราไม่ได้สละความเป็นไทย ในใจของเราก็เป็นคนไทยเสมอ เราเปลี่ยนสัญชาติเพื่อความสะดวกเท่านั้น คุณสามารถกลับไปเป็นคนไทยได้ทุกเมื่อ อย่าเสียดายค่าสมัคร ให้รีบสมัครขอเป็นซิติเซ่นทันทีที่คุณมีคุณสมบัติเพียงพอและพยายามสอบผ่านให้เร็วที่สุด

การเป็นพลเมืองอเมริกันนั้นมีข้อดีมากมาย คุณสามารถสปอนเซอร์สมาชิกครอบครัวให้ได้ใบเขียว สามารถออกคะแนนเสียงเลือกตั้งได้ สามารถเดินทางไปกว่า 160 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าเมื่อถือพาสปอร์ตสหรัฐ สามารถทำงานให้กับรัฐบาลกลางได้ สามารถเป็นลูกขุนได้ มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการสังคมอื่นๆ ที่ผู้ถือใบเขียวไม่มีสิทธิได้รับ และที่สำคัญที่คนหลายคนคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อคุณได้เป็นพลเมืองอเมริกันแล้ว คุณจะไม่ถูกส่งตัวกลับประเทศไทย ถ้าคุณถูกศาลหรือคณะลูกขุนตัดสินว่าผิดในคดีอาญาสถานหนัก (felony) มีโรบินฮู้ดและผู้ถือใบเขียวหลายคนที่ฉันเป็นล่ามให้ ได้ถูกส่งตัวกลับประเทศไทยหลังจากที่ถูกศาลตัดสินลงโทษในหลายๆ คดี

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอเมริกาในสถานะใดก็ตาม คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ ความสำเร็จในนิยามของฉันคือ การมีชีวิตอยู่อย่างไม่ลำบาก มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดี มีเงินใช้สอยอย่างสะดวกสบายหลังจากจ่ายภาษีแล้ว มีโอกาสได้ท่องเที่ยวตามสมควร มีเวลาทำกิจกรรมในสิ่งที่ตนชอบ ได้ทำบุญหรือช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ และมีความสมดุลในชีวิต ฉันคิดว่าคนเราสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก

อเมริกายังเป็นดินแดนที่ให้โอกาส ความเท่าเทียมและประชาธิปไตยสำหรับคนทั่วไปมากกว่าที่ประเทศไทยของเรา เราสามารถเลือกเอาสิ่งดีๆ ของทั้งสองประเทศมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองได้ อย่าปล่อยให้โอกาสนั้นผ่านไป

...................... ยังมีต่อ